[jaesz]

ผมไม่ใช่เจ้าของหนังสือนะครับ ไม่รู้เขาจะปล่อยนานแค่ไหน ถ้าใครอยากรู้ โหลดไว้อ่านครับ เล่มนึงหลายพันบาท มีอ้างอิงให้ไปอ่านต่อ

จุดประสงค์การอ่าน เพื่อให้เข้าใจระหว่าง ความหนืด และแรงเสียดทาน ถ้าคุณอ่านแล้วเข้าใจได้สบายไป

สูตรต่าง ๆไม่ต้องไปจำครับ อ่านแค่ให้เข้าใจถึงขนาดของหน่วย แรงเสียดทาน ความสัมพันธ์ วิธีการวัดคร่าว ๆ เท่านั้นเอง

เล่มแรกเป็น Rheology ครับ จุดประสงค์การอ่านเพื่อจะให้คุณเข้าใจว่าทำไมในโลกนี้ไม่มีเทวดา คน หรือ ลิงที่ไหนสามารถบอกความแตกต่างของviscosity ที่อุณหภูมิแบบไทย ๆ เวลามันอยู่ในเครื่องยนต์ได้

http://www.segemar.gov.ar/bibliotecaintemin/LIBROSDIGITALES/ISBN953803201BarnesAHandbookofElementaryRheology.pdf

อ่านเล่มนี้ให้เข้าใจว่าทำไมอากาศร้อนแบบบ้านเราต้องใช้น้ำมันเบอร์หนา VISCOSITY, HTHS, Friction สัมพันธ์กันอย่างไร

https://books.google.co.th/books?id=IsCUn7vT21wC&printsec=frontcover&hl=th


และตามด้วย
 เว็บของเชลล์  อ่านไอ้สองเล่มบนก่อน จะเข้าใจลิงค์นี้มากเป็นพิเศษ

http://www.shell.com.au/products-services/on-the-road/consumer-lubricants-tpkg/right-oil.html

สุดท้าย API.org มีข้อมูลในโลกแห่งความจริงเกี่ยวกับน้ำมันแทบทุกอย่าง น้ำมันเบอร์บางประหยัดกว่าเบอร์หนาเท่าไหร่ อยู่ในนี้ครับ ทดสอบไว้แล้ว ไม่ต้องมโนเอาเอง

[2k]

 

[Tue]

ขอบคุณมาก ๆ ครับ คุณ Jae สำหรับแหล่งข้อมูล

เยอะมาก  แต่เลื่อนดูคราว ๆ จาก https://books.google.co.th/books?id=IsCUn7vT21wC&printsec=frontcover&hl=th

มีเรื่องที่สงสัยและสนใจอยู่พอดี
โดยเฉพาะ หน้า 25 หัวข้อ Engine Oil Fuel Efficiency

จริง ๆ แล้วความสงสัยและสนใจ ตั้งต้นมาจากกระทู้ของคุณ Jae
ที่บอกว่า base oil ของเจ้านี้ ระยะทำงาน 250 ชม อีกเจ้า 300 ชม

[jaesz]

ขอบคุณมาก ๆ ครับ คุณ Jae สำหรับแหล่งข้อมูล

เยอะมาก  แต่เลื่อนดูคราว ๆ จาก https://books.google.co.th/books?id=IsCUn7vT21wC&printsec=frontcover&hl=th

มีเรื่องที่สงสัยและสนใจอยู่พอดี
โดยเฉพาะ หน้า 25 หัวข้อ Engine Oil Fuel Efficiency

จริง ๆ แล้วความสงสัยและสนใจ ตั้งต้นมาจากกระทู้ของคุณ Jae
ที่บอกว่า base oil ของเจ้านี้ ระยะทำงาน 250 ชม อีกเจ้า 300 ชม

base oil age ขอไม่ตอบตอนนี้นะครับ เดี๋ยวคนอื่นจะงงไปไปมากกว่านี้ เอาให้เข้าใจเรื่อง Viscosity กับ Efficiency improvement ก่อน เพราะการเข้าใจอายุ มันเป็นเรื่องทางเคมีมากกว่านี้

ตอนนี้อยากให้เข้าใจเหมือนกันทั่วโลกก่อนว่า ความหนืดหนะบน EPA Test แล้ว ยังประหยัดได้แค่นี้เอง ถ้าวัดมาตรฐานอุณหภูมิแบบเมืองไทย มันไม่เหลือเท่าไหร่หรอกครับ