ผู้เขียน หัวข้อ: เทคโนโลยี Battery ก้าวไปอีกขั้น  (อ่าน 4602 ครั้ง)

ออฟไลน์ เต๋า AV

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,393
เทคโนโลยี Battery ก้าวไปอีกขั้น
« เมื่อ: สิงหาคม 19, 2016, 17:29:44 »
ช่วงนี้รถยนต์ไฟฟ้ากระแสกำลังมาแรง หลายบริษัทมีการค้นคว้าพัฒนารถของค่ายตัวเองอย่างต่อเนื่อง
แต่ถึงแม้จะผลิตเครื่องยนต์ไฟฟ้าที่มีประสิทธิภาพมากเพียงใด แต่ก็ยังตันอยู่ที่แหล่งพลังงาน
Battery ถือเป็นเทคโนโลยีที่มีการเปลี่ยนแปลงน้อยที่สุดในรอบยี่สิบปีที่ผ่านมา



วันนี้ไปเจอข่าวเกี่ยวกับแบตมือถือตัวใหม่ SolidEnergy ที่มีปริมาณความหนาแน่นของพลังงานมากกว่า Lithium-ion ที่ใช้กันอยู๋ในปัจจุบัน
และมีแผนจะปล่อยสู่ผู้บริโภคในปีหน้า และสามารถพัฒนามาใช้ ในอุตสาหกรรมยานยนต์ได้ด้วยเช่นกัน
ถือว่าเป็นข่าวดีต่อ การพัฒนารถยนต์ไฟฟ้าให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ขับได้ไกลขึ้น



Cr.: http://goo.gl/Z4VKns

คหสต. ถ้าทำรถไฟฟ้าเปลี่ยนแบตแบบ รถ Tamiya ได้คงจะดี ทำเป็นแบบ socket คันละ 5 socket อันไหนหมด ก็เข้าไปเปลี่ยนที่สถานี หรือจะชาร์ตเป็นแบตสำรอง ติดรถไว้ยามฉุกเฉิน น่าจะดีไม่น้อย ::)

ออฟไลน์ ps000000

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 7,772
Re: เทคโนโลยี Battery ก้าวไปอีกขั้น
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: สิงหาคม 19, 2016, 17:37:13 »
น่านละฮะ ราคงราคา มันจะได้หรือเปล่า  8)

ออฟไลน์ kan.kom

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 787
Re: เทคโนโลยี Battery ก้าวไปอีกขั้น
« ตอบกลับ #2 เมื่อ: สิงหาคม 19, 2016, 17:41:18 »
ผมก็มองว่า ถ้าถอดเปลี่ยนได้เหมือนแบตรถตอนนี้ ก็น่าจะไม่มีปัญหา
เข้าปั๊มแต่ก่อนขายน้ำมัน ก็เปลี่ยนเป็นรับเปลี่ยนแบตแทน win win อีกตะหาก
แต่ต้องทำช่องใส่แบตให้เป็นขนาดมาตรฐานเหมือนกับถ่านที่มีขนาด aa aaa อะไรแบบนี้

ออฟไลน์ SM.

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 27,427
Re: เทคโนโลยี Battery ก้าวไปอีกขั้น
« ตอบกลับ #3 เมื่อ: สิงหาคม 19, 2016, 21:47:21 »
ถ้าเปลี่ยนง่ายๆก็ดีนะครับ ตัดเรื่องสถานีชาตไฟไปได้สบายๆเลย  :D :D :D :D

ออฟไลน์ yourturle

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,080
    • อีเมล์
Re: เทคโนโลยี Battery ก้าวไปอีกขั้น
« ตอบกลับ #4 เมื่อ: สิงหาคม 19, 2016, 21:52:54 »
ผมก็มองว่า ถ้าถอดเปลี่ยนได้เหมือนแบตรถตอนนี้ ก็น่าจะไม่มีปัญหา
เข้าปั๊มแต่ก่อนขายน้ำมัน ก็เปลี่ยนเป็นรับเปลี่ยนแบตแทน win win อีกตะหาก
แต่ต้องทำช่องใส่แบตให้เป็นขนาดมาตรฐานเหมือนกับถ่านที่มีขนาด aa aaa อะไรแบบนี้
+1
One Day.

ออฟไลน์ veturilo

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 187
Re: เทคโนโลยี Battery ก้าวไปอีกขั้น
« ตอบกลับ #5 เมื่อ: สิงหาคม 19, 2016, 22:14:38 »
Trend ของเทคโนโลยียานยนต์สุดท้ายจะกลายเป็น Battery Electric Vehicle (BEV) แน่ๆ
แต่ข้อจำกัดของรถไฟฟ้ามันยังมีมากครับ ณ ขณะนี้
แม้กระแสแรงแค่ไหนก็ยากที่จะมีให้ใช้อย่างแพร่หลายในประเทศไทยเร็วๆนี้ ข้อจำกัดชัดๆเช่น

สถานีชาร์จไฟฟ้า
  ในประเทศที่มี BEV ก่อนเราเช่น ญี่ปุ่น มีจำนวนสถานีชาร์จไฟฟ้าราว 1.7 หมื่นแห่ง
  แต่มียอดขาย BEV ราวๆ 0.03% เท่านั้น ถ้าเทียบกับไทยที่แผนกระทรวงพลังงานจะมีราวๆ 1-2 ร้อยสถานี
  ภายใน 3 ปีข้างหน้า แค่คิดไม่ต้องใช้ตรรกะอะไรมากก็พอรู้แล้วว่าการใช้งานจะเป็นเพียงวงแคบๆ

ความเร็วในการชาร์จ
  เราเติมน้ำมันกันใช้เวลาเต็มทีราว 5-10 นาที LPG ก็พอๆกับน้ำมัน CNG ถ้าโดนรถบรรทุกก็ 30-40 นาที
  สำหรับ Battery ถ้าจะชาร์จให้เต็มต้องใช้เวลาราว 2-4 ชั่วโมงสำหรับรถยนต์นั่งธรรมดาๆ
  ไม่ต้องคิดถึงรถขนาดใหญ่ เช่น รถ Bus ขานั้นนานกว่านี้แน่ๆ เมื่อผนวกกับจำนวนสถานีชาร์จที่มีปริมาณน้อยแล้ว
  ถ้ามีคนใช้ BEV เยอะๆ เราจะได้เจอต่อแถวชาร์จไฟยาวกว่าเติม CNG แน่ๆ

ระยะทางต่อการชาร์จ 1 ครั้ง
   การชาร์จ 1 ครั้งสามารถวิ่งได้ราวๆ 200-400 km ซึ่งระยะทางเช่นนี้จะเหมาะอย่างยิ่งสำหรับการวิ่งในเส้นทางประจำ
   เช่น จากบ้านไปที่ทำงานแล้วก็กลับบ้าน หรือพวกรถประจำทางต่างๆ แต่ถ้าท่านเป็นคนที่มีรถคันเดียวในบ้านแล้วล่ะก็
   มันไม่สะดวกอย่างแรง แค่จินตนาการว่าเอารถไปเที่ยวจากกรุงเทพฯไปเชียงใหม่ต้องชาร์จไฟ 4 ครั้งนี่ก็แย่แล้ว

ความคุ้นชินกับอุปกรณ์ของรถไฟฟ้า
   ถ้าคุณยี้กับรถ hybrid เพราะกลัวว่า Battery มันจะพังหรือ Motor มันจะพังแล้วล่ะก็
   คุณก็ควรจะยี้กับ BEV ด้วย เพราะมันก็วิ่งด้วย Battery และ Motor เหมือนกัน แถมถ้าพังแล้วลากอย่างเดียวนะครับ
   ไม่มีเครื่องยนต์ให้คุณนำรถวิ่งไปซ่อมต่อนะครับ

แหล่งพลังงาน
   ผมไม่มีข้อมูลลึกๆด้านนี้มากนัก แต่พอจะทราบว่าไทยมีความต้องการการใช้ไฟฟ้ามากขึ้นเรื่อยๆ ผลิตไม่ทัน
   จนต้องไปซื้อจากเพื่อนบ้าน ความมั่นคงทางพลังงานค่อนข้างน่าเป็นห่วง ถ้าเราใช้รถไฟฟ้ากันล่ะก็ จะยิ่งหนักครับ

อุตสาหกรรมชิ้นส่วนยานยนต์ไทย
   อุตสาหกรรมรถยนต์ไทยโดยเนื้อแท้ที่สร้างมูลค่าให้กับประเทศไม่ใช่การผลิตรถยนต์
   แต่เป็นการผลิตชิ้นส่วนยานยนต์เพื่อใช้ประกอบรถยนต์นะครับ
   (ยุ่นขายรถผลิตในไทย กำไรจากขายรถเอากลับไปยุ่น<--GDP ไปขึ้นที่ยุ่น,
   ไทยขายชิ้นส่วนรถยนต์ กำไรอยู่ในไทย<--อันนี้เอามาคิด GDP ที่ไทย)
   ถ้าเราดู supply chain ของอุตสาหกรรมประกอบรถยนต์ไทยดีๆจะพบว่า
   supplier ไทยจะอยู่ใน tier 2-4 (70% ของ supplier ทั้งหมด)
   ซึ่งคนไทยเก่งในด้านการทำชิ้นส่วนเหล่านี้ แถมมัน margin ดีซะด้วย ดีกว่าขายรถซะอีก
   แต่ถ้าเป็น BEV ชิ้นส่วนในรถยนต์จะลดลงจากราวๆ 4-6 พันชิ้น เหลือเพียงหลักพันต้นๆ
   อาชีพทำชิ้นส่วนรถยนต์จะหายไป อุตสาหกรรมชิ้นส่วนรถยนต์ไทยจะตาย
   GDP ประเทศจะลดลงอย่างแน่นอน

ยอดการผลิตรถยนต์
   การผลิตรถยนต์ของไทย 60% เป็นไปเพื่อการส่งออกไปยังประเทศที่มีค่าครองชีพไม่ต่างจากเราซักเท่าไหร่
   และกลุ่มประเทศเหล่านั้นไม่ได้ใช้ BEV เป็นหลัก ง่ายๆคือว่าลูกค้าหลักของไทยไม่ได้ใช้ BEV
   ดังนั้น ถ้าเราหันมาทำ BEV เป็นหลัก ผลคือยอดส่งออกเราจะหาย อุตสาหกรรมชิ้นส่วนรถยนต์ไทยจะตายตามไปด้วย

ก่อนที่เราจะไปใช้ BEV กันเต็มตัวซึ่งเป็นเรื่องที่หลีกหนีไม่ได้อย่างแน่นอนในอนาคตอันไกล
ระหว่างช่วงเปลี่ยนผ่านนี้ ในขณะที่อะไรๆก็ยังไม่พร้อม ทั้ง infrastructure, macro economics, industry ฯลฯ
Hybrid Vehicle เป็นคำตอบสำหรับช่วงเปลี่ยนถ่ายนี้ และต่อไปน่าจะมี Plug-in Hybrid เข้ามาเสริม เมื่อมีสถานีชาร์จไฟพอประมาณแล้ว

ส่วน FCHV (Fuel Cell) อันนี้ผมยังสงสัยอยู่ว่าสำหรับไทยมันจะมีเหรอ แม้ว่า Hydrogen มันจะเป็น bi-product ของการผลิตปิโตรเลียม แต่ก็เหมือนกับ BEV ที่ infrastructure ที่รองรับมันดูเหมือนจะยังไม่มีเลย แถมน่ากลัวจะระเบิดด้วย

สำหรับ BEV ในช่วงเร็วๆนี้เราน่าจะได้เห็นรถของส่วนราชการที่เอามาใช้งาน รถประจำทาง
รถหรูๆนำเข้าราคาแพง (ซื้อมาจอด - เอาไปเชียงใหม่ไม่ได้ อิๆๆๆ) ประมาณนี้ครับ

promt

  • บุคคลทั่วไป
Re: เทคโนโลยี Battery ก้าวไปอีกขั้น
« ตอบกลับ #6 เมื่อ: สิงหาคม 20, 2016, 12:09:57 »
งานวิจัยด้านแบตเตอรี่ ก้าวล้ำไปกว่านี้มาก ประมาณ 15 ปี

ส่วนด้านจำหน่ายเป็นแมส ก็มาแบบช้าๆ ตามที่ท่านนำเสนอนั่นแหละ

ออฟไลน์ burst

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 331
Re: เทคโนโลยี Battery ก้าวไปอีกขั้น
« ตอบกลับ #7 เมื่อ: สิงหาคม 20, 2016, 13:13:37 »
เรื่องการชาร์จไฟ หรือเรียกอีกอย่างว่าการเติมพลังงาน (ทำยังไงเมื่อพลังงานหมด)
เป็นเรื่องที่คุยถกเถียงกันมานานแล้วนะครับ

ตัวเลือกทีเคยเห็นผ่านตามาก็มี
1. Quick-charging
อันนี้ใช้กันทั่วไปแล้ว ขึ้นกับเทคโนโลยีของแต่ละค่ายว่า quick คือเร็วขนาดไหน
30 นาที ได้ 80% ของความจุแบต อะไรประมาณนั้น
ใช้ voltage สูงๆในการ force charge ว่ายังงั้นเถอะ

2. Battery swap
ขับเข้าสถานีพลังงาน ถอดแบตออกใต้รถ ใส่ก้อนใหม่เข้าไป
นึกถึงรถ Tamiya mini-4wd ยังไงยังงั้นแหละ
อารมณ์ก็ประมาณแก๊สหมดที่บ้าน มอไซขี่เอาแก๊สถังใหม่มาเปลี่ยนให้
ปัญหาก็คือ แบตที่เอามาเปลี่ยนให้เป็นของใครก็ไม่รู้ ของชั้นยังใหม่อยู่เลย ขอใหม่ๆเท่าๆกันได้มั้ย

3. Wireless charging
มีทั้งแบบจอดชาร์จที่สถานี และชาร์จไปด้วยระหว่างกำลังขับอยู่บนถนน
แบบแรกไม่แปลกเท่าไหร่ มือถือ Google Nexus5 ก็ใช้ได้นานแล้ว
แบบหลังนี่คงต้องลงทุนใน infrastructure ซึ่งก็คือถนนมากมาย
ระบบนี้คิดมาพร้อมๆกับที่ Nissan และ Mitsubishi ร่วมกันลงทุนทำถนนอัจฉริยะในญี่ปุ่น
Toyota Soluna Vios MC 1.5 S '06 1NZFE
BMW 3-Series 320D LCI Sport line '16 B47D20
Nissan Navara NP300 VL 4WD '17 YD25DDTi