จากกระทู้นี้
http://community.headlightmag.com/index.php?topic=49852.0คุณ nas1880 ได้ขอโบร์ชัวร์ของ Honda City โฉมแรก ก่อนไมเนอร์เชนจ์ ซึ่งก็มีคนโพสต์โบร์ชัวร์ ซึ่งจะมีที่มาจาก ผม และคุณ for_team ซึ่งดูๆ ไปแล้วสามารถครอบคลุมประวัติของ Honda City ตั้งแต่เปิดตัวในปี 1996 ไปจนถึงก่อนการไมเนอร์เชนจ์ในปี 1999 ได้ทั้งหมด
ผมจึงคิดว่าจะเป็นการดีถ้าได้นำโบร์ชัวร์ ที่มีที่มาจาก ผม และ คุณ for_team มารวมรวม พร้อมเขียนประวัติและ Timeline อย่างคร่าวๆ เท่าที่ผมทราบ
และขออนุญาตตั้งกระทู้ใหม่ เผื่อให้คนภายนอกที่อาจจะต้องการข้อมูลได้เข้ามาอ่าน และทราบประวัติของรถรุ่นนี้ นะครับ
ผมจะโฟกัสไปเฉพาะรถรุ่นปี 1996-1999 ก่อนที่จะไมเนอร์เชนจ์ครับ.....
อย่างไรก็ตาม รถรุ่นนี้เป็นรุ่นที่ผมมาไล่ศึกษาทีหลัง เนื่องจากตอนมันป้ายแดงผมยังอยู่ในวัยอนุบาล 2 ถึง ป.2 ไม่ได้อยู่เป็นสักขีพยานในตอนนั้น
ดังนั้น จากข้อมูลที่หาได้ อาจไม่ครบ หรือผิดตรงไหน ขาดตกตรงไหนรบกวนชี้แนะด้วยครับ เพื่อผมจะได้แก้ไขเพิ่มเติม จะได้เป็นกระทู้ที่ไว้ใช้อ้างอิงได้
-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
ก่อนหน้านี้ ตลาดรถยนต์หลักของประเทศไทยจะมีรถขนาด C-Segment (Civic, Corolla, Lancer, Sunny) ขึ้นไป
ต่อมาในช่วงต้นๆ ทศวรรษ 1990 เป็นต้นมา คนไทยรวยอู้ฟู่
ตลาดรถยนต์ขายดีมาก ในช่วงนั้นบริษัทรถยนต์หลายค่ายพบว่าประเทศไทยเริ่มจะมีอุปสงค์ขนาดใหญ่
ที่ต้องการรถยนต์ขนาด SubCompact Cars หรือ B-Segment มาเติมเต็ม จึงมีการพัฒนารถยนต์ขนาดดังกล่าวขึ้นมา
Honda City คือผลจากการพัฒนานั้น มันเปิดตัวครั้งแรกในวันที่ 23 เมษายน 2539 (1996) ใกล้ครบ 20 ปีแล้ว เป็นผู้เล่นรายแรก ในบรรดาเจ้าตลาด
ที่มาเล่นผลิตภัณฑ์ระดับ B-Segment โครงสร้างที่สำคัญของตัวรถ Copy มาจาก Honda Civic รุ่นปี 1987-1991 (โฉม EF) เพื่อลดต้นทุน
ดังนั้นมันจึงมีขนาดใหญ่จน C-Segment ทั่วไปในยุคนั้นสะเทือน
เพื่อให้เห็นภาพความใหญ่ยาว ผมจะเทียบขนาดกับ Toyota Corolla ในยุคเดียวกัน ซึ่งมีศักดิ์ศรีเป็น C-Segment สูงกว่า City หนึ่งขั้นนะครับ
Corolla ยาว 4285 มิลลิเมตร City ยาว 4225 มิลลิเมตร หายใจรดต้นคอกันเพียง 6 เซนติเมตร
Corolla กว้าง 1690 มิลลิเมตร City กว้าง 1690 มิลลิเมตร เท่ากันเป๊ะ
Corolla ระยะฐานล้อ 2465 มิลลิเมตร City 2500 มิลลิเมตร ยาวกว่าด้วย!!!!!!
กลับมาต่อนะครับ พัฒนาการจากช่วงเปิดตัว ก่อนจะไมเนอร์เชนจ์ในปี 2542 (1999) แบ่งเป็น 4 ยุคใหญ่ๆ ครับ คือ
ยุคที่ 1 (เมษายน 2539 - มกราคม 2540) จะมีเครื่องยนต์ให้เลือกเพียงแบบเดียว
คือเครื่องยนต์ D13B หัวฉีด PGM-FI 4 สูบแถวเรียง เพลาราวลิ้นเดี่ยวเหนือฝาสูบ (Single OverHead Camshaft)
ขนาด 1343 ซีซี (1.3 ลิตร) ความกว้างกระบอกสูบ 75 มิลลิเมตร และระยะชัก 76 มิลลิเมตร
ให้กำลังสูงสุด 70 กิโลวัตต์ (95 แรงม้า) ที่ 6400 รอบต่อนาที
แรงบิดสูงสุด 119 นิวตันเมตร ที่ 4700 รอบต่อนาที
ช่วงล่าง เป็นรุ่นเดียวในประวัติศาสตร์ของ City ที่ให้ช่วงล่างแบบสตรัทอิสระ 4 ล้อ ก่อนที่จะเปลี่ยนเป็นทอร์ชั่นบีมในรุ่นปี 2002 ถึงปัจจุบัน
โดยจะมีให้เลือก 2 ระดับ 3 รุ่นย่อย คือ Li, LXi, EXi
Li คือรุ่นล่าง ให้รถเปล่า พวงมาลัยไม่มีพาวเวอร์ เบาะหนังเทียม กระจกหมุนมือ เกียร์ธรรมดา ไม่มีเซนทรัลล็อก มือจับประตูสีดำ
LXi/EXi คือตัวท็อป พวงมาลัยพาวเวอร์ เบาะกำมะหยี่ครึ่งตัว กระจกไฟฟ้าคู่หน้า มีทั้งเกียร์ธรรมดา (LXi) และออโต้ (EXi) แต่ถือว่าระดับศักดิ์ศรีเท่ากัน
(2 ระดับ 3 รุ่นย่อย เพราะระดับท็อปมี 2 รุ่นย่อยนั่นเอง) แต่กระนั้น ก็ยังถือว่าออปชั่นน้อยครับ วิทยุมีลำโพง 2 ตัว กระจกหลังไม่มีไล่ฝ้า
ล้อกระทะ 13 นิ้ว การดู City ว่าเป็นตัวล่าง หรือตัวท็อป ดูง่ายมากครับ มองปราดเข้าไปรู้ได้ทันที ดังรูปตัวอย่างด้านล่าง
จากรูป ถึงแม้ว่าทั้งสองคันจะถูกจับแต่งมาบ้าง (Li เปลี่ยนพวงมาลัยและเครื่องเสียง, EXi เปลี่ยนเครื่องเสียง) แต่ก็ยังเห็นได้ชัดเจน
จากประเภทของเบาะ และสวิทช์ปรับกระจกไฟฟ้าที่แผงประตูครับ
ราคา
Li ราคา 398,000 บาท (เทียบเท่า 662,000 บาท ในปัจจุบัน เทียบจากดัชนีราคาผู้บริโภคของกระทรวงพาณิชย์)
LXi ราคา 423,000 บาท (เทียบเท่า 704,000 บาท ในปัจจุบัน)
EXi ราคา 448,000 บาท (เทียบเท่า 745,000 บาท ในปัจจุบัน)
มาดูโบร์ชัวร์กันครับ นี่คือโบร์ชัวร์ของ City รุ่นแรก สเปกแรก ที่มาของเล่มนี้ คือผมเองครับ
และมีของแถมให้ครับ เป็นนิตยสาร "ข่าวสารฮอนด้าคาร์ส์" ที่ฮอนด้าจะปั๊มแจกลูกค้าตามโชว์รูมกันในสมัยนั้น ซึ่งบ้านผมยังมีเก็บไว้หลายเล่มพอสมควร
เล่มที่จะให้ดู เป็นเล่มที่ 60 ประจำเดือนมีนาคม-เมษายน 2539 (คือรวมข่าวสารในเดือน มีนาคม เมษายน แล้วตีพิมพ์หลังจากนั้นครับ)
มีข่าวการเปิดตัวและรายละเอียดของ Honda City ขึ้นปก เชิญทัศนาได้ครับ
ซึ่งแน่นอนว่าการใช้เครื่อง 1300 ซีซี จะต้องเกิดคำถามในสังคมว่า "วิ่งไหวเหรอ"? เพราะรถยนต์ C-Segment ในยุคนั้นส่วนมากจะลงเครื่องยนต์ขนาด
1600 ซีซีขึ้นไป หรือจะมีตัวถูกๆ ของ Corolla, Lancer, Sunny ก็ยังลงเครื่อง 1500 ซีซี ฮอนด้าเองได้ยืนยันอย่างเสียงแข็งว่า
ไหวอย่างแน่นอน ด้วยพละกำลัง 95 แรงม้า กับน้ำหนักตัวที่ไม่ถึง 1,000 กิโลกรัม
แต่แน่นอนว่าการที่ฮอนด้าปล่อยให้ตัวเองมีช่องว่าง เป็นที่กังขาในสังคมว่า เครื่อง 1300 วิ่งไหวเหรอ มันจึงไปเข้าทางคู่แข่งครับ
ในเดือนมกราคม 2540 (1997) Toyota ก็ส่งหมัดหนักเท่าอุกาบาตถล่มตลาด โดยการเปิดตัว Toyota Soluna ซึ่งเป็นรถประเภทเดียวกับ City
แต่ใช้เครื่องยนต์ 1498 ซีซี 5A-FE เพลาราวลิ้นคู่เหนือฝาสูบ (DOHC) 4 สูบแถวเรียง
ให้กำลังสูงสุด 95 แรงม้า ที่ 5600 รอบต่อนาที
แรงบิดสูงสุด 126 นิวตันเมตร ที่ 4800 รอบต่อนาที
ถ้าเทียบตัวเลขแล้ว ถึงแม้ว่า เครื่อง 1.3 แคมเดี่ยวของฮอนด้า จะมีตัวเลขสมรรถนะใกล้เคียงกับ เครื่อง 1.5 แคมคู่ของโตโยต้า
แต่ถึงแม้ว่าความแรงจะไม่กินกันนัก แต่ด้วยการโปรโมทที่ดีกว่า ออปชั่นที่มากกว่า และทัศนคติของคนไทยที่ยึดกับเลขซีซีมากกว่าพละกำลังจริงของเครื่อง
ทำให้ Soluna มียอดขายที่ชนะ City อย่างถล่มทลาย ทำให้ Honda ต้องมีการแก้เกม โดยจะแบ่งการแก้เกมออกเป็น 2 ช่วง
-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
ยุคที่ 2 หรือการแก้เกมครั้งที่ 1 คือในเดือน มกราคม 2540 ฮอนด้ากระตุ้นตลาดด้วยรุ่น 1.3 S โดยจะเพิ่มออปชั่นหลักๆ 5 ประการ
1. คิ้วเหนือป้ายทะเบียน รุ่นแรก เป็นสีดำ, รุ่น 1.3S เป็นโครเมียมวิ้งๆ
2. ระหว่างกลางเบาะคู่หน้า รุ่นแรก จะโล่ง, รุ่น 1.3S มีกล่องเก็บของบุนุ่ม ใช้เท้าแขนได้
3. ไฟเบรคดวงที่ 3
4. ท่อไอเสียใส่ปลอก
5. มีสัญลักษณ์ตัว S แปะอยู่ที่ฝากระโปรงท้าย
โดยจะเพิ่มออปชั่นเหล่านี้ เฉพาะรุ่นท็อป LXi และ EXi เท่านั้น ไม่เพิ่มให้กับรุ่นล่าง Li นะครับ ดังนั้นทั้งสองยุคนี้ Li จะเหมือนเดิม
อันที่จริง City 1.3 รุ่นปี 1996 กับ 1997 มันก็ต่างกันแค่ชุดแต่งนะครับ เอาของ 1.3 ไปแต่งมันก็เป็น 1.3S ได้แล้วครับ ดูโบร์ชัวร์ยุคแรก จะยังเห็นว่า
กล่องเก็บของคอนโซลก็มาเป็นอุปกรณ์สั่งพิเศษตั้งแต่แรกเปิดตัวแล้ว
โบร์ชัวร์เล่มนี้ จะเป็นเครดิตของคุณ for_team ครับ
-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
หลังจาก City 1.3S ออกขายได้ไม่ถึง 3 เดือน ยุคที่ 3 เริ่มต้นขึ้นในวันที่ 31 มีนาคม 2540 โดยการปล่อยรุ่น City เครื่องยนต์ 1493 ซีซี (1.5 ลิตร)
ออกสู่ตลาด เป็นการแก้เกมครั้งที่ 2 ซึ่งหลายๆ ท่านคงเคยได้ยินได้ฟังแฟนๆ ฮอนด้ารุ่นเก่าเก๋ากึ๊กหลายๆ คนบ่นให้ฟังว่า
การปล่อย City 1.5 นี่เหมือนลูกค้า 1.3 ถูกหักหลัง
D15B 4 สูบแถวเรียง ความกว้างกระบอกสูบ 75 มิลลิเมตรเท่าเดิม แต่ช่วงชักขยายเป็น 84.5 มิลลิเมตร (จากเดิม 76 มิลลิเมตร)
กำลังสูงสุด เพิ่มจาก 95 เป็น 105 แรงม้า ที่รอบ 6400 รอบต่อนาทีเท่าเดิม
แรงบิดสูงสุด เพิ่มจาก 119 นิวตันเมตร ที่ 4700 รอบต่อนาที เป็น 131 นิวตันเมตร ที่ 4600 รอบต่อนาที
นอกจากเครื่องยนต์ที่เปลี่ยนไปแล้ว การตกแต่ง และอุปกรณ์มาตรฐาน ก็มาครบครันกว่ารุ่น 1.3 มาก ดังต่อไปนี้ครับ
- เบาะกำมะหยี่ จากแบบครึ่งตัว เป็นแบบเต็มตัว เอาพลาสติกครึ่งตัวออกไป
- กรอบหน้าต่างโครเมียม
- แผงประตู จากแบบพลาสติกเปลือย เป็นแบบหุ้มกำมะหยี่
- กระจกไฟฟ้า จากเฉพาะ 2 บานหน้า เป็นแบบทุกบาน
- เพิ่มที่พักแขนบนแผงประตู ให้ใหญ่ขึ้น และสวิตช์กดกระจกไฟฟ้าจากแบบแปะบนแผงประตู ย้ายมาอยู่บนที่พักแขนอย่างเป็นสัดส่วน
- เสา B กลางรถ ด้านนอก เปลี่ยนจากพ่นสีรถ เป็นพ่นสีดำเงา ดูหรูขึ้น
- กระจกหลังรถ เพิ่มแผงไล่ฝ้า (1.3 ไม่มีไล่ฝ้า)
- กระจกข้างรถ เปลี่ยนจากสีดำด้าน เป็นพ่นสีรถ
- กระจกข้างปรับไฟฟ้า
- กระจกมองหลัง ปรับตัดแสงได้
- วิทยุ มีลำโพงให้ 4 ดอก จากเดิม 2 ดอกคู่หน้า
- ดิสก์เบรก 4 ล้อ จากเดิม หน้าดิสก์ หลังดรัม
- เพิ่มขนาดหน้ายาง จากรุ่น 1.3 เป็นเบอร์ 165/82R13 เป็นเบอร์ 175/70R13
- กระทะล้อ จากล้อเหล็ก 13 นิ้ว เป็นล้อแม็ก 14 นิ้ว พร้อมยาง 175/65R14 (เฉพาะรุ่นท็อป)
- เข็มขัดนิรภัยผู้โดยสารตอนหลัง เปลี่ยนจากแบบคาดเอว (2 จุด) เป็นคาดไหล่และเอว (3 จุด)
- ถุงลมนิรภัยฝั่งคนขับ 1 ใบ (เฉพาะรุ่นท็อป และรองท็อป)
- ระบบเบรค ABS (เฉพาะรุ่นท็อป)
แต่อุปกรณ์ตกแต่ง 5 รายการของรุ่น 1.3 S จะถูกถอดออก
- ไม่มีกล่องเก็บของกลางคอนโซล
- คิ้วเหนือป้ายทะเบียนไม่เป็นโครเมียม แต่จะไม่กลับไปเป็นสีดำ... เป็นแบบพ่นสีรถครับ
- ปลอกท่อ ตัดออก
โดยในยุคนี้จะมีให้เลือก 4 ระดับ 6 รุ่นย่อย คือ
- 1.3Li เป็นรุ่นล่าง ทุกอย่างยังเหมือนรุ่นแรก ใช้เครื่อง 1.3 เหมือนเดิม ไม่ได้ออปชั่นใดๆ ที่ผมกล่าวไว้ข้างต้น
- 1.5LXi/EXi เป็นรุ่นกลาง ให้ทุกอย่างที่บอกมาข้างต้น ยกเว้น ABS Airbag และล้อแม็ก มีให้เลือกทั้งเกียร์ธรรมดา (LXi) และเกียร์อัตโนมัติ (EXi)
- 1.5EXi Airbag ก็เพิ่ม Airbag มาให้ แต่ยังเป็นล้อเหล็ก และไม่มี ABS
- 1.5LXi-S/EXi-S เพิ่ม ABS และล้อแม็กมา ครบครัน
เห็นออปชั่นและเครื่องคิดว่าเจ็บใจแล้วใช่ไหมครับ.... ยัง ยังไม่หมด สิ่งหนึ่งที่ฮอนด้าทำไว้อย่างเจ็บจี๊ด คือ ราคา.....
- 1.5LXi ราคา 419,000 บาท เทียบเท่า 670,000 บาทในปัจจุบัน (1.3LXi ไม่ S ราคา 423,000)
- 1.5EXi ราคา 444,000 บาท เทียบเท่า 710,000 บาทในปัจจุบัน (1.3EXi ไม่ S ราคา 448,000)
- 1.5EXi Airbag ราคา 455,000 บาท เทียบเท่า 727,000 บาทในปัจจุบัน
- 1.5LXi-S ราคา 494,000 บาท เทียบเท่า 790,000 บาทในปัจจุบัน
- 1.5EXi-S ราคา 519,000 บาท เทียบเท่า 830,000 บาทในปัจจุบัน
ถ้าใครที่เพิ่งซื้อ City 1.3 จะถูกเกทับด้วยรุ่นที่มีออปชั่นมากกว่า ตกแต่งสวยกว่า ราคาถูกกว่า ถ้ายังยิ้มออกก็คงพิลึก แน่นอนว่าการที่ฮอนด้าทำแบบนี้
ตามมาด้วยเสียงก่นด่าจำนวนมากจากลูกค้าที่ซื้อรุ่น 1.3 ไปก่อนหน้า แต่นั่นก็ทำให้ยอดการขายของ City กระเตื้อง แบ่งยอดคืนจาก Soluna ได้บ้าง
เอาล่ะ มาดูโบร์ชัวร์กันดีกว่าครับ เล่มนี้จะมีเครดิตเป็นคุณ for_team ครับ
และของแถมประจำรุ่น คือรูปภาพสแกนจากนิตยสาร "ข่าวสารฮอนด้าคาร์ส์" ฉบับที่ 66 ประจำเดือนมีนาคม-เมษายน 2540 ครับ หน้าปกขึ้นป้าย
เกี่ยวกับการเปิดตัวของ City 1.5 เล่มนี้จะมีเครดิตจากตัวผมเองนะครับ
ในคอลัมน์ข่าวนิตยสาร จะมีการเขียนชื่อรุ่นย่อยมั่วๆ นิดหน่อยนะครับ
-LXi Airbag ไม่มีขายจริง แต่ในนิตยสารมีเขียนไว้ ในชื่อรุ่น LXS หรือ LXi-SRS ในบางจุด
-EXi Airbag ในนิตยสารจะเขียนว่า EXS หรือ EXi-SRS ในบางจุด
-LXi-S ในนิตยสารจะเขียนว่า LAS
-EXi-S ในนิตยสารจะเขียนว่า EAS
และนอกจากนี้ ในตารางสเปกยังเขียนผิดด้วยนะครับ เพราะรุ่น LXi Airbag/EXi Airbag (หรือ LXS/EXS หรือ LXi-SRS/EXi-SRS) ไม่มี ABS
แต่ในตารางเขียนว่ามี อย่าสับสนนะครับ
ในยุคนี้เอง ที่ฮอนด้า ได้คู่จิ้นพระ-นางแห่งยุค อย่าง หมิว ลลิตา และ วิลลี่ แมคอินทอช มาเป็นพรีเซนเตอร์ โดยพุ่งเป้าโฆษณาไปที่รุ่น 1.5
แต่ตรงนี้ ผมอยากจะให้ทุกท่านช่วยสังเกตกันดู เพราะไม่ว่าผมจะมองยังไง รถที่ใช้ถ่ายทำก็คือ City 1.3S หรือว่าผมมองผิด?
ลองดูครับ กระจกมองข้างดำ เสากลางสี แผงประตูไม่บุผ้า นี่มัน 1.3 มากกว่านะครับ
