ผู้เขียน หัวข้อ: รถยนต์ที่ทำมาแบบกลางๆ จะมีแนวโน้มดูแลง่ายและทนทานในระยะยาวไหมครับ?  (อ่าน 3086 ครั้ง)

ออฟไลน์ Red Bicycle

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 849
 :) :) :) เป็นรถยนต์ที่ไม่ได้ผลิตแบบสเปคเทพ ออกแบบมากลางๆ ไม่ต้องดีมากหรือแย่มาก โครงสร้างตัวถังกลางๆ เครื่องยนต์ เกียร์ เบรค ช่วงล่าง พวงมาลัย การขับขี่ คุณภาพวัสดุ การใช้งานภายในห้องโดยสาร มาแบบปานกลาง พอใช้ เหมาะกับ Segment นั้นๆ

 8) 8) 8) การออกแบบมาทางสายกลาง พอดีๆ ไม่โดดเด่นมาก ไม่แย่มากแบบนี้ มันมีแน้วโน้ม จะเป็นรถที่ดูแลง่ายหรือทนทานในระยะยาวหรือเปล่าครับ หรือไม่เกี่ยวกันครับ

 :o :o :o ในมุมมองของท่านรถกลุ่มนี้ท่านนึกถึงรถรุ่นไหนบ้างครับ


                                                                        :-* :-* :-* ขอบคุณครับ

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: เมษายน 20, 2016, 09:12:39 โดย Red Bicycle »

ออฟไลน์ NINENOI

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 5,732
  • Nine & Knight
อ่านแล้วทำให้ผมนึกถึงวีออสกับอัลติส
ถ้าเราซื้อของที่ไม่จำเป็น สุดท้ายเราต้องขายของที่จำเป็น

ออฟไลน์ AkE

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 7,405
พอเป็นไปได้อยู่ครับถึงพยายามคิดว่าไม่เป็นแบบนั้นแต่จากที่ผ่านมามันคืออย่างนั้นครับ vios altis dmax vigo

ออฟไลน์ keamgladnan

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 357
อ่านแล้วผมคิดถึง hrv

ออฟไลน์ Newhang

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 5,338
มันอยู่ที่ชิ้นส่วนที่น้อยกว่า ง่ายกว่า ผลที่ได้คือทำให้รถมันดีกว่านั้นได้ไม่มาก เพราะการจะทำรถให้ดีต้องเพิ่มชิ้นส่วนเพิ่มมุม เพิ่มการทำงาน ฉะนั้นเมื่อชิ้นส่วนเยอะ รถหนักขึ้นก็ต้องการลดน้ำหนักเพื่อขับดีขึ้น ทำให้ความคงทนลดลง ซับซ้อนมากขึ้น เสียง่ายขึ้น ซ่อมยากขึ้น

แต่เมื่อเราลดความซับซ้อน ทำให้รถมันทนขึ้น แต่มันก็ขับแย่กว่ารถที่ซับซ้อน โดยทั่วไปจึงเป็นแบบนั้นยกเว้นว่าใช้ความรู้หรือเทคโนโลยี่ที่เพิ่มขึ้น

ออฟไลน์ h0661036

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 927
รถที่ดูแลง่าย และทนทานในระยะยาวคือรถตลาดที่คนใช้เยอะมาก ๆ พวก  vigo   vios   เพราะจะมีอะไหล่ให้เปลี่ยนตลอด

ออฟไลน์ InBkk

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,115
ก็มีส่วนนะครับ

รถเครื่องเทอร์โบ บูสหนักๆ ย่อมทนน้อยกว่ารถเครื่องใหญ่ NA
รถช่วงล่างแข็งๆ ขับมันส์จริง แต่ชิ้นส่วนช่วงล่างก็พังเร็วกว่ารถช่วงล่างกลางๆ - นุ่มๆ
รถออพชั่นเยอะ มีจุดให้ซ่อมมากกว่ารถออพชั่นน้อย

ออฟไลน์ Darkart

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 4,192
    • อีเมล์
นึกได้เลย กระบะ Dmax Vigo Triton ครับ
ผู้ไม่มีแผลเป็น คือ ผู้ไม่มีประสบการณ์

ออฟไลน์ Turin

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 3,053
ความง่ายในการดูแลมันเป็นฟังชั่นของ ความซับซ้อนของระบบ reliability ของอุปกรณ์ และ ความแพร่หลายของอะไหล่ ... ของเหล่านี้ไม่ได้เกี่ยวของโดยตรงกับ"การออกแบบรถแบบกลางๆ" ตามนิยามที่ท่าน จขกท ว่ามา

เอาง่ายๆ เครื่องที่ออกแบบมาโหดมากในแง่ output คือ 1J/2J เป็นเครื่องที่ดูแลง่ายมาก ... เทียบกับเครื่องเทอร์โบทั่วๆไป

หรือช่วงล่าง W124 ที่เรียกว่าไม่ซับซ้อนและดูแลง่ายมาก น่าจะยังขับดีกว่าช่วงล่างปีกนกคู่ของฮอนด้าที่ดูแลยากกว่าเสียอีก

แต่ยอมรับว่ามีความสัมพันธ์กันอยู่บ้างครับ เพราะการออกแบบให้ "สุด" หลายครั้งจะมาพร้อมกับความซับซ้อน

ออฟไลน์ ariazero

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 621
*****Yaris นึกถึงคันแรกเลย แถมมีแต่งcrossover ด้วยครบ

VIOS/CITY

ALTIS

VIGO (ไม่นับ Revo)  /Dmax

Forturner / Mu-X

ครบ
'8X Familia, '91 TFR ,
'94 Sunny B13, '98 520i (E28), '99 Sunny B14,
'08 Vios, '08 C200, '08 Vitara
'15 Vios, '17Accord G9 MC, '17 X1 18i

ออฟไลน์ adis

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,416
    • อีเมล์
ความเห็นของผมคิดว่า รถที่ไม่ได้มีฟังก์ชั่นอะไรมากมาย มีเท่าที่จำเป็นมันจะดูแลง่ายกว่านะ
โดยเฉพาะพวกระบบไฟฟ้าอะไรที่มีไว้อำนวยความสะดวกสารพัดอย่าง
แต่บางทีมันก็เกินความจำเป็น ผมว่าบางทีฟังก์ชั่นพวกนี้มันมีประโยชน์ในเรื่องความสะดวกสบาย
แต่อีกด้านนึง มันก็อาจรบกวนสมาธิคนขับด้วย และอุปกรณ์พวกนี้ก็ต้องมาดูแลมันอีก พอมันไม่ทำงานก็ต้องเป็นภาระไปซ่อมบ้างไปปรับแต่งบ้าง
เสียเวลาโดยใช่เหตุนะผมว่า

ออฟไลน์ Auto

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 4,632
ไม่เกี่ยวกครับเขาทำฟิลลิ่งมากลางเพื่อตอบรับกับลูกค้าส่วนใหญ่ไม่เกี่ยวกับความทนทาน

ออฟไลน์ muza

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 849
    • อีเมล์
ผมเห็นหน้าหมู ลอยมาเลย
 ;D ;D ;D

ออฟไลน์ toffyearn

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 628
ผมว่าเป็นแค่องค์ประกอบหนึ่งเท่านั้นคับ ทั้งนีัขึ้นอยู่กับการออกแบบ เช่น จุดรับแรง จุดเชื่อมต่อ ฯลฯ รวมทั้งวัสดุที่นำมาใช้ แม้วัสดุชนิดเดียวกันแต่ถ้าความหนาแตกต่างกันก็ส่งผลต่ออายุการใช้งาน ซึ่งก็ไม่รู้ว่าแต่ละบริษัท แต่ละรุ่นจะทำการลดต้นทุนเท่าใด และแม้แบรนด์เดียวกัน แต่ละรุ่นก็ออกแบบไม่เหมือนกันทนทานต่างกันน่ะคับ

ออฟไลน์ ไทบ้าน

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,668
ไม่น่าเกี่ยวนะครับ  ผมว่าขึ้นอยู่กับเทคนิคการออกแบบและผลิตมากกว่า
1990 Yamaha Mate-100
1992 Yamaha Bell-100
2000 Yamaha Tiara-R
2017 Yamaha MT-03

ออฟไลน์ 5thAvenue

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 3,434
  • Hi!!!!
    • อีเมล์

MacH1

  • บุคคลทั่วไป
ถ้าเป็นรถนอก ของ jap ผมนึกถึง Toyota Chaser JZX100 เครื่อง 1JZ โบ VVTi สี่ประตู frameless ขับหลัง แรงได้ ใช้งานในชีวิตประจำวันได้ปกติ 

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: เมษายน 20, 2016, 13:40:22 โดย Ivy Modernist »

ออฟไลน์ Super hornet

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,141
  • Hello everyone 我是爱车的人
    • อีเมล์
History of my car
2013 Lamborghini LP570-4 Superleggera For me
2006 Benz E200 Kompressor +Kleemann For wife
2008 Maserati Granturismo 4.2  For wife,me
2009 Jaguar XF 3.0 For sister
2014 Range Rover Evoque 2.2 Sold...
2009 Benz CL 500 second hand  Sold....
2001 Lexus GS300  Sold....

Nonlamer

  • บุคคลทั่วไป
ใช่ครับ มันจะมีจุดที่คุ้มค่าระหว่าง ราคา ประสิทธิภาพ และความทนทาน ที่มากที่สุดอยู่ ถ้าหาเจอก็นั่นล่ะ