ผมเองป...เมื่อสิบปีที่แล้ว ผมเลือกที่จะปลดหนี้สินที่มีค้างอยู่ ไม่สร้างหนี้เพิ่ม ไม่ลงทุนเพิ่ม....
เหตุผล (ความเชื่อของผม)... ก็คือความไม่มั่นคงในทางการเมือง.....หวังว่า ปี สองปี คงกลับมาอยู่ในสภาพปกติ....รอมาเรื่อย ๆ จนปัจจุบัน สิบปีผ่านไป ความไม่แน่นอนทางการเมืองก็ยังเหมือนเดิม
มิหนำซ้ำ ความเชื่อมั่นทางเศรษกิจ ถอยหลังลงเรื่อย ๆ
การลงทุนภาคเอกชน น้อยมาก(คนกล้าน้อยลง) ถึงปีนี้ แทบจะเหลือกระตุ้นการลงทนเฉพาะภาครัฐ...จีดีพี โต ต่ำลง ในขณะที่หนี้ภาครัฐเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ถ้าอยู่ในภาวะนี้อีกสามสี่ปี (ไม่ดีขึ้น) การก่อหนี้ภาครัฐ ก็จะเต็มเพดาน....
สิ่งที่ได้เห็นเมื่อสองสามวันที่ผ่านมา ก็ ดอกเบี้ย 0..... อาการแบบนี้แสดงออกมา อาจจะไม่คล้ายญี่ปุ่นเมื่อสามสิบปีที่แล้วนัก แต่ก็มีส่วนเหมือน เพราะกระตุ้นเท่าไร ก็ไม่ตอบสนอง
ผมคิดว่าถ้าการเมืองยังคงสภาพแบบนี้ ไทยตามญี่ปุ่น เงินฝืดแน่.....
อยากทราบว่าท่านอื่นคิดอย่างไร ในเรื่องนี้
หรือผมวิตกจริตเกินไป
ขอบคุณครับ
เมื่อสิบกว่าปีที่แล้ว
คงเป็น
ช่วงปี 2545-2548 ยุคนั้นเศรษฐกิจถือว่าดีนะครับ การเมืองนิ่งด้วย ใครมีหุ้นและที่ดิน รวยรอบ 1
การเมืองไม่นิ่งในปี 2548-2550 ครับ และเกิดวิกฤติม้อบเหลือง และตามมาด้วยเกิดวิกฤติซับไพร์มด้วย ใครมีหุ้น จนๆๆ
จากอดีต 10 ปี มองอนาคต อีก 10 ปี
ไทยไม่เป็นเหมือนญี่ปุ่นครับ แต่จะเลวร้ายกว่าญี่ปุ่น
1. วินัยคนในชาติ เราแย่มาก เห็นแก่ตัวเป็นหลัก ขาดวินัย ปัจจุบันดีกว่ารุ่นก่อนพอควร
2. ความสามารถของรัฐบาลในการพิมพ์กระดาษเป็นเงิน เราไม่ได้เก่งเหมือนญี่ปุ่น
3. การเลือกข้างของคนในชาติเพื่อทำลายฝั่งตรงข้าม
4. แก่ก่อนรวย อีก 10-15 ปี นี่ชัดเลย แต่ญี่ปุ่นผ่านมาแล้ว
5. การเข้ามาของคนในกลุ่ม AEC แรงงานพื้นฐาน
6. การสนับสนุนจากพี่เบิ้ม เรายังไร้ทิศทางว่าจะเลือกใคร
เงินฝืดมาก่อนครับ แล้วปัญหาอื่นๆ จะตามมาเป็นพรวน