ตัวนี้เป็น 2.4 ออโต้ 6 สปีด ขับหลัง หลายอย่างทำได้ดีขึ้นกว่ารุ่นเดิม เบาะนั่งแล้วรู้สึกหาความสบายได้มากขึ้น การเก็บเสียงลมทำได้ดีขึ้น การเลือกใช้วัสดุภายในรวมถึงการออกแบบมีความรู้สึกแตกต่างจากรถกระบะในเรื่องดีไซน์และวัสดุ พูดง่ายๆเลยว่าความประทับใจที่ได้เมื่อเดินดูรถตอนจอดนิ่งๆนั้นดีกว่า Pajero Sport 2.4GT ขับสองเสียอีก (อย่างน้อยรูปทรงโดยรวม ภายนอก ภายใน ผมชอบ Fortuner มากกว่า อันนี้มันก็ความเห็นส่วนตัวไม่ต้องมาเถียงกัน ความสวยไม่มีผิดหรือถูก)
แม้แต่ตอนใส่เกียร์ออกตัวหรือขับล่องไปในซอย มันก็ยังเป็นรถที่รู้สึกดี การสะเทือนของช่วงล่างจะมีมาให้รู้สึกบ้างแต่ไม่กระด้างมากเท่ารุ่นเก่า พวงมาลัยมีอัตราทดที่ดีและการตอบสนองในภาพรวมเป็นธรรมชาติที่สุดในหมู่ PPV ยุคใหม่ เครื่อง 2.4 ลิตร 150 แรงม้า 400 Nm ให้พลังเพียงพอ ขับแบบกดคันเร่งครึ่งๆกลางๆหรือแตะเบาะๆรถจะเดินหน้าได้ดีทันใจ
แต่พอใช้ความเร็วสูงขึ้นเจอถนนหลายแบบขึ้น ความประทับใจจะลดลง และถ้าให้พูดตรงๆ รู้สึกเหมือนคนเซ็ตช่วงล่างหน้ากับคนเซ็ตช่วงล่างหลังเป็นคนละคนกัน ด้านหน้าผมว่าจบ และไม่ได้แย่กว่า Pajero มากนัก แต่ช่วงล่างหลังนี่เวลาถนนเอียงไปมาก็โย้เย้ เวลาเจอปุ่มป่ำบางทีก็ส่งแรงดีดคล้ายรถปิคอัพยุคเก่า (แต่น้อยกว่า) เวลาเจอทางวิ่งตรงยาวที่ไม่เรียบจริง รู้สึกว่าท้ายรถนี่ล่ะที่หาจุดชมเชยได้ยาก ถ้าผมชมว่าช่วงล่างหลัง Fortuner ดี ผมคงไม่มีหน้าไปมองวิศวกร Ford, Mitsu หรือ Chev ..ผมมองว่ารถ PPV จากสามยี่ห้อข้างต้นมีช่วงล่างหลังที่ดีกว่า มั่นคงกว่า มั่นใจกว่า (ในกรณีของ Mitsu จะต่างกันไม่มากอย่างที่คิด..เพราะ Pajero Sport ตัวนี้เวลาบู๊ไม่มั่นใจเท่ารุ่นก่อน)
พวงมาลัยจะส่งถ่ายอาการสั่นสะเทือนของพื้นผิวถนนมาที่มือมากกว่าคู่แข่ง ลองขับดูแล้วกันว่าคุณรำคาญมั้ย ส่วนตัวผมเองขับรถซิ่งรถยางแก้มเตี้ยมาบ้าง ผมพบว่าผมรับได้และกลับชอบเสียด้วยซ้ำ ผมเคยลองขับพวงมาลัยไฟฟ้าของ Ford บนถนนออฟโรดแล้ว บางทีระหว่างพื้นแข็งกับพื้นโคลนเหลว พวงมาลัยไฟฟ้ามันกลืนอาการสภาพถนนไปเยอะกว่า
ราคาเปิดมา 1,369,000 บาท ฟังดูแพงเมื่อเทียบกับ Pajero Sport GT ขับหลัง ได้เปรียบเสียเปรียบกันคนละด้าน ผมขับรถ Fortuner สีขาวคันนี้ในช่วงเวลาเดียวกันกับที่เอา Pajero Sport GT สีขาวมางานมีตติ้งของเว็บ Headlightmag ผมสรุปแบบเข้าใจง่ายๆดังนี้ละกัน
1. Pajero ขับมันส์ ดีดออกสนุก กดเต็มๆแล้วสะใจ Fortuner กดเต็มๆแล้วรอบปลายไม่ค่อยไป แต่รอบต้นๆกดคันเร่งครึ่งๆกลางๆจะโลดแล่นได้ดี.. PJS=วัยรุ่นดุ Fortuner=ผู้ใหญ่ขับ
2. ช่วงล่าง PJS มั่นใจกว่า ดูดซับแรงกระแทกได้ดีกว่าโดยเฉพาะเนินลูกระนาด และคุมอาการดีดๆเด้งๆโยกไปโยกมาของช่วงล่างหลัง ได้ดีกว่า ถ้าวัดเรื่องความมั่นใจ Fortuner ได้คะแนน 4 จาก 10 Pajero ได้ 6 ส่วนเรื่องความสบายนุ่มนวล Fortuner ได้ 5 Pajero ได้ 9 ในขณะที่ Fortuner นั้นคนแก่นั่งหลังอาจจะเมาได้ ส่วน Pajero นุ่มแต่ได้คะแนนไม่เต็ม 10 เพราะยังมีโอกาสเมาเวลาขับเร็วๆบนถนนไม่เรียบจริง
3. พวงมาลัย Fortuner ถ่ายอาการถนนถึงมือมากกว่า แต่เวลาเลี้ยวแล้วจะคืนกลับเป็นธรรมชาติกว่า PJS ซึ่งถ้าหมุนเกิน 100 องศาแล้วจะไม่ค่อยคืน
4. เบาะหน้า PJS ตัวเบาะสบายกว่า แต่คอนโซลของมันเบียดขาซ้ายผมเวลาขับมากกว่า มือจับประตูทรงสวยก็ทำให้เวลากดกระจกไฟฟ้าต้องงอมือราวนาฏศิลป์เพื่อกด
5. Fortuner มีการเก็บเสียงในภาพรวมดีกว่า วัดจากรถ 2.8 ที่เคยลองและ 2.4V คันนี้ ส่วน PJS นั้น คัน 2.4GT มีเสียงลมดังกว่าตามขอบกระจก และมีเสียงเครื่องช่วง 1,500-1,700 รอบที่ดังกว่า แต่คัน 2.4GLS กลับไม่ดังเท่า
7. PJS มีระบบเตือนรถคันหน้าเบรก แต่มีถุงลมแค่ 2 ใบในขณะที่ Toyota มี 7 ใบ
เลือกแบบที่คุณชอบแล้วกันนะครับ