ปวดหัวกับการซื้อรถหั้ยคุณภรรยา

rotaryman

Re: ปวดหัวกับการซื้อรถหั้ยคุณภรรยา
« ตอบกลับ #30 เมื่อ: ธันวาคม 11, 2015, 15:15:47 »
ผมเสนอความคิดว่าให้เปิดกระทู้นี้ให้แฟนคุณอ่านเลยว่าเสียงส่วนใหญ่ไปทางใหน

สำหรับผมเสนอว่าไปเรียนขับรถเสียแค่หลักพันครับ คุยกันด้วยเหตุผลดีกว่า ช่วงนี้เศษฐกิจแย่มากเก็บเงินสำรองไว้ดีกว่าครับ

กระบะคันใหญ่ผู้หญิงอาจไม่ชอบเพราะมันไม่เทห์ แต่ในเมื่อมีอยู่แล้วก็ใช้ไปเถอะครับไม่ต้องเสียเงิน เอาไว้เงินเก็บเริ่มมากขึ้นค่อยถอยป้ายแดงทีหลังก็ยังไม่สายครับ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ธันวาคม 11, 2015, 15:30:50 โดย rotaryman »



franklnwna

Re: ปวดหัวกับการซื้อรถหั้ยคุณภรรยา
« ตอบกลับ #31 เมื่อ: ธันวาคม 11, 2015, 15:17:13 »
ถ้ารถไม่ได้ใช้ก็ให้หัดขับดีกว่าครับ ประหยัดด้วย รถไม่จอดทิ้งด้วย
แต่ถ้าซื้อเป็นมือสองแสนหน่อยๆก็พอครับ ระยะทางไม่ไกลแต่ถ้าวิ่งกับรถใหญ่เป็นผมก็อยากได้รถยนต์ครับ 



mothsan

Re: ปวดหัวกับการซื้อรถหั้ยคุณภรรยา
« ตอบกลับ #32 เมื่อ: ธันวาคม 11, 2015, 15:52:12 »
ผมว่าทางเลือกที่ดีที่สุด หาที่โล่งๆ หัดแฟนขับ MT ให้ได้ครับ ไม่เสียเงินสักบาท ถ้าหัดกันลำบากกลัวทะเลาะกันก็ไปเรียนครับ
แฟนก็ขับมอเตอร์ไซด์บ้างรถบ้าง หน้าฝนก็เอารถไปใช้ จบครับ ไม่เป็นภาระเพิ่มเติมอะไร ให้ครอบครัว

แต่ถ้าจำเป็นต้องใช้จริงๆ ผมว่าหารถมือสองราคาไม่ถึงแสนก็ได้นิครับ ที่เป็นเกียร์ Auto เพราะคันนี้เน้นขับใกล้ ถ้าไปไหนไกลก็เอา BT ไป

เคสนี้ มี 3 ทางเลือกที่ประหยัดไม่เป็นภาระเพิ่มอีกจากที่หนักอยู่แล้ว
1) สอนขับ MT เอง ไม่เสียเงินสักบาท
2) หัดขับ MT เสียเงินไม่เกิน 2 พัน
3) ซื้อมือสอง ไม่เกินแสน จริงๆ 5-6 หมื่นก็พอแล้ว  แต่ตัวเลือกนี้ไม่ค่อยแนะนำ
ส่วนตัวเลือก อื่นๆ ซื้อรถแพงกว่านี้ ผมว่าไม่จำเป็น และเหมาะกับรายได้ รายจ่าย โดยสิ้นเชิง
ก่อนหน้านี้ แฟนผมรายได้มากว่า 5 หมื่นต่อเดือน ขับวันล่ะ 70 โล ยังขับรถเก่าสิบปีเลยครับ ไม่ได้อยากได้รถใหม่ เพราะไม่จำเป็น
แต่ผมเห็นรถมันเสียบ่อย และขับไกล ผมก็เลยซื้อรถให้ใหม่ครับ



maxillofacial surgeon

Re: ปวดหัวกับการซื้อรถหั้ยคุณภรรยา
« ตอบกลับ #33 เมื่อ: ธันวาคม 11, 2015, 18:07:20 »
หลายปีก่อน   ผมเคยเจอปัญหาเดียวกันครับ  ตอนนั้นมีรถ คันเดียว    ภรรยา  ขับมอเตอไซด์ไป ทำงาน  ประมาณ 3  กิโล 
   มันมีทางลอดใต้  สะพาน  ไม่ต้องข้ามถนนใหญ่  แต่บางทีทางปิด  เค้าก็ต้องขับข้ามถนนใหญ่  อยู่มาวันนึง  เค้าขับมอเตอไซด์ไปชน  ท้ายรถกระบะ  ดีที่แค่  หัวเข่าถลอก  วันรุ่งขึ้นผมไปจองรถให้เลย   คือตังค์ไม่ได้มีเยอะเลยครับ 
   แต่ผมยอมทำงานมากขึ้นนิดนึง  หลายๆคนที่ผมรู้จัก  เวลามาปรึกษาผมจะแนะนำให้หารายได้เพิ่ม  มากกว่าที่จะลดค่าใช้จ่ายครับ  ผมก็ใช้วิธีนี้ในการสร้างธุรกิจ  จนเติบโต  ได้ 
   ท่าน จขกท   ลองหารถยนต์อีโคคาร์ที่ผ่อนน้อยที่สุด  พวกดาว0 %ก็ได้ครับ  ผ่อนสัก5-6,000 
แล้วลองหารายได้เพิ่มครับ  ให้แฟนขายของออนไลน์ก็ได้ครับ  ผมยังขายสินค้าออนไลน์เลยครับ   รายได้ดีนะครับ
เอาใจช่วยครับป๋ม :)



sakano

Re: ปวดหัวกับการซื้อรถหั้ยคุณภรรยา
« ตอบกลับ #34 เมื่อ: ธันวาคม 11, 2015, 21:58:41 »
ระยะทาง แค่ 7 กิโลเมตร เองนะครับ

พยายามให้แฟน หัดขับรถ โดยใช้รถคันเดิมเถอะครับ

อนาคต สำคัญกว่า ...คิดถึงมันเยอะๆ

เกิดมีเรื่องฉุกเฉินแล้วจะลำบากนะครับ

ปีหน้า อาจจะเกิดอะไรขึ้นบ้างก็ไม่รู้



DriveOnly

Re: ปวดหัวกับการซื้อรถหั้ยคุณภรรยา
« ตอบกลับ #35 เมื่อ: ธันวาคม 12, 2015, 03:46:18 »
ตามเสียงส่วนใหญ่ครับ ถ้ารถยังไม่มีจะแนะนำให้ซื้อ eco car แต่ถ้ามีอยู่แล้ว แล้วยังมีภาระทางการเงินอยู่ เรียนขับรถแล้วขับคันเดิมดีกว่าครับ เพื่ออนาคต



Eddy5659

Re: ปวดหัวกับการซื้อรถหั้ยคุณภรรยา
« ตอบกลับ #36 เมื่อ: ธันวาคม 12, 2015, 06:37:28 »
ดูแล้วไม่ยากเลยนะครับ นั่งคุยดันดีๆ เอาอารมณ์ออกไป แล้วเอาเหตุผลมาว่ากัน

1. ระยะทางแค่ 7 กิโลเมตร และมีรถยนต์อยู่แล้ว
2. เงินเก็บก็มีไม่มากนัก ถ้าไปยุ่งจะลำบากเผื่อเวลาฉุกเฉิน แถมมีภาระผ่อนอีก 2 อย่าง เหลือเงินสำหรับใช้จ่าย 2 หมื่นกว่าๆ แถวชลบุรีนี่ลำบากครับ ข้าวของแพงมาก เพราะปมเองก็อยู่บางแสน
3. ถ้าซื้ออีกคันก็มีแต่จะเพิ่มภาระ ซื้อผ่อนอย่าได้คิดครับ ดอกีถมือ 2 โหดมาก ไหนจะค่าน้ำมัน ประกัน พรบ ภาษีรายปีอีก ที่จอดรถในบ้านอีก ยุ่งเหยิงไปไปหมด

ให้คุณภรรยาไปฝึกขับ bt50 ครับ คุณเองก็ต้องใจเย็นๆเวลาสอน มันไม่ยากหรอกครับ แฟนผมตัวนิดเดียว ชีวิตนี้ขับเป็นแต่ scooter คันเล็กๆ มอไซด์มีเกียร์ยังลำบากเลย แต่เธอก็ฝึกจนขับ camry และ everest ได้
ทุกวันนี้เอาคันไหนไปก็ได้ แต่ตอนเริ่มฝึกใหม่ๆนี่แหละครับดราม่า แต่พอเป็นแล้วสะบายเลยครับ ทุกอย่างมันต่องมีจุดเริ่มต้นครับ
2007 Toyota Vios
2009 Toyota Hilux Vigo
2010 Toyota Camry
2011 Ford Ranger
2011 Isuzu Dmax
2011 Toyota Hilux Vigo
2015 Ford Ranger
2015 Ford Everest 2.2 Titanium
2015 Ford Everest 3.2 Titanium+
2016 Toyota Hilux Revo 2.4 J m/t (5 คันจะที่รัก)
2017 BMW 320d iconic



jajaboss

Re: ปวดหัวกับการซื้อรถหั้ยคุณภรรยา
« ตอบกลับ #37 เมื่อ: ธันวาคม 12, 2015, 09:10:22 »
ถ้ายากได้กระบะก็ไปเอากระบะออโต้ครับ ถ้าไม่จำเป็นต้องใช้กระบะผมจะหา Eco car มือสอง CVT ถูกๆซักคันมาวิ่งเล่นครับ Mirage กำลังดีเลย



Visual

Re: ปวดหัวกับการซื้อรถหั้ยคุณภรรยา
« ตอบกลับ #38 เมื่อ: ธันวาคม 12, 2015, 12:42:48 »
ผมว่าแฟนคุณอาจจะไม่ได้ไม่อยากหัด m/t

แต่อาจจะไม่อยากขับรถกระบะมากกว่า



balliblue

Re: ปวดหัวกับการซื้อรถหั้ยคุณภรรยา
« ตอบกลับ #39 เมื่อ: ธันวาคม 12, 2015, 12:55:52 »
เเนะนำให้ไปซื้อมือสองมาขับราคาถูก city โฉมที่แล้วก็ได้ ผ่อนถูก ผมว่าโอเคเลยนะ



balliblue

Re: ปวดหัวกับการซื้อรถหั้ยคุณภรรยา
« ตอบกลับ #40 เมื่อ: ธันวาคม 12, 2015, 12:58:06 »
เเนะนำให้ไปซื้อมือสองมาขับราคาถูก city โฉมที่แล้วก็ได้ ผ่อนถูก ผมว่าโอเคเลยนะ หรือไม่ก็พวกอีโค่คาร์ประหยัดน้ำมัน มือสองเอาที่ไม่เกิน 3 แสน น่าจะดีที่สุด



promt

Re: ปวดหัวกับการซื้อรถหั้ยคุณภรรยา
« ตอบกลับ #41 เมื่อ: ธันวาคม 12, 2015, 13:17:25 »
ทุกวันนี้แฟนผมขี่มอเตอร์ไซค์ไปทำงานระยะทางประมาน7กม. ทำงานแถวนิคมบ่อวิน ศรีราชา ซึ่งเธอบ่นกับผมมาตลอด ฝนตกก้อไปทำงานลำบาก รถใหญ่ก้อวิ่งเยอะ อันตราย ผมมีแพลนจะซื้อหั้ยตั้งนานแร้ว แต่มันมีปัญหาเรื่องค่าใช้จ่าย รถผมก้อเป็นกะบะ4ประตูbt59pro เกียร์ธรรมดา คุณภรรยาก้อขับไม่เป็น หั้ยไปเรียนหัดขับก้อไม่เอา จะเอารถเกียร์ออโต้อย่างเดียว ทุกวันนี้ค่าใช้จ่าย ผ่อนบ้าน10400 กับรถกะบะผ่อนเดือนละ11300 เหลือผ่อนอีก23งวด แต่ผมกับภรรยามีรายได้รวมกันเพียง5หมื่นบาทเท่านั้น จะออกรถใหม่ก้อพอมีเงินดาวน์อยู่แสนกว่าบาท แต่มันติดที่ต้องมาผ่อนอีก รายจ่ายก้อเพิ่มขึ้นมาอีกพอสมควร ใจผมตอนนี้ อยากเอารถกะบะไปเทริ์น ไม่รู้จะเหลือตังถึง2แสนมั้ย เพื่อที่จะมาออกcrv gen3 ซึ่งราคาอยู่แถวๆ5-6แสนบาท จะได้ผ่อนทางเดียว กะว่าจะผ่อนแค่2ปีพอ    แต่ผมไม่รู้ว่า เจ้าcrv gen3มีปัญหาจุกจิกอะไรมั้ย แร้วมันคุ้มมั้ย ที่ผมจะเอากะบะไปเทริ์น ขอความช่วยเหลือ ช่วยชี้แนะผมทีกับเหตุการณ์นี้ ขอบคุนคับ

เห็นรายได้แล้วมันไม่มีทางเลือกเลย

ยังไงก็ต้องหลอกล่อแกมบังคับ กระตุ้น ให้รางวัล ให้ภรรยาขับ bt50pro ที่มีอยู่ครับ

อย่าออกรถใหม่ให้มีภาระเลย เพราะหากมีไอ้ตัวน้อยมานี่ ค่าใช้จ่ายยุ่งเลยนะครับ

ปล. ผมกับภรรยา 2 คน มีรายได้ประจำรวมแล้ว 130 k ยังลำบากเลย ค่าใช้จ่ายมันแพงขึ้นมาก เงินเก็บแทบไม่มี
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ธันวาคม 13, 2015, 21:32:56 โดย promt »