โพลล์

ใช่ Premium
51 (65.4%)
ไม่ Premium
11 (14.1%)
ยังเหมือนเดิม ชอบญี่ปุ่น ถึงแพงก็เลือก มั่นใจ
16 (20.5%)

จำนวนผู้โหวตทั้งหมด: 76

ปิดการโหวต: กุมภาพันธ์ 25, 2016, 12:42:14

ผู้เขียน หัวข้อ: ราคารถญี่ปุ่นขยับขึ้น ทั้ง D-seg & PPV เรื่อยๆ ทำให้คนเลือก PREMIUM CARง่ายขึ้น  (อ่าน 9164 ครั้ง)

ออฟไลน์ JetDou

  • Jr. Member
  • **
  • กระทู้: 121
สำหรับผม ผมคงเลือก รถญี่ปุ่นออพชั่นความปลอดภัยเต็ม มากกว่า รถ premium ออพชั่นโล้นถ้าพวก Eurocap ได้ดาวเท่ากัน

ปลอดภัยกว่าเพราะระบบช่วยเหลือ แถมได้รถใหญ่กว่า อันนี้สำหรับผมคือคุ้มสุด ส่วนภาพลักผมไม่ค่อยสน ผมสนความปลอดภัยมากกว่า
2015 Ford Fusion 2.0 Titanium
2011 Infiniti G37 3.7 AWD

ออฟไลน์ whoami

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,174
    • อีเมล์
มองอีกมุม d seg ญี่ปุ่นตัวที่ขายดีคือตัวเริ่มต้น เครื่อง 2.0

ซึ่งราคาก็ยังต่างจาก compact  premium เกือบล้าน ยังมีช่องว่างอีกเยอะครับ

แล้วมองอีกมุม d seg ตัวท็อปก็ยังต่างจากรถขนาดพอๆกันอย่าง Eclass หรือ s5 ตัวเริ่มต้นเกินล้านนะ

ออฟไลน์ Sleepy Boy

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,419
    • อีเมล์
เห็นด้วยกับข้างบนครับ ต้องลองแบ่งช่วงราคารถดูครับ บวกกับลักษณะการใช้งาน ผมว่าไม่ใช่ทุกคนจะมีเงินเหลือกินเหลือใช้
1.2 ล้าน Japanese d segment (low)
1.6 ล้าน PPV (top)
1.9 ล้าน Japanese d segemnt (top) + Volvo V40
2.4 ล้าน Euro b-c segment (low)
***รถใหม่นะครับ

ออฟไลน์ dht_tubes

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 3,641
    • อีเมล์
ผมว่าคนที่ลังเลเรื่อง D ยุ่น C ยุโรปพรีเมี่ยม คงมองเรื่อง อิมเมจ เป็นหลัก ซึ่งก็ต้องไปสอดคล้องกับเงินในกระเป๋าแต่ละท่าน คงตอบแทนกันยาก เงื่อนไขต่างกันเยอะครับ เพราะถ้าคิดในแง่คุ้มเงิน คือจ่ายน้อยกว่าคือคุ้มกว่า มันก็ชัดๆอยู่แล้วว่าจะเลือกตัวไหน

ส่วนตัวผมว่า ด้วยความหนาแน่นของรถบนถนน ความคล่องตัวเป็นเรื่องที่เชื่อว่าคนส่วนใหญ่ให้ความสำคัญ ซึ่งคงทำให้รถที่ขนาดใหญ่ น่าจะมีความนิยมลดลงด้วย เมื่อปริมาณขายน้อยลง ต้นทุนต่อหน่วยย่อมเพิ่ม จึงทำให้กดราคาไม่ลง แต่ก็ใช้ประโยชน์ได้ในอีกด้านคือ ทำราคาให้สูงขึ้นไป เพราะขายถูกลงกว่านี้ ส่วนตัวผมเชื่อว่ามันก็ไม่ขายดีขึ้นกว่านี้ เนื่องจากขนาด ค่าน้ำมัน ค่าบำรุงซึ่งต้องสูงกว่ารถขนาด C & B segment แน่นอน

แล้วเปิดช่องว่างให้มีแกป เพื่อที่จะดันราคาของ C กับ B segment ขึ้นมาแทนที่โดยที่ผู้บริโภคจะรู้สึกได้น้อย มาเเบบน้ำซึมบ่อทรายไปเรื่อยๆ ขายดีก็ตอดขึ้นเรื่อยๆ ไมเนอร์ โน่นนิด นี่หน่อย ว่ากันไป

เหมือนเมื่อก่อน พี่โตมีโคโรน่า ที่ใหญ่กว่าอัลติสตอนนี้นิดเดียว แต่ราคาอยู่เกณฑ์ที่รับได้ แต่จะขายแพงก็เล็กไป เลยทำตัวใหม่ออกมาให้ใหญ่แล้วขายแพงไปเลย ตัดโคโรน่าทิ้งไป ประมาณนี้ครับ

ส่วนตัวผมมองแบบนี้แหละครับ และขอเดาว่าอีกซัก 5 ปี เราอาจจะโชคดีได้เห็น Vios city ตัวท๊อป ราคาล้านทอน (แต่คงอัดอะไรต่อมิอะไรมาเต็ม แล้วแต่เทรนด์ตอนนั้นอยากได้แบบไหน)  แล้ว Ecocar  ก็จะตัวท๊อป 7 แสนทอน ในที่สุด

แล้วก็จะเห็นรถยุโรปไซส์เล็กลงมาเล่นตลาดล้านกลางๆกันในอีกไม่นานเช่นกัน

ก็คิดแบบนี้นะครับ ถูกผิดขออภัยด้วย

ออฟไลน์ O-ver-Late-Driver

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 638
    • อีเมล์
อีก 6-7แสนก้ยังมีระยะห่างเยอะอยุ่นะครับแต่ถามว่าทำให้คนคิดมั้ย แน่นอนล่ะครับ แต่เวลาเข้าศูนย์ d seg ราคาแบบรถเล็กนะครับ

ถ้ารถยุโรปจะโหดร้าย


ใช่ครับ 6- 7 แสน ทำให้ผมคิดหนัก  สุดท้าย ก็จบที่ D-Seg แม้ว่า ตอนนี้ ยังอยาก อยาก อยู่ก็ตาม ที่จบเพราะความใหญ่ กว่า ดูแลง่าย ถูกกว่า

ออฟไลน์ Tee+...Lek

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 238
    • อีเมล์
ผมเคยไม่เคยเอารถยุโรปมาเป็นตัวเลือกเลย

สาเหตุหลักๆ คือค่ายรถยุโรปมักจะมีปัญหาจุกจิกอันเนื่องมาจากไม่ได้นำมาทดสอบวิ่งในบ้านเราอย่างจริงจัง ญี่ปุ่นหลายค่ายเอารถที่แม้ว่าจะขายดีในหลายประเทศ มาทดสอบวิ่ง เพราะความแตกต่างในเรื่องถนน อากาศ และความชื้นที่บ้านเรา ที่ถือว่าสุดขั้วมากเมื่อเทียบกับหลายๆ ประเทศ อีกอย่างคือราคาค่าซ่อมที่โหดเอาเรื่อง ขนาด D-Segment ญี่ปุ่นในปัจจุปันยังสูงขึ้นมากเลย แถมในปัจจุปันนอกจากเรื่องช่วงล่างที่รถยุโรปยังถือว่ายังมีช่องห่างอยู่บ้าง แต่ Option หลายๆ อย่างที่มีในรถยุโรปก็มีในรถญี่ปุ่นเช่นเดียวกัน

ผมเลือก Camry HV 2015 Premier เพราะเบาะหลังนั่งสบาย คุณพ่อคุณแม่ชอบครับ

เห็นด้วยกับหลายๆ ท่านครับ การเลือกรถที่ใช้ต้องตั้งโจทย์ตัวเองให้ดีก่อน อย่าเอาแต่เรื่อง "ราคา" เป็นตัวตั้งอย่างเดียว

ออฟไลน์ เซลล์ขายรถ

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 704
  • เซลล์ขายรถจริงๆนะครับ
คำถามนี้ตอบง่ายกว่า จะเลือกอะไหรดีระหว่าง D-Seg กับ PPV/Crossover SUV ครับ

ว่าด้วยเรื่องขนาดรถนั้นหละ

เพื่อนผมขับรถคนเดียวบ้านมันพอซื้อ พวกรถฝั่งยุโรปสบายๆ กับเลือกแอคคอร์ด เพราะมันออกต่างจังหวัดบ่อย ถ้าเสียกลางทางยังพอหาซ่อมง่ายไม่ต้องขึ้นรถสไลด์กลับมา

แถมมันบอกว่าจะขายไปออกอัลติสด้วยซ้ำ แต่ไปนั่งแล้วไม่สบายตัว
ต้องดันยอดเดี๋ยวเจอโกฮังจัดการ :(

ออฟไลน์ Auto

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 4,631
คือถ้าผมมีเงินระดับนี้ก็อยากเลือกรถยุโรปเหมือนกันเพราะราคาเริ่มใกล้กัน      แต่ว่าที่ไม่เคยเลือกหรือไม่เคยมองมือ 2 รถยุโรปเลยเพราะว่ากลัวค่าซ่อมครับ      ถึงผมเป็นนหลงใกลรถแต่รถของผมอยากได้ที่ซ่อมถูก ๆ ไม่จุกจิกไปไหนก็ได้ตลอดเวลา  ไม่ใช่เช้าโก้ เย็นแก้ 3 เดือนมีแย่ต้องซ่อม 1 อย่างแบบที่คุณวรพง สิงห์เขียวพงษ์บอก     เลยขอเลือกรถญี่ปุ่นต่อไปแม้จะแพงหน่อยแต่สบายใจตอนใช้งานไม่จุกจิกเท่ายุโรปและซ่อมถูก ๆ มาก ๆ เมื่อถึงเวลาซ่อม