ผู้เขียน หัวข้อ: ถามเล่นๆครับ คิดว่าทำไม Nissan ไม่ทำ March 1.2 S CVT ออกมาขาย....  (อ่าน 14203 ครั้ง)

ออฟไลน์ liveshow

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,751
  • รถไม่แรงแต่แซงยาก
ที่จริงอยากได้ รุ่น 1.2s cvt  ที่กันชนหน้าหลัง สีดำ ทำแบบกลิโม่ เลย ราคาจะได้เกือบเท่า 1.2s mt

ปล. พื้นที่ด้านหลังน่าจะติดแก็สได้สบายแห เลย
ก็แค่คนธรรมดา ไม่ลองก็ไม่รู้

ออฟไลน์ traveller

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 266
รุ่น s ให้ ที่ปัดน้ำฝนหลัง มาหรือไม่ ผมไม่แน่ใจครับ
แต่ ถ้าไม่ให้
เวลาฝนตก กระจกมองหลัง จะเปื้อน มาก
คนที่ ขับรถเป็น รักความปลอดภัย
มองกระจกมองหลัง ทุกๆ 3 นาที แบบ คนอเมริกันสอบใบขับขี่
คงต้อง จอดรถ ลงไป เช็ด กระจกหลัง กลางฝน ล่ะครับ
สปอยเลอร์ หลัง กันเลอะ ไม่ได้ครับ

เรโนล์ต เป็น ผู้ถือหุ้นใหญ่ ใน นิสสัน ครับ
กำไร ที่ได้จาก มาร์ช
ต้อง แบ่ง ส่วนมาก ให้ เรโนล์ต ฝรั่งเศส ตามสัดส่วน แน่นอน เช่นกัน

ผม ก็ หวังว่า นิสสัน มาร์ช ขายดี
เพราะ คนไทย จะได้ใช้รถ ราคาถูก คุ้มค่าเงิน ที่หายาก และ ประหยัดพลังงานให้ชาติด้วย

แต่ ดู แนวโน้ม การ ทำตลาดของนิสสัน
สงสัย ว่า มาสด้า2 ซีดาน จะ ขายดี กว่า นะครับ

เรื่อง ต้นทุนรถ นี่
คง ต้อง รอ Eco Car ของ ทาทา ประเทศไทย ออกมา จริง
ข้ออ้าง เรือง รถต้องแพง จะได้ หมดไปจากเมืองไทย เสียที ครับ

บริหาร แบบ overhead cost สูงนี่
ควรหมดจาก อุตสาหกรรมรถยนต์ไทย ได้แล้ว นะครับ

ออฟไลน์ Valkilrey

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 646
    • อีเมล์
รุ่น S ไม่มีใบปัดน้ำฝนหลังมาให้นะ เพราะดูจากรูปที่หลายๆคนถ่ายมาแล้ว ถ้าแบบนี้ ควรเป็นอุปกรณ์ที่รีบซื้อหามาติดเสริมโดยด่วน เพื่อความปลอดภัย

เรื่อง Ecocar ของทาง Tata ผมว่าเริ่มเป็นที่สนใจและจับตามองมากขึ้นแล้ว นับตั้งแต่มีข่าวว่าจะเปิดขาย Super Ace ปิคอัพ 1.4 ดีเซล 70 ม้า วิ่งได้สูงสุด 125km/hr. ในราคา 290,000 โดยนำเข้ามาก่อนในช่วง Motorshow และขึ้น line ผลิตช่วงสิ้นปี และมีโอกาศที่จะจับเครื่องตัวนี้มาไว้ใน Ecocar อีก 2-3 ปีข้างหน้าด้วย โดยที่ไม่เกิน limit spec ที่ตั้งไว้ (ดีเซล Ecocar ต้องไม่เกิน 1400) ต้นทุนน่าจะไม่มาก เพราะแชร์ร่วมกับ Super Ace (ถ้าใส่มาในรถเก๋ง อาจวิ่งได้มากขึ้นถึง 140-150 km/hr.)

และมาคราวนี้ มีข้อมูลเรื่องต้นทุนรถที่จะต่ำกว่าเจ้าอื่นๆ มีแต่ข่าวดีๆทั้งนั้นเลย

ออฟไลน์ Newhang

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 5,338
eco ค่อนข้างหาจุดลงตัวยากครับ  ถูาตัวถูกก็ถูดตัดoptionหมดเลย

แต่พอตัวสูงก็ราคาไปซะไกลเลย  เข้าไปใกล้ mazda2 sedanมากเลย

อันนี้ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าผลของการขายจะเป็นยังไง แต่ขายดีแน่เพราะ eco carไม่มีคู่แข่งนิครับ ถ้าไม่นับพวกจากจีนกับมาเลเชียน่ะครับเพราะความมั่นใจคงผิดกับรถญี่ปุ่นในเรื่องบริการหลังการขาย
แต่มันอาจจะแย่กว่าที่ควรจะเป็นก็ได้ แต่ไม่มีคู่แข่งเลยเปรียบเทียบยาก

ออฟไลน์ DENTE

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 379
  • ชายใจสะออน
ชิ้นส่วนในรถยนต์ผมบอกเลยครับว่า ส่วนใหญ่ ถูก และไม่ซับซ้อน
แต่ที่ต้องตัดอะไรๆ หลายๆ อย่างเพราะต้นทุนมันบังคับจริงๆ ถึงแม้ชิ้นส่วนแต่ละชิ้นถูก
แต่มันมีหลายชิ้นมากๆ นะครับ อันนี้ไม่ตัด อันนั้นไม่ตัด บางทีมันก็ทำให้เกินงบจริงๆ
ถ้าทำงานในอุตสาหกรรมรถยนต์จะรู้ว่า แต่ละบาท แต่ละสตางค์มีค่ามากครับสำหรับ
ชิ้นส่วนแต่ล่ะชิ้น คิดง่ายๆ ถ้าราคาขึ้นชิ้นละบาท ชิ้นส่วน 3000 ชิ้นก็ 3000 บาทละ
ถ้าลดต้นทุนในส่วนวัสดุอุปกรณ์ไม่ได้
ก็ต้องตัดชิ้นส่วนบางชิ้นออกไปครับ ผมบอกเลยว่าวัสดุของ March น่ะดี เค้าไม่ได้ลด
ต้นทุนเลย เพราะฉะนั้น สำหรับรุ่นล่างๆ เค้าจำเป็นต้องตัดชิ้นส่วนบางชิ้นออกไปเพื่อ
ลดตุ้นทุนให้ต่ำสุด ผมไม่แน่ใจนะครับว่าที่ผมเขียนอ่านแล้วเข้าใจง่ายหรือไม่แต่สรุปว่า

ในวงการรถยนต์
ถ้ารถราคาถูก
แต่ให้ของมาครบได้ นั่นแปลว่าเค้าไปลดต้นทุนที่วัสดุ และการผลิตต่างๆ

ถ้ารถราคาถูก
แต่ให้ของมาขาดๆ ตัดโน้นนี่ แปลว่า เค้าลดต้นทุนในการลดชิ้นส่วนลง แต่ยังคงคุณภาพวัสดุและการประกอบ สำหรับชิ้นส่วนพื้นฐานต่างๆ ครับ

ยกตัวอย่างลองนึกถึง Proton ดีๆ ครับ ให้ของมาครบทุกอย่าง มี Cruise control มีปุ่ม multifunction มีแอร์แบ็ก มีช่วงล่างอิสระ
แต่ทำไมยังขายราคาถูกกว่ารถญี่ปุ่นระดับเดียวกันได้มากมายขนาดนั้น

ผมไม่แน่ใจว่าในกลุ่มรถญี่ปุ่นจะมีเคสแบบอย่างแรกหรือไม่ หรือให้ option มาดูเยอะ แต่ลดสเป็กชิ้นส่วนต่างๆ แต่เท่าที่เห็นมาส่วนใหญ่จะ
เป็นแบบเคสที่สอง คือ คุณภาพดีเท่าๆ รุ่นอื่นๆ แต่ลดชิ้นส่วนและ option ลง

มาตรวัดรอบ วัดความร้อน ก็ติดข้างนอกได้ เท่ซะอีก ผมว่าตรงส่วนนี้สำหรับ March ไม่น่ามีปัญหานะครับ

ผมเห็นด้วยกับความคิดเห็นนี้ครับ
ตังมีไม่มาก  แต่อยากขับรถดีดี