ขับความเร็วสูง กับ ต่ำ ใครจะประหยัดกว่ากันครับ

shipcake

อาจจะฟังดูโง่ๆนะที่ถาม มีโจทย์ว่าผมอยากจะประหยัดจริงๆละ  eco car แต่คำนวณค่าน้ำมันออกมา 10 โลลิตรก็เจอบ่อยมาก  nissan march
1.ขับความเร็ว 110 -120   เลี้ยงรอบเครื่องคงที่ไว้ที่ 2900 -3100 รอบ (แน่นอนว่าถึงที่หมายเร็วกว่า)
2.ขับ 80 -100 เลี้ยงรอบแปรปวนที่ 2000-2500 รอบ ถัาความเร็วคงที่ 90

ถามจริงๆว่าใครจะประหยัดกว่ากัน ถึงที่หมายเร็ว ก็ได้ดับเครื่องเร็ว



Activehybrid

Re: ขับความเร็วสูง กับ ต่ำ ใครจะประหยัดกว่ากันครับ
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: ธันวาคม 16, 2015, 09:07:18 »
ไม่น่าถามเลยครับ ลองขับ 70 ดู จะประหยัดกว่านี้อีก



kez

Re: ขับความเร็วสูง กับ ต่ำ ใครจะประหยัดกว่ากันครับ
« ตอบกลับ #2 เมื่อ: ธันวาคม 16, 2015, 09:14:17 »

    รอบเครื่องยิ่งต่ำ ยิ่งประหยัด

   เดินคันเร่ง  นิ่มๆและนิ่งๆ



ซิ่งเข้าส้วม

Re: ขับความเร็วสูง กับ ต่ำ ใครจะประหยัดกว่ากันครับ
« ตอบกลับ #3 เมื่อ: ธันวาคม 16, 2015, 09:14:52 »
น่าจะไปเปลี่ยนยางมาใช่มั้ยครับเนี่ย มาร์ชถ้ายางใหญ่ๆ ขับที่ 120+ จะกินน้ำมันพอๆ กับเครื่อง 2000 CC ครับ ความเร็วที่เหมาะสมคือประมาณ 65 km/h จะประหยัดที่สุดเกือบๆ 30 km/l แล้วพอความเร็วมากขึ้นกว่านั้นก็จะกินมากขึ้นเรื่อยๆ ครับ

ตอนผมขับ Almera 130 กิน 12.5 km/l เพราะเปลี่ยนยางเป็น 195/50/15 กินพอๆ กับ MG6 เลย



SETTHASART

Re: ขับความเร็วสูง กับ ต่ำ ใครจะประหยัดกว่ากันครับ
« ตอบกลับ #4 เมื่อ: ธันวาคม 16, 2015, 09:18:11 »
เอาจริงผมไม่รู้เหมือนกันนะ แต่เห็นดีแม็กซ์2.5 ปิดแอร์ขับ60 ได้26km/l รีโว่2.4 ได้29km/l ตัวเลขพวกนี้เชื่อได้มั้ยค่อยยกไปคุยกันที่อื่น แต่การที่บริษัทรถมันขับช้าๆเพื่อให้ได้อัตราการบริโภคน้ำมันที่ดีๆ ก็สะท้อนได้ว่าขับช้าๆอาจจะดีกว่า
""มาร์ชรอบเครื่องสูงจังครับ



shipcake

Re: ขับความเร็วสูง กับ ต่ำ ใครจะประหยัดกว่ากันครับ
« ตอบกลับ #5 เมื่อ: ธันวาคม 16, 2015, 09:18:30 »
แสดงว่า จริงๆแล้วรถคันใหญ่ก็ประโยชน์กว่างั้นสิครับ



shipcake

Re: ขับความเร็วสูง กับ ต่ำ ใครจะประหยัดกว่ากันครับ
« ตอบกลับ #6 เมื่อ: ธันวาคม 16, 2015, 09:19:45 »
เอาจริงผมไม่รู้เหมือนกันนะ แต่เห็นดีแม็กซ์2.5 ปิดแอร์ขับ60 ได้26km/l รีโว่2.4 ได้29km/l ตัวเลขพวกนี้เชื่อได้มั้ยค่อยยกไปคุยกันที่อื่น แต่การที่บริษัทรถมันขับช้าๆเพื่อให้ได้อัตราการบริโภคน้ำมันที่ดีๆ ก็สะท้อนได้ว่าขับช้าๆอาจจะดีกว่า
""มาร์ชรอบเครื่องสูงจังครับ

ใช่ครับ มาร์ชรอบเครื่องสูบเพราะแรงม้าน่าจะน้อย บวกกับกำลังเค้นให้ได้ความเร็วเท่าชาวบ้านนี่แหละ



Nouiii1

Re: ขับความเร็วสูง กับ ต่ำ ใครจะประหยัดกว่ากันครับ
« ตอบกลับ #7 เมื่อ: ธันวาคม 16, 2015, 09:25:45 »
น่าจะไปเปลี่ยนยางมาใช่มั้ยครับเนี่ย มาร์ชถ้ายางใหญ่ๆ ขับที่ 120+ จะกินน้ำมันพอๆ กับเครื่อง 2000 CC ครับ ความเร็วที่เหมาะสมคือประมาณ 65 km/h จะประหยัดที่สุดเกือบๆ 30 km/l แล้วพอความเร็วมากขึ้นกว่านั้นก็จะกินมากขึ้นเรื่อยๆ ครับ

ตอนผมขับ Almera 130 กิน 12.5 km/l เพราะเปลี่ยนยางเป็น 195/50/15 กินพอๆ กับ MG6 เลย

มันน่าเกี่ยวกับค่าแรงเสียดทานกะอากาศ ปะ :-[



YAmodels

Re: ขับความเร็วสูง กับ ต่ำ ใครจะประหยัดกว่ากันครับ
« ตอบกลับ #8 เมื่อ: ธันวาคม 16, 2015, 09:32:49 »
รอบเครื่องนี้คือเกียร์ธรรมดาถือว่าปกติของเคื่องบล็อคนี้ แต่ถ้าเป็นเกียร์ออโต้ ผมว่ามันแหม่งๆอยู่นะครับ



kati348

Re: ขับความเร็วสูง กับ ต่ำ ใครจะประหยัดกว่ากันครับ
« ตอบกลับ #9 เมื่อ: ธันวาคม 16, 2015, 09:38:15 »
ประหยัดสุดตอนรอบเครื่องต่ำสุดครับ แต่ความเร็วต้องคอยเช็คเอง แต่ละคัน แต่ละรุ่นคงไม่เท่ากัน

ส่วนประเด็นเปลี่ยนยาง มันมีสองส่วน 1)ถ้าล้อใหม่หนักขึ้น มันก็กินน้ำมันเยอะขึ้น 2) หน้ายางกว้างขึ้น แรงเสียดทานเยอะกินน้ำมันเยอะขึ้นเช่นกัน



sukhontha

Re: ขับความเร็วสูง กับ ต่ำ ใครจะประหยัดกว่ากันครับ
« ตอบกลับ #10 เมื่อ: ธันวาคม 16, 2015, 09:47:42 »
หากเปรียบในรถคันเดียวกัน....ต้องดูว่า แรงบิดของรถคันนั้นอยู่บริเวณไหน?  รถจะประหยัดเชื้อเพลิงที่สุดที่แรงบิดสูงสุด(ไม่ใช่รอบต่ำ เกินไป )  แต่ในปัจจุบันมีการย้ายแรงบิดให้กว้างขึ้นได้ด้วยเทคนิค  โดยทำให้แรงบิดอยู่ในรอบที่ต่ำลง  ถ้าแบบนี้  แม้แรงบิดไม่สูงสุด  แต่อยู่ในเร้นจ์สูง  รอบต่ำ ๆ  ก็ย่อมประหยัดกว่า...

คุณอย่าคิดว่าการจ่ายน้ำมันมันมีการฉีดเป็นเส้นตรงนะครับ
   ตัวอย่าง  ที่รอบ 800  หัวฉีดจ่าย 3 ms   เมื่อคุณเปิดแอร์ การฉีดต่อ1ครั้งจะขึ้นไปอยู่ที่ประมาณ 4ms  ในรอบเท่ากัน 
   รอบ 1600   ถ้าเป็นแบบเส้นตรง  คุณก็คิดว่ารอบเป็นสองเท่า เครื่องก็จ่าย 3ms 2ครั้ง เป็น 6ms ถ้าคุณเข้าใจแบบนี้ ผิดครับ  มันไม่ใช่บัญญัติไตรยางค์แบบนั้น...ค่าตรงนี้จะแปรผันผกผันตามแรงบิด ประมาณนั้น

    อ่านแล้วเข้าใจหรือเปล่า?  ผมอธิบายแล้วก็งง  แต่ผมเข้าใจ....



HHHsung

Re: ขับความเร็วสูง กับ ต่ำ ใครจะประหยัดกว่ากันครับ
« ตอบกลับ #11 เมื่อ: ธันวาคม 16, 2015, 11:12:02 »
หากเปรียบในรถคันเดียวกัน....ต้องดูว่า แรงบิดของรถคันนั้นอยู่บริเวณไหน?  รถจะประหยัดเชื้อเพลิงที่สุดที่แรงบิดสูงสุด(ไม่ใช่รอบต่ำ เกินไป )  แต่ในปัจจุบันมีการย้ายแรงบิดให้กว้างขึ้นได้ด้วยเทคนิค  โดยทำให้แรงบิดอยู่ในรอบที่ต่ำลง  ถ้าแบบนี้  แม้แรงบิดไม่สูงสุด  แต่อยู่ในเร้นจ์สูง  รอบต่ำ ๆ  ก็ย่อมประหยัดกว่า...

คุณอย่าคิดว่าการจ่ายน้ำมันมันมีการฉีดเป็นเส้นตรงนะครับ
   ตัวอย่าง  ที่รอบ 800  หัวฉีดจ่าย 3 ms   เมื่อคุณเปิดแอร์ การฉีดต่อ1ครั้งจะขึ้นไปอยู่ที่ประมาณ 4ms  ในรอบเท่ากัน 
   รอบ 1600   ถ้าเป็นแบบเส้นตรง  คุณก็คิดว่ารอบเป็นสองเท่า เครื่องก็จ่าย 3ms 2ครั้ง เป็น 6ms ถ้าคุณเข้าใจแบบนี้ ผิดครับ  มันไม่ใช่บัญญัติไตรยางค์แบบนั้น...ค่าตรงนี้จะแปรผันผกผันตามแรงบิด ประมาณนั้น

    อ่านแล้วเข้าใจหรือเปล่า?  ผมอธิบายแล้วก็งง  แต่ผมเข้าใจ....

ผมจบไฟฟ้าแต่ก็พอเข้าใจนะ คงเพราะว่าความเร็วไม่ได้แปรผันตรงกับรอบเครื่อง และ ความเร็วก็ไม่ได้แปรผันตรงกับแรงเสียดทาน ผมอธิบายแล้วก็งง  แต่ผมเข้าใจ....เช่นกัน 555
ปล. มันมีตัวแปรอื่นที่เกี่ยวข้องด้วยเช่น เกียร์ พลศาสตร์ของตัวรถ ยาง ลม อุณหภูมิ %น้ามัน+แอลกอฮอล์ พื้นผิวถนน องศาถนน น้ำหนักบรรทุก 555
ผมใช้หลักแค่ว่า พยายามควบคุมรอบเครื่องให้ต่ำที่สุดในแต่ละความเร็วที่ผมขับอยู่ครับ อาจจะไม่ตรงกับคำถาม จขกท. นัก เนื่องจากอัตราการประหยัดน้ำมันของรถแม้จะคันเดียวกัน มันก็ไม่ได้ตายตัว เพราะนอกจากความเร็วแล้ว ยังมีเรื่องน้ำหนักบรรทุกขณะวิ่งด้วย ซึ่งทำให้ความเร็วและรอบเครื่องที่ประหยัดมันไม่เท่ากัน
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ธันวาคม 16, 2015, 11:14:02 โดย HHHsung »



shando

Re: ขับความเร็วสูง กับ ต่ำ ใครจะประหยัดกว่ากันครับ
« ตอบกลับ #12 เมื่อ: ธันวาคม 16, 2015, 11:25:09 »
หากเปรียบในรถคันเดียวกัน....ต้องดูว่า แรงบิดของรถคันนั้นอยู่บริเวณไหน?  รถจะประหยัดเชื้อเพลิงที่สุดที่แรงบิดสูงสุด(ไม่ใช่รอบต่ำ เกินไป )  แต่ในปัจจุบันมีการย้ายแรงบิดให้กว้างขึ้นได้ด้วยเทคนิค  โดยทำให้แรงบิดอยู่ในรอบที่ต่ำลง  ถ้าแบบนี้  แม้แรงบิดไม่สูงสุด  แต่อยู่ในเร้นจ์สูง  รอบต่ำ ๆ  ก็ย่อมประหยัดกว่า...

คุณอย่าคิดว่าการจ่ายน้ำมันมันมีการฉีดเป็นเส้นตรงนะครับ
   ตัวอย่าง  ที่รอบ 800  หัวฉีดจ่าย 3 ms   เมื่อคุณเปิดแอร์ การฉีดต่อ1ครั้งจะขึ้นไปอยู่ที่ประมาณ 4ms  ในรอบเท่ากัน 
   รอบ 1600   ถ้าเป็นแบบเส้นตรง  คุณก็คิดว่ารอบเป็นสองเท่า เครื่องก็จ่าย 3ms 2ครั้ง เป็น 6ms ถ้าคุณเข้าใจแบบนี้ ผิดครับ  มันไม่ใช่บัญญัติไตรยางค์แบบนั้น...ค่าตรงนี้จะแปรผันผกผันตามแรงบิด ประมาณนั้น

    อ่านแล้วเข้าใจหรือเปล่า?  ผมอธิบายแล้วก็งง  แต่ผมเข้าใจ....

แปลว่าที่รอบเครื่องที่ได้แรงบิดมาก เครื่องก็จะจ่ายน้ำมันต่อรอบน้อยลงใช่มั้ยครับ
เช่นรอบ800 หัวฉีดจ่าย3ms รอบ1600เครื่องมีแรงบิดมากขึ้น หัวฉีดจ่ายแค่5msแทนที่จะเป็น6ms(ตัวเลขสมมติ)
ไม่รุ้เข้าใจถูกรึเปล่า



mamaman

Re: ขับความเร็วสูง กับ ต่ำ ใครจะประหยัดกว่ากันครับ
« ตอบกลับ #13 เมื่อ: ธันวาคม 16, 2015, 11:28:40 »

ผมว่า อยู่ที่ รอบเครื่องยนต์มากกว่าครับ
ถ้าความเร็วสูง สามารถทำรอบต่ำๆ ได้ ก็ประหยัด



NONT4477

Re: ขับความเร็วสูง กับ ต่ำ ใครจะประหยัดกว่ากันครับ
« ตอบกลับ #14 เมื่อ: ธันวาคม 16, 2015, 12:17:07 »
รถผมประหยัดสูงสุดที่ 90 ครับ
เลี้ยงคันเร่งนิ่งๆ จอ mid ขึ้น 19-20 km/l
ถ้าเร็วหรือช้ากว่านี้ อัตราสิ้นเปลืองจะมากขึ้น
Top Gear's Biggest FAN!!! (IN MY House)
I'm NAC1701  ^ ^



mozart

Re: ขับความเร็วสูง กับ ต่ำ ใครจะประหยัดกว่ากันครับ
« ตอบกลับ #15 เมื่อ: ธันวาคม 16, 2015, 12:37:50 »
เกียร์สูงสุดอยู่ในรอบเครื่องที่เหมาะสมกับเครื่องยนต์นั้นๆครับ แบบนั้นจะประหยัดที่สุกาำหรับการเดินทาง



palma

Re: ขับความเร็วสูง กับ ต่ำ ใครจะประหยัดกว่ากันครับ
« ตอบกลับ #16 เมื่อ: ธันวาคม 16, 2015, 12:57:49 »
รถแต่ละคันจะมี ช่วงที่วิ่งแล้วประหยัดสุดแตกต่างกัน ผมว่าขึ้นกับการออกแบบมาครับ (แต่ส่วนมากราว 70-90 กม./ชม จะประหยัดที่สุด)

เช่น eco car น่าจะออกแบบมาขับในเมืองความเร็วไม่สูง ควรจะประหยัดที่ความเร็วต่ำ
ถ้า D-segment น่าจะประหยัดที่ความเร็วสูงกว่า

ถ้าเราสามารถเลือกรถได้เหมาะกับการใช้งานของเราได้มาก และ บังเอิญช่วงความเร็วที่เราใช้ยังอยู่ในช่วงความเร็วที่ประหยัดสำหรับรถคั้นนั้น ก็น่าจะช่วยได้มากครับ

D-segment 2.5 CVT8 วิ่งนิ่งๆ 70-80 กม/ชม. รอบเครื่อง 1350 บนจอสิ้นเปลืองนี่แถบแกว่งอยู่ช่วง 18-21 กม.ลิตรเลยนะครับ แต่ห้ามจอดรถติด ตกฮวบๆเลย 555
ถ้าขยับขึ้นไป 110 รอบเครื่องราว 1700-1750 จะเหลือ 15-18 กม/ลิตร (แถบวิ่งแสดงการสิ้นเปลืองบนจอนะครับ)

ส่วนใหญ่ 70-90 น่าจะประหยัดสุดในรถทั่วๆไปครับ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ธันวาคม 16, 2015, 15:35:47 โดย palma »
2023 : SK9 FB20 ES4.0 SAWD
2017 : NSP170R-2NR-FE+CVT
2015 : B17-MR16DDT+CVT-M6
2014 : L33-QR25DE+CVT-8
1995 : SXV10-3S-FE (sold)
1994 : AE101-4AFE+MT (sold)



Sencha

Re: ขับความเร็วสูง กับ ต่ำ ใครจะประหยัดกว่ากันครับ
« ตอบกลับ #17 เมื่อ: ธันวาคม 16, 2015, 13:43:28 »
ขับแบบ 2 ประหยัดกว่าครับ เคยลองกับรถตัวเองมาแล้ว



M-Titan Man@NacT

Re: ขับความเร็วสูง กับ ต่ำ ใครจะประหยัดกว่ากันครับ
« ตอบกลับ #18 เมื่อ: ธันวาคม 16, 2015, 13:43:57 »
ช่วง max torque
แต่รอบน้อย(มักเป้นช่วงเกียรOD ที่อัตราทดต่ำสุด)
และความเร้วค่อนข้างต่ำในย่านนั้น เพราะมีเรื่องของ
wind load แปรผกผันต่อความเร็ว

และ ลักษณะการขับขี่ และอื่นๆ 9ล9



sukhontha

Re: ขับความเร็วสูง กับ ต่ำ ใครจะประหยัดกว่ากันครับ
« ตอบกลับ #19 เมื่อ: ธันวาคม 16, 2015, 13:51:03 »
หากเปรียบในรถคันเดียวกัน....ต้องดูว่า แรงบิดของรถคันนั้นอยู่บริเวณไหน?  รถจะประหยัดเชื้อเพลิงที่สุดที่แรงบิดสูงสุด(ไม่ใช่รอบต่ำ เกินไป )  แต่ในปัจจุบันมีการย้ายแรงบิดให้กว้างขึ้นได้ด้วยเทคนิค  โดยทำให้แรงบิดอยู่ในรอบที่ต่ำลง  ถ้าแบบนี้  แม้แรงบิดไม่สูงสุด  แต่อยู่ในเร้นจ์สูง  รอบต่ำ ๆ  ก็ย่อมประหยัดกว่า...

คุณอย่าคิดว่าการจ่ายน้ำมันมันมีการฉีดเป็นเส้นตรงนะครับ
   ตัวอย่าง  ที่รอบ 800  หัวฉีดจ่าย 3 ms   เมื่อคุณเปิดแอร์ การฉีดต่อ1ครั้งจะขึ้นไปอยู่ที่ประมาณ 4ms  ในรอบเท่ากัน 
   รอบ 1600   ถ้าเป็นแบบเส้นตรง  คุณก็คิดว่ารอบเป็นสองเท่า เครื่องก็จ่าย 3ms 2ครั้ง เป็น 6ms ถ้าคุณเข้าใจแบบนี้ ผิดครับ  มันไม่ใช่บัญญัติไตรยางค์แบบนั้น...ค่าตรงนี้จะแปรผันผกผันตามแรงบิด ประมาณนั้น

    อ่านแล้วเข้าใจหรือเปล่า?  ผมอธิบายแล้วก็งง  แต่ผมเข้าใจ....

แปลว่าที่รอบเครื่องที่ได้แรงบิดมาก เครื่องก็จะจ่ายน้ำมันต่อรอบน้อยลงใช่มั้ยครับ
เช่นรอบ800 หัวฉีดจ่าย3ms รอบ1600เครื่องมีแรงบิดมากขึ้น หัวฉีดจ่ายแค่5msแทนที่จะเป็น6ms(ตัวเลขสมมติ)
ไม่รุ้เข้าใจถูกรึเปล่า

ก็ไม่ใช่อีกนั่นแหละ...  สมมติให้แรงบิดสูงสุดตรง1600ก็แล้วกัน  ...การฉีดน้ำมัน  ตรงนั้นมันจะสองรอบ อาจจะ รอบละ 5ms  รวม 10 ms มันก็มากกว่า เดินเบาไปเยอะ  แต่ ณ รอบเครื่องตรงนั้น  มันฉุดลากรถวิ่งได้ที่ 100 กม/ชม.  ....... รอบ800 มันฉีดที่ 3 ms  แต่มันลากได้แค่ 20 กม/ชม  ถ้าจะให้ได้ระยะทางเท่ากัน   มันก็ต้องใช้น้ำมัน  3X5 คือ  15 ms ....ประมาณนี้ครับ
ประมาณนี้
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ธันวาคม 16, 2015, 15:57:12 โดย sukhontha »



rotaryman

Re: ขับความเร็วสูง กับ ต่ำ ใครจะประหยัดกว่ากันครับ
« ตอบกลับ #20 เมื่อ: ธันวาคม 16, 2015, 13:59:20 »
ลองใช้วิธีเข็นรถดูจะประหยัดน้ำมันที่สุดครับ :P



0%

Re: ขับความเร็วสูง กับ ต่ำ ใครจะประหยัดกว่ากันครับ
« ตอบกลับ #21 เมื่อ: ธันวาคม 16, 2015, 14:00:34 »
teana j32 cvt ขับเร็วๆ ประหยัดกว่าพวก เกียร์ออโต้แบบเก่ามาก

รอบต่ำกว่าจริงๆ



dt9

Re: ขับความเร็วสูง กับ ต่ำ ใครจะประหยัดกว่ากันครับ
« ตอบกลับ #22 เมื่อ: ธันวาคม 16, 2015, 16:22:00 »
เท่าที่รู้มาให้ดูที่รอบ รถคันเดียวกัน ความเร็วต่างกันเพราะใช้เกียร์ต่างกัน ถ้ารอบเท่ากัน ก็กินน้ำมันเท่ากัน ( ไม่รวมช่วงเร่งให้รอบสูงขึ้น เปรียบเทียบเฉพาะตอนที่วิ่งรอบเท่ากัน)



mamaman

Re: ขับความเร็วสูง กับ ต่ำ ใครจะประหยัดกว่ากันครับ
« ตอบกลับ #23 เมื่อ: ธันวาคม 16, 2015, 16:22:52 »
เอา ไม่ต้องเทียบข้ามรถนะครับ เอาคันเดียวกัน

ยังไง ความเร็วต่ำก็ประหยัด
ไม่ต้องคิดมาก

รถเดี๋ยวนี้มี Monitor rate ดูได้
รอบเหมาะสม เกียร์เหมาะสม ความเร็วไม่สูง เหมาะสม ซัก 80-90 ประหยัด  แล้วแต่รถด้วย
มันจะมี Load เครื่องยนต์ ขึ้นกับ น้ำหนักรถด้วย




5thAvenue

Re: ขับความเร็วสูง กับ ต่ำ ใครจะประหยัดกว่ากันครับ
« ตอบกลับ #24 เมื่อ: ธันวาคม 16, 2015, 17:02:26 »
อย่าลืมเรื่อง อากาศพลศาสตร์นะครับ

ยิ่งวิ่งเร็ว อากาศยิ่งต้านมากขึ้น

มันมีความเร็วสูงสุดระดับหนึ่งครับ ที่รอบต่ำ และแรงต้านอากาศมีผลต่อกำลังเครื่องยนต์น้อย

จขกท. อาจจะคิดเหมือนที่ผมเคยคิดก็ได้ ยิ่งถึงเร็ว ยิ่งดับเครื่องเร็ว อาจจะใช้น้ำมันน้อยกว่า

แต่อย่าลืม ที่ 100 กิโลเมตรเท่ากัน เร่งเครื่องมาก ถึงเร็วมาก ดับเครื่องไว ใช้น้ำมัน 10 ลิตร

ในขณะที่ ไปช้าๆ เรื่อยๆ เสียเวลามาก ติดเครื่องยนต์นานกว่า แต่ยังไงผลมันก็ออกมาว่า 100 กม. นั้น ใช้แค่ 5 ลิตร





ฟง อวิ๋น

Re: ขับความเร็วสูง กับ ต่ำ ใครจะประหยัดกว่ากันครับ
« ตอบกลับ #25 เมื่อ: ธันวาคม 16, 2015, 17:39:30 »
ขับที่รอบเครื่องต่ำสุดที่ยังให้ค่า Torque สูงสุดครับ

ที่เกียร์สูงสุด และเลี้ยงรอบที่ความเร็วนั้นให้นิ่งและนานที่สุดครับ

ล่าสุดเช่า ALMERA ขับจากเชียงใหม่ไปเชียงราย ข้ามเขาช่วงหนึ่ง ใช้ในเมืองเชียงราย 2 วัน

ขับไปได้ระยะทาง 600 กม (ประมาณ) เติม E20 คืนไป 900 บาท (ลิตรละ 22.44 บาท) ก็ประมาณ 16-17km/l นะ
Isuzu SLX, Accord G4, Colorado, Hilux Tiger, Lancer I, Triton, D-Max Cab4, TiiDA, Mazda2 I, Mazda2 II, D-Max, Fortuner, Sunny B14, Jazz GK, Accord G9, Mazda2 Sky, GLA200, Yaris, Alphard30, Lancer II, Lander III, Ranger, XL7, Forester SK, Swift, Stargazer, Aion V



Nonlamer

Re: ขับความเร็วสูง กับ ต่ำ ใครจะประหยัดกว่ากันครับ
« ตอบกลับ #26 เมื่อ: ธันวาคม 16, 2015, 17:44:47 »
ผมว่าขึ้นกับแต่ละรุ่นและเครื่องยนต์นะครับ เคยเห็นรีวิวต่างประเทศเค้าจับทดสอบความเร็วคงที่หลายๆช่วง ตั้งแต่ 40 60 80 100 บางคันก็วิ่ง 60 เปลืองกว่า 100 ก็มี แต่บางคันก็ไม่



Slipknot`

Re: ขับความเร็วสูง กับ ต่ำ ใครจะประหยัดกว่ากันครับ
« ตอบกลับ #27 เมื่อ: ธันวาคม 16, 2015, 18:45:15 »
ผมเคยขับจากเพชรบูรณ์ เติมน้ำมันเต็มถังก่อนออกจนมาถึงบางนาเติมน้ำมันกลับเต็มถัง เสียไป700กว่าบาทเอง หุๆ
ขับไม่ต่ำกว่า140ตลอดทาง ตอนนั้นน้ำมันประมาณ 24-26บาท/ลิตร
รถ FTN BMC 3.0 4*4 AT



Tomz

Re: ขับความเร็วสูง กับ ต่ำ ใครจะประหยัดกว่ากันครับ
« ตอบกลับ #28 เมื่อ: ธันวาคม 16, 2015, 20:18:54 »
เอิ่ม....ทำไม แคมรี่ผม ไม่ว่าจะขับ 60 90 120 เลขมันขึ้นแต่ 8.9 กม/ลิตร ที่จอ mid รถผมมีปัญหารึป่าวเนี่ย เพราะตอนออกจากศูนย์แรกๆมันขึ้น 10.0 พอขับไปเลือยๆ มันลดมาเหลือ 8.9 ล่ะ ง้ง งงงงงงง
https://PrivateLadyEscorts.com - Local Secret Dating - No Selfie - Anonymous Casual Dating -   Local Private Lady



Carrera

Re: ขับความเร็วสูง กับ ต่ำ ใครจะประหยัดกว่ากันครับ
« ตอบกลับ #29 เมื่อ: ธันวาคม 16, 2015, 20:26:42 »
altis 1.8 ตัวปัจจุบัน  120-140 มาตรวัดบอกว่าราวๆ 12-14 km/l

ถ้า 110-120 ก็ราวๆ 15 km/l

แต่เคยลอง 100 นึงนิ่งๆ เนียนๆ  มันบอก 21 km/l

ไม่รู้เชื่อได้ขนาดไหน  แต่ถ้าอิงตามมาตรวัด ขับ 90-100 แบบนิ่มๆ เนียนๆ ประหยัดสุด  ไปถึงชลบุรีเข็มน้ำมันขยับน้อยกว่าขากลับที่ขับเร็วแบบเห็นได้ชัดเลย   ;)

วิ่งมอเตอร์เวย์ กรุงเทพ ชลบุรีนะครับ   แต่ต้องเลี้ยงคันเร่งดีๆหน่อย ถ้าขับแบบกดๆปล่อยๆ จะกินกว่า :P