ผู้เขียน หัวข้อ: ปรับปรุงช่วงล่าง&ปรับปรุงอัตราเร่งให้ดีขึ้น >> อันไหนทำง่ายกว่ากันครับ  (อ่าน 6067 ครั้ง)

ออฟไลน์ YenChar

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 5,179
จากกระทู้คุณ varit7530  "ชอบรถช่วงล่างดีๆ หรือรถเครื่องแรงๆ"

ท่านคิดว่า ปรับปรุงช่วงล่าง หรืออัตราเร่ง อันไหนทำยาก/ง่าย กว่ากันครับ
ส่วนใหญ่จะเลือกรถช่วงล่างดีๆไว้ก่อน

ยกตัวอย่างง่ายๆ ถ้าเอามาสด้า3ตัว1.6(ที่ช่วงล่างดีๆ) มาปรับจูนให้ดีขึ้นในด้านอัตราเร่ง
หรือนำซีวิค1.8ที่อัตราเร่งดีอยู่แล้ว มาปรับปรุงช่วงล่างแทน


ส่วนตัวผม คิดว่าทำอัตราเร่งน่าจะง่ายกว่านะครับ(แบบไม่เปลี่ยนเครื่องหรือติดเทอร์โบนะ)
เพราะอัตราเร่งมันวัดได้ จะขึ้นไดโนเทสเอาก็ได้ หรือจับเวลาก็ได้
ในขณะที่ช่วงล่าง มันต้องวัดด้วยความรู้สึกและบนถนนจริง คงทำได้ยากกว่า

แชร์กันครับ...

ออฟไลน์ CN16888

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 327
ผมว่า ช่วงล่างยากกว่านะครับ

เพราะต้องเปลี่ยนนู้น นี่ นั่น ถ้าจะให้ดีก็ต้องเปลี่ยนหลายชิ้นอยู่
แต่เครื่องนี่
ยกตัวอย่างปิคอัพดีเซลคอมมอนเรวในปัจจุบัน
ถ้าอยากแรง ก็แค่ปรับจูนนิดหน่อย จาก 160กว่าม้า ก็เพิ่มเป็น 200ม้า ได้สบายๆ

ออฟไลน์ Lookkaew

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 720
Re: ปรับปรุงช่วงล่าง&ปรับปรุงอัตราเร่งให&
« ตอบกลับ #2 เมื่อ: มีนาคม 13, 2010, 12:12:57 »
ถ้าพูดถึงรถ stock มาเลย แล้วอย่างไหน"ทำง่าย"กว่ากัน ผมถือหางช่วงล่างนะครับ

รถปกตินี่พื้นฐานช่วงล่างก็โอเคอยู่แล้ว หลายๆ คัน เปลี่ยนแค่สปริงชุดเดียว ดีขึ้นแบบรู้สึกได้ ไม่จำเป็นต้องแข็งแต่เกาะ เดี๋ยวนี้ได้ทั้งนุ่มนวลแต่หนึบขึ้นก็มี ราคาก็ไม่แพง (แต่ต้องมีหนูลองยาสักหน่อย)
ส่วนรถ NA ขึ้นไดโน ม้ามากขึ้นจริง แต่เมื่อไม่ได้ปรับปรุงเรื่องระบบส่งกำลังอย่างอัตราทดเกียร์ ก็วัดความแตกต่างได้ไม่มากนัก และมักจะปรับแต่งอะไรไม่ได้มาก ถ้าปรับได้มาก ก็มักได้อย่างเสียอย่าง เช่น
- เล่นกับกล่องแรงขึ้นแต่กินน้ำมันขึ้น
- เล่นกับท่อ เน้นต้น-ปลายหาย, เน้นปลาย-ต้นหาย, เดินท่อทั้งเส้นตั้งแต่เฮดเดอร์ แรงทั้งต้นและปลาย-เสียงดังขึ้น
- เล่นกับระบบส่งกำลัง เกียร์ธรรมดานี่ชัดเจน ว่าส่งกำลังดีขึ้น-ปวดขามากขึ้น-ขับให้นุ่มนวลยากขึ้น ส่วนเกียร์ออโต้แทบทำอะไรไม่ได้นอกจากระบบหล่อลื่นและระบายความร้อน

ส่วนเรื่องงบประมาณ พูดกันยาก เพราะถ้าเล่นกันหนักๆ ให้ผลดีทั้งคู่ กระเป๋าฉีกทั้งคู่ เช่น
 - ชุดสตรัทปรับเกลียวดีๆ ก็หลายหมื่น ปรับได้หลายระดับ ทั้งความสูงและความแข็ง
 - โมเครื่องเต็มสตรีม เล่นทั้งระบบอากาศ ไฟฟ้า ระบบส่งกำลัง ก็หลายหมื่นเช่นกัน (อย่านับพวกเครื่อง Turbo ที่โดนตอนกำลังมานะครับ พวกนี้ปลดล็อค หรือ tune up นิดเดียวก็พุ่งปรู๊ดแล้ว แต่ถ้าปรับเยอะระวังพังไวเน่อ)

ยิ่งถ้าเปรียบเทียบ Civic 1.8 กับ Mazda 3 1.6 นี่น่าจะชัดเจนอยู่ เพราะคำว่า "รถแรง" มันรวมหัวใจหลักไว้ในตัวมันเยอะแยะเลย ต่างกับ "รถเกาะ"
ทำให้นึกถึงนักวิ่งที่มีพลกำลังดี แต่ใส่รองเท้าแตะวิ่ง กับนักวิ่งที่ใส่รองเท้าดีๆ ขาแข็งแรง แต่ปอด-หัวใจ ไม่แข็งแรง
(ผู้ใช้ Civic & 3 1.6 อย่าเพิ่งโกรธเคืองกัน ยกตัวอย่างตามเจ้าของกระทู้เฉยๆ ทั้งสองรุ่นก็มีเอกลักษณ์ที่โดดเด่นทั้งคู่อยู่แล้ว)
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มีนาคม 13, 2010, 12:21:04 โดย Lookkaew »

ออฟไลน์ Ruksadindan

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 12,051
ผมว่าอัตราเร่งก็ยากอยู่นะครับ และการปรับให้เร็วขึ้นโดยไม่สิ้นเปลืองน้ำมันขึ้นยิ่งยากมาก แต่ช่วงล่าง คิดว่าการทดสอบ Lateral G ก็เป็นมาตรฐานได้มั้งครับ?

ออฟไลน์ Pan Paitoonpong

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 6,457
  • Long live M/T
มันพูดให้ตายตัวยากครับว่าทำอัตราเร่งกับทำช่วงล่างอย่างไหนง่ายกว่า และอย่างไหนใช้เงินมากกว่า เพราะไม่ได้กำหนด scope มาว่าแรงขึ้นแค่ไหน หรือเกาะขึ้นเพียงไร

อย่างสมมติผมมี Nissan B13 อยู่คันหนึ่ง ผมบอกว่าวางเครื่อง 2.0 ลิตรใช้เงิน 3.5 หมื่น และช่วงล่างนั่นแค่เอาสเป็คกึ่งสปอร์ตใส่
ก็เพียงแค่ 17,000 บาท งั้นแปลว่าทำช่วงล่างก็ง่ายกว่า

และมองอีกทางนึง สมมติว่าไม่เปลี่ยนเครื่องเลย เอาเครื่องเดิมทำเฮดเดอร์ ท่อ พอร์ท ใช้เงิน 15,000 บาทไม่เกิน คราวนี้กลายเป็นว่าทำไ้ด้ง่ายกว่าช่วงล่าง

นอกจากนี้มันขึ้นอยู่กับรถแต่ละคัน ถ้าสมมติคุณใช้ Tiida 1.6 การทำเครื่องให้แรงกว่าเดิมชนิดเทียบเท่าเครื่อง 2.0 ลิตร กับการทำช่วงล่างให้ดีขึ้น แน่นอนว่าการทำช่วงล่างง่ายกว่า แต่ถ้าคุณใช้ Primera 2.0 อยากเพิ่มม้าเป็น 190 ตัว สบม.สบายมาก ราคาทำเครื่องถูกกว่าเบิกโช้คอัพซิ่งใหม่จากญี่ปุ่นอีก นี่ขนาดเทียบรถยี่ห้อเดียวกันนะ
- Nissan Tiida บ้านๆ/NX Coupe/AE111/190E1.8

ออฟไลน์ tfirst01

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 394
คงแล้วแต่ความชอบความถนัดของแต่ละคนมั้งครับ
แต่สำหรับผมคิดว่าปรับช่วงล่างน่าจะง่ายกว่า
อย่างเช่นตัวอย่างที่คุณยกขึ้นมา สมมติผมอยากจะได้รถแรงๆ เกาะถนนดีๆซักคนไว้วิ่งทางยาวๆ
มีรถเครื่องดีแต่ไม่เกาะอย่าง civic 1.8 กับรถเกาะถนนแต่เครื่องแย่อย่าง mz3 1.6
ผมคงเลือก civic มาทำช่วงล่างอ่ะครับ
มีชุดแต่งให้เลือกเต็มไปหมด โชค สปริง ล้อ ยาง สารพัด
แถมทำแล้วก็จบเลย โอกาสจะเกิดปัญหาตามหลังก็น้อยกว่า
ในทางกลับกันถ้าซื้อ mz3 มาทำเครื่องให้แรง ต้องทำยังไงมั่งล่ะ
ยิ่งแบบชาวบ้านทั่วไปที่ไม่ใช่จูนเนอร์อย่างผมนี่นึกไม่ออกเลยทีเดียวครับว่าจะไปทางไหน
ทำแล้วถ้าเกิดเครื่องรวน สามวันดีสี่วันเสียขึ้นมาจะทำยังไง

ขอเพิ่มเติมครับ
สำหรับ mz3 1.6 กับ civic 1.8
ผมว่าวิธีที่ง่ายกว่าเพื่อจะได้รถที่ทั้งเกาะทั้งแรง
ก็คือเก็บเงินที่จะแต่งรถนั้นไว้ซะ เอาไปซื้อ mz3 2.0
คุณก็จะได้รถที่แรงเท่า civic และเกาะเท่า mz3 อิอิ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มีนาคม 13, 2010, 12:36:23 โดย tfirst01 »

ออฟไลน์ bytebird

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 280
    • bytebird.multiply.com
    • อีเมล์
ผมว่าปรับปรุงอัตราเร่งง่ายกว่าครับ

แค่ติด GW&VST ธรรมดาๆ 1 ชุด รู้สึกได้ทันทีหลังติดตั้งเสร็จว่าคันเ่ร่งตอบสนองดีขึ้น ขนาดแฟนนั่งข้างๆ ขับรถไม่เป็นยังบอกเลยว่ารู้สึกเหมือนรถพุ่งไปข้างหน้าเร็วกว่าเดิม
ก่อนติดก็ไม่เชื่อเหมือนกัน แต่มันราคาแค่ 1500บาท (ผลิตและติดตั้งกันเองใน Zafiralover.com ครับ) ก็เลยจัดมา 1 ชุด

ออฟไลน์ 2k

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 4,755
ผมว่ายากพอๆกันแหละ บางคนอาจจะบอกว่าซีวิคนะเหรอข้าเอามาสด้าไปวางเครื่องใหม่มาก็แซงขาดแล้วแต่ถ้าเจอกับซีวิควางเครื่องใหม่มาบ้างก็โดนเอาคืน อีกคนก็อาจจะบอกว่ามาสด้าเหรอข้าเอาไปใส่ TEIN สักชุดก็สาดโค้งได้เจ๋งกว่าแล้วแต่ถ้าเจอมาสด้าใส่ TEIN เหมือนกันก็โดนนำในโค้งเหมือนเดิม ถ้าหากว่าเจาะลึกลงไปใรายละเอียดการแต่งรถจริงๆผมคิดว่ามันมีศาสตร์การคำณวนที่ลึกซึ้งมากกว่าแค่การเอาเครื่องใหม่ลงไปวางหรือแค่เปลี่ยนโช้คเปลี่ยนสปริง สำคัญก็คืออย่าเแต่งรถเพื่อเอาไปคุยเกทับคนอื่นแต่แต่งรถเพื่อปรับปรุงในส่วนที่เราคิดว่ายังไม่พอใจ สุดท้ายแล้วมันก็มีจุดที่ไม่สามารถปรับเปลี่ยนได้เพราะขีดจำกัดที่เค้าออกแบบมาจากโรงงานนี่แหละ  ;D
หมาเฝ้าบ้านแจกฟรีจ้า www.dogfindhome.com


ออฟไลน์ kowit1

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 525
ปรับปรุงอัตราเร่ง ง่ายกว่ามีกราฟบ่งบอกสถิติ จับความเร็วเห็นตัวเลขชัดเจน ลูกค้าต้องการขนาดไหนมีหลักฐานพิสูจน์ได้ชัด

ปรับปรุงช่วงล่างนี้เอาความรู้สึกมาวัดกันล้วนๆ  นุ่มหนึบ คนนี้ อาจไปแข็งกระด้าง วอกแวกคนโน่น ไม่มีค่าตัวเลขบอกชัดเจน

ออฟไลน์ Jump

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 721
แต่ผมว่า รถบ้านๆ คนซื้อมาใช้ประจำวัน ทำช่วงล่างง่ายกว่า
เพราะ เปลี่ยนไม่กี่ชิ้นก็ได้แล้ว รถไม่ช้ำด้วย
ชอค สปริง กันโคลงหนวดกุ้งต่างๆ เหล็กค้ำจุดต่างๆ
เท่านี้ก็หนึบเกินพอแล้ว
LIKE A BOSS!!


ออฟไลน์ kritphakhin

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,943
โดยส่วนตัวผมคิดว่า เป็นไปตามรถแต่ละคันครับ

ออฟไลน์ jib

  • Newbie
  • *
  • กระทู้: 31
    • อีเมล์
  ทำเครื่อง ง่ายกว่าครับ ทำช่วงล่าง อยากกว่าที่คิด ไม่ใช่ว่าหาโช้คดีๆ ชุดละเป็นแสนๆ สารพัดค้ำ ไปใส่แล้วมันจะจบ
ถ้าเจอ ช่วงล่างอย่าง Altis คานทั้งแท่ง ก็จบกันแล้ว ไม่ทราบว่าจะแก้ยังงัย เพราะถ้าจะแก้ มันต้องรื้อทั้งโครงสร้าง
กันเลยทีเดียว คราวนี้มันง่ายไหมละ ง่ายสุดก็เปลี่ยนรถ ไปหาช่วงล่างอิสระมาทำ มันไปได้ไกลกว่า ส่วนไกลแค่ไหน
มันก็แล้วแต่พื้นฐานที่ออกแบบมาแต่แรก

ออฟไลน์ toey_tm

  • Newbie
  • *
  • กระทู้: 33
ใช้ Civic เลยอยากตอบครับ

ผมว่าช่วงล่างทำได้ยากกว่า

Civic FD1 & FD2  โดยโครงสร้างช่วงล่างแตกต่างกับ Civic Type R (FD2R) 

โครงสร้าง นะครับ ไม่ได้หมายถึง ค่า K หรือ ความหนืดของช๊อคอัพ

FD1 & FD2 ออกแบบมาเพื่อการเกาะถนน + นิ่มนวล

FD2R         ออกแบบมาเพื่อรองรับความแรงของเครื่องยนต์ ไม่เน้นเรื่องนุ่มนวล

แต่ว่า ทุกวันนี้ Toyota ST171 อายุ 21 ปี ที่บ้านผม อัดบนทางด่วน วิ่ง 170-190 ผมยังมั่นใจมากกว่า FD1 วิ่ง 150 ครับ  ;D