รถผม Subaru Outback BP (แปลงเป็น Legacy GT JDM เครื่อง 2.0 เทอร์โบ) ....
ภาค 1.
เคยมีปัญหาบูสท์ได้แค่ 0.5-0.6 บาร์มาก่อน ครั้งนั้นไล่จนเจอว่ามีท่ออากศเส้นหนึ่งที่รั่วตรงมุม ซึ่งปกติมันจะไม่รั่วจนกว่าจะ overboost ไปแถวๆ 1.1 บาร์ (บูสท์ปกติ 0.9 บาร์) หลังจากหาจนเจอ ได้ทำการเปลี่ยนท่อที่ว่านั่น และ นำรถไป reflash โดยเพิ่มบูสท์ปกติเป็น 1.2 บาร์ .... สามารถบูสท์ได้ตามที่จูนมาเป็นปกติ
ภาค 1.1
ตอนจูนอู่ที่จูนพบว่าเมื่อเครื่องร้อนมากๆ (หลังไปอัดมา) บูสท์จะตกเหลือ 0.5-0.6 บาร์ แต่ถ้าใส่ตัวปรับบูสท์มือก็ยังสามารถบูสท์ได้ปกติ .... แสดงว่า กล่อง ยอม ให้บูสท์สูงกว่า 0.5-0.6 บาร์ได้ ไม่ใช่ safe mode จึงสันนิษฐานว่าเป็นที่ Electronic Boost Control Solenoid
.. แต่ที่อู่ไม่มีจึงต้องขับรถไปที่อีกอู่หนึ่ง และลองเปลี่ยนดู ไม่หาย.... วันต่อมาจึงได้นัดหมายกับอู่เดิมที่ reflash ให้เพื่อตรวจสอบเพิ่มเติม ... เช้านั้นกลายเป็นว่าหาย !!!! ที่อู่ก็อ่านค่าจากกล่องก็ไม่เจออะไรผิดปกติ ...... ก็เป็นอันว่าหายแบบงงๆ
ภาค 2.
หลังจากนั้นก็เอารถมาใช้ได้อีกร่วม 2 เดือน ก่อนจะ ซน เอารถไปเปลี่ยนโช๊คและ down pipe ใหม่ ........ หลังจากออกมาจากอู่(ไม่ใช่อู่ซูบารุ) อาการบูสท์ต่ำกลับมาใหม่ -_- แต่ครั้งนี้ไม่มีอาการตื้อๆเหมือนครั้งแรก สอบถามกับอู่ซูบารุ ได้ความว่าการเปลี่ยน down pipe ต้องมีการรื้อ Intercooler และท่ออากาศอพอสมควร ระหว่างการประกอบอาจต่อท่อแวคคั่มกลับข้าง (ในท่อนี้มี one-way value อยู่) ทำให้แรงดันย้อนไปเปิด wastegate ได้โดยไม่ผ่าน Electronic Boost Control Solenoid ..........ระหว่างรอคิวอู่ ใช้รถไปประมาณ 100 กิโล เห็นที่บ้านมี Airflow อยู่ตัวนึงเลยลองซนๆ เปลี่ยนเล่นดูเผื่อฟลุ๊คหาย ..... แต่ก็ไม่หาย เลยเปลี่ยนกลับ .... ระหว่างเปลี่ยนกลับ ทำน๊อตยึด Airflow หล่น ทำให้ต้องรื้อกล่องกรองอากาศออกมาเพื่อหยิบน๊อตที่ทำหล่น แล้วจึงประกอบกลับ ขั้นตอนนี้ รื้อยากมาก (เพราะผมมีอุปกรณ์ไม่ครบ) ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง และระหว่างนี้ต้องถอดปลั๊ก airflow ออก ........ พอประกอบเสร็จ เช้าวันรุ่งขึ้น อาการบูสท์ต่ำหาย !!!! หายแบบงงๆ อีกแล้ว
ภาค 3.
หลังจากชีวิตสงบสุขมาได้ประมาณ 300 กิโล โช๊คที่ไปเปลี่ยนมาวันก่อนมีเสียงกุกกักเกินจะทน เลยเอารถกลับไปเปลี่ยนโช๊คอีกรอบ เปลี่ยนเสร็จตั้งศูนย์ (ครั้งนี้เห็นเป็นงานง่ายๆเลยทำที่อู่ช่วงล่าง) ............. อาการบูสท์ต่ำกลับมาใหม่อีกแล้ววววว -_- อดทนให้มาอีก ประมาณ 150 กิโล เผื่อว่ามันจะหายเองแบบคราวที่แล้ว จนบัดนี้ก็ยังไม่หาย
..... ตอนนี้ได้แต่รอคิวกลับไปให้อู่ซูบารุไล่เช็คให้ แต่กว่าจะได้คิวตั้งอาทิตย์หน้า ไม่ทราบว่าพอมีไอเดียบ้างไหมครับว่าอาจเกิดจากจุดไหน .......... สมมุติฐานผมคือครั้งแรก (ภาค 1.1) อาจมาจากความร้อนสะสมทำให้รถเข้า safe mode / solenoid ทำงานผิดปกติ พอรถเย็นก็หาย ตอนภาค 2 ทีแรกนึกว่าเป็นที่กล่องมันอาจ relearn อะไรบางอย่างหลังมีการรื้อเยอะๆ แต่พอมาเจอภาค 3 นี่งงสุดๆเลยครับ ....... 2 ปัจจัยที่ดู Common กับเห็นจะมีแค่การยกรถให้ลอยจากพื้นเพื่อเปลี่ยนโช๊ค (ซึ่งนึกไม่ออกเลยว่าเกี่ยวอะไรกัน) และ การที่มีช่างไปลองรถ (ซึ่งตอนภาค 2 คนที่ไปลองผมรู้จักดี ไม่คิดว่าจะมีการข่มขืนรถ แต่หนหลังไม่แน่) ........
รบกวนขอไอเดียมาถกกันหน่อยครับ ระหว่างรอคิวอู่