Mitsubishi Pajero Sport 2.4GLS Limited-Simple and Effective.
รุ่นที่เอามาลองนี้เป็นตัวขับหลังรุ่นถูกสุด 1,138,000 บาท ซึ่งอย่าหวังอะไรกับเรื่องออพชั่นกับความหรูหรากับรายการอุปกรณ์ที่พอๆกับรถ 1.5 ลิตรคันละ 6 แสนบาท เบาะผ้า ไม่มี Cruise Control และถุงลมนิรภัยก็มีแค่ 2 ใบ แอร์ออโต้ไม่Dual-zone (Fortuner 2.4V ก็ไม่เป็น Dual-Zone) ไม่มีกล้องหลัง เครื่องเสียงแบบธรรมดาคุณภาพเสียงไม่ควรคาดหวังมากนัก การเก็บเสียงแม้จะดีกว่ารุ่นเก่า แต่ก็ยังไม่แน่นเป็นกลองหนังแบบ Everest เบาะปรับมือหมด ยังดีที่พวงมาลัยปรับขึ้นลงเข้าออกได้
เบาะหน้าคนตัวใหญ่นั่งสบาย แต่ถ้าคนขายาวและตัวสูง คอนโซลกลางสีเงินๆจะเบียดขาข้างนึง อย่างคนขับก็จะโดนเบียดขาซ้ายในขณะที่ขาขวามีพื้นที่เหลือเฟือ เวลานั่งขับเลยทำให้ท่อนบนร่างกายตรงแต่ท่อนล่างเทไปขวาคนตัวผอมจะไม่มีปัญหาเท่าไหร่ มือจับคันตรงประตูมันดูสวย แต่บังมือเวลากดกระจกส่องข้าง ผู้อ่านของเราที่สามจังหวัดภาคใต้เขาบอกว่าเวลาผ่านด่านต้องกดกระจกบ่อยๆบางทีก็แอบรำคาญ ส่วนคนส่วนใหญ่ที่เปิดกระจกวันละสองครั้งคงไม่รู้สึกอะไร
จุดเด่นของรถรุ่นนี้อยู่ที่เครื่องรอบปลายแรงดี (รอบต่ำกว่า1,700 ยังไม่ค่อยมีแรง ถ้ากดคันเร่งครึ่งๆ Fortuner จะไปลื่นกว่า) และระบบส่งกำลัง 8 เกียร์เมียเชิดชู ระยะทาง 1.5 กม. ทำความเร็วได้ 176 แม้บรรทุกหนักหลายร้อยโล ออกตัวดึงดีชนิดว่าถ้าต้องการจะโค่นมันโดยใช้ PPV เดิมโรงงาน 100% คุณจะต้องใช้ Trailblazer 2.8 200 ม้า 500Nm ตัวโหดนั่นเท่านั้น (วัดเฉพาะรถโรงงานเดิมๆนะ ไม่ใช่ไปดันรางจูนกล่องมาแล้ววิ่งชนะเขาแล้วบอกรถยี่ห้อของตัวเองวิ่งดีกว่า)
ช่วงล่าง รูดหลุมรูดบั๊มสบายที่สุดในหมู่ PPV วิ่งเร็วก็พอได้ วิ่งทางไกลๆ 120-140 คนนั่งหลังจะมีโอกาสอ้วกน้อยกว่า Fortuner แต่ถ้าพูดถึงเสถียรภาพเวลาเหวี่ยงเปลี่ยนเลน หรือการทรงตัวที่ดีในความเร็วสูง ยังไง Everest ก็ทำได้ดีกว่า แม้ว่า Everest จะสะเทือนไปหน่อยที่ความเร็วต่ำก็ตาม
แต่ขอพูดตรงๆ อันนี้อาจจะเป็นสิ่งที่ผมคิดไปคนเดียวก็ได้..ผมชอบช่วงล่างของ Pajero Sport รุ่นที่แล้วมากกว่า มันอาจจะไม่ถึงกับนุ่มนวลชวนฝัน แต่ก็นุ่มในลักษณะที่พ่อกับแม่พวกเรานั่งได้ แถมยังวิ่งความเร็วสูงแล้วมั่นคง หักเลี้ยวกระชับพอตัวในแบบช่วงล่างเดิม ซึ่งใน Pajero Sport ตัวใหม่นี้ เหมือนกับตัดเอาความมั่นใจเวลาขับบู๊ไปแลกกับความสบายเวลาวิ่งบนถนนหมู่บ้านขรุขระ..คนอื่นอาจโอเค แต่ผมไม่ชอบเท่าไหร่
เบรกจะตอบสนองคนละแบบกับ Everest คือเหยียบปุ๊บจึ้กทิ่ม ในขณะที่ Ford นั้นต้องเหยียบกว่า 30% จึงจะเริ่มหน่วงรถ การที่ Pajero ชะลอความเร็วได้ดีกว่าก็อาจมาจากการเซ็ตเบรกบวกกับน้ำหนักรถที่เบาที่สุดในหมู่ PPV เพราะหน้าตาระบบเบรกทั้งชุดไม่ได้ดูทรงอิทธิพลไปกว่าของคู่แข่ง
สุดท้ายแล้วมันเป็นรถที่เหมาะกับคนตีนหนัก แต่ไม่ค่อยวิ่งเกิน 140-150 พวกขยันกระทืบแต่ไม่แช่ทางไกลเร็วมากๆ เหมาะกับคนที่ต้องการความสบายให้คนนั่งหลังแบบไม่สะเทือนมากนัก และในกรณีของรุ่นถูกสุดอย่าง GLS Ltd มันจะเหมาะกับคนที่ไม่ต้องการความหรูหรา ไม่ต้องการอุปกรณ์ ชอบอัตโนมือเพราะใช้สิบปีแล้วขี้เกียจมานั่งซ่อมพวกอุปกรณ์ไฟฟ้า
แต่ถ้างบเหลือพอ ตัว GT ขับสองที่แพงกว่ากันอยู่ 112,000 บาทจะมีของเล่นครบกว่า มีระบบเตือนให้คุณเบรกสิโว้ยเบรก! มี Cruise Control และอื่นๆอีกหลายรายการที่คุ้มสำหรับส่วนต่าง แต่ก็ยังรู้สึกว่าสมัยนี้รถราคาเกินล้านถุงลมนิรภัยมันต้องมีขั้นต่ำ 3-4 ใบแล้ว Fortuner 2.4V มี 7 ใบ แต่ Pajero Sport นี่ถ้าอยากได้ 7 ใบต้องตัวขับสี่รุ่นสูงสุดเท่านั้น รุ่นอื่นมีสองใบเอง..ใครจะบอกว่าคนไทยไม่แคร์ถุงลมก็คงจริงของเขา แต่ผมอยากให้เริ่มแคร์กันได้แล้ว อุปกรณ์ความปลอดภัยควรสำคัญกว่าของประเภทที่ไปเสริมไปซื้อเอาเองภายหลัง