ทำให้ผมนึกขึ้นได้ว่ารถคันเก่าผมก็เป็น 124
อยู่กับผมตั้งแต่ปี 1989-2008 แต่ผมกลับหารูปมันตอนกลางคืนแทบไม่เจอเลย แทบไม่ได้ถ่ายเก็บไว้เลย
อาจจะถ่ายด้วยกล้องฟิล์มไว้บ้างแต่ทั้งอัลบั้มก็โดนน้ำท่วมไปหมดแล้วกระมัง
ภายในของ 124 จะเป็นแบบเยอรมันยุค 80s แท้ๆครับ ไม่มีอะไรเป็นดิจิตอลเลย (ยกเว้นเกจ์วัด Outside Temp
ซึ่งรถประกอบในจะไม่มีจากโรงงาน) ทุกอย่างจะดูซิมเปิ้ลสุดๆ แสงไฟที่ใช้จะเป็นแสงเหมือนหลอดไฟธรรมชาติ
ไม่ว่าจะเป็นสวิตช์กระจกไฟฟ้า แอร์ คันเกียร์ หรือหน้าปัด
หน้าปัด 124 และเบนซ์ยุคนั้น พอใช้ไปนานๆจะชอบมืด ผมก็ไปเปลี่ยนหลอดให้สว่างขึ้นอีก
หารู้ไม่ว่ากำลังทำร้ายหน้าปัด หลอดสว่างมากๆมันก็ร้อน ไอ้แผ่นใสๆที่เป็นพลาสติกนำแสงจากหลอด
ที่อยู่ข้างหลังมาส่องด้านหน้าหน้าปัด..มันก็จะไหม้ดำ พลาสติกละลาย ผมก็รื้อออกมาพยายามตัดส่วนที่ไหม้
ขัดแต่งอีกหน่อยก็พอช่วยให้สว่างขึ้นได้โดยไม่ต้องใช้หลอดสว่างมากนัก (สมัยนั้น ebay ยังไม่ป๊อบเหมือนตอนนี้
จะเดินหาอะไหล่ก็ต้องถามๆในเว็บไม่ก็ไปวัดโสมนางเลิ้ง เดินถามตามร้านต่างๆเอา บางทีเจอของแพงก็เหนื่อย
มันเลยเป็นยุคที่ผมลงมือทำการซ่อมแซมรถด้วยตัวเองได้เยอะอยู่..นี่คือเมื่อ 12-16 ปีก่อน)
124 น่ะน่าเล่น ถ้าชอบรถคลาสสิคๆ เล่นไปเถอะครับ ซื้อหนังสือของ Haynes มาสักเล่ม
แล้วก็ค้นๆเน็ตบ้าง มีเครื่องมือที่เหมาะสมหาได้ตามร้านฮาร์ดแวร์ทั่วไป คุณจะทำอะไรเล่นกับรถได้หลายอย่าง
เหมือนกับรถญี่ปุ่น..ยกเว้นเปลี่ยนตู้แอร์ อันนี้งานช้างหน่อย คุณลองไปขับ 124 ที่ช่่วงล่างสเป็คตรงเดิม
โช้ค Bilstein ดำ สปริงสเป็คโรงงาน ลองวิ่งทางด่วน วิ่งมอเตอร์เวย์จัมพ์สะพานดูก็ได้ ช่วงล่างมันทำมา
เพื่อการวิ่งทางไกลจริงๆ รถก็ไม่ได้หนักมาก 230E หนักไม่เกิน 1.3 ตัน 300E หนัก 1.37 ตัน E280 หนัก
1.43 ตัน แต่วิ่งนิ่งและสบายชนิดที่ W211 W212 ใหม่ๆเหวอแล้วกัน