ไม่เห็นด้วยกับคุณ Traveller ในทฤษฎี bigger is better เลยอ่ะครับ
เพราะรถสมัยนี้ต่างก็ทำให้ซีซีน้อยลง แต่รีดแรงม้าออกให้มากขึ้น ตัวอย่างเช่น เครื่อง 1.4 twincharger ของโฟล์ค ที่แรงด้วยระบบอัดอากาศ
หรืออย่างเครื่อง 1.3 ทำให้มี 200 กว่าม้าได้ด้วยกลไลลูกสูบแบบหมุน
อย่างรถบางคันเครื่องแค่ 1.2 แต่จับเกียร์ทดต่อเนื่อง ก็ช่วยลดเวลาทดเกียร์ได้อีก
ดูซีซีอย่างเดียว คงจะไม่พอแล้ว ควรจะดู output ดีกว่า สมัยนี้เทคโนโลยีต่างๆมีส่วนช่วยรีดแรงม้ามากกว่าขนาดกระบอกสูบซะแล้ว
แต่สันนิษฐานว่าเทคโนโลยีดังกล่าวนี้มีต้นทุนสูง ทำกระบอกสูบโตถูกกว่า และเอาตัวเลขมาข่มง่ายกว่า
ไม่งั้นป่านนี้เราคงได้เห็น BMW 5-series เครื่องพันแปดยัด Twincharger 250 ม้าเป็นของปกติก็เป็นได้
น่าจะดู อัตราส่วนแรงม้า/น้ำหนัก มากกว่า ให้ไประมาณ 12กิโล/แรงม้า ก็พอสำหรับพวกเปลี่ยนเกียร์ไม่เกิน 2500 รอบ
หากอยากมีแรงไว้ดึงนิดๆ สัก 8กก./ม้า ก็มันส์แล้ว ได้ลากสัก 4000 รอบ เรียกแรงบิดนิดๆ
ถ้าคนชอบกดๆ เท้าแช่คันเร่ง บางที 6กิโล/แรงม้า ยังไม่พอ ต้องลากให้แตะขีดแดง
หากตอบคำถามที่ว่า เมื่อไหร่เล็ก เมื่อไหร่ใหญ่ ??
...ก็ต้องตอบว่า เมื่อคนขับแต่ละคนคิดว่า"พอ"ครับ
นั้นเลย ต้องมีคนพูดถึงเครื่อง 1.4 Twincharger ของ VW
เห็นด้วยนะครับผม
หลักการของคุณ traveller ผมมองว่าก็ถูกส่วนนึงนะ สำหรับการมองรถตลาด
แต่ถต้องมองอีกนะ รถตลาด ตลาดที่ไหนล่ะ ??
อย่างรถตลาดแถวยุโรป แถวนั้นก็คงเป็น VW Golf ไม่ก็พวก โฟกัส อะไรทั้งหลายนั้นแหละครับ
บ้านเรา ก็เป็นรถญี่ปุ่น ..