ผู้เขียน หัวข้อ: สงสัยเรื่องทำไม BMW ไม่ทำ HYPER CAR  (อ่าน 5913 ครั้ง)

ออฟไลน์ Weetting

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 3,999
  • ช่วงล่าง+เครื่องยนต์
สงสัยเรื่องทำไม BMW ไม่ทำ HYPER CAR
« เมื่อ: สิงหาคม 23, 2016, 00:26:33 »
สงสัยตามหัวข้อครับ 

BMW เคยผลิต HYPER CAR หรือ SUPERCAR  รึเปล่าครับ 

ทำไมปล่อยให้ Mercedes AMG  ที่เป็นคู่แข่งร่วมชาติโดยที่ BMW ไม่ทำรถกลุ่มนี้ออกมาเปิดตลาดสู้ด้วย ทั้งที่ตัว BMW ก็เป็นแบรนด์ใหญ่ในวงการรถยนต์  (แม้กระทั่ง VW ยังมี Brand ในเครือทำรถกลุ่มนี้)
THE Manual Gearbox Preservation Society
Drive diesel until last day

ออฟไลน์ ivalice

  • Newbie
  • *
  • กระทู้: 49
Re: สงสัยเรื่องทำไม BMW ไม่ทำ HYPER CAR
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: สิงหาคม 23, 2016, 00:39:26 »
ทำดิครับ แค่เขาไม่ใช้ชื่อว่า BMW




ออฟไลน์ Fly to dream

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 12,632
Re: สงสัยเรื่องทำไม BMW ไม่ทำ HYPER CAR
« ตอบกลับ #2 เมื่อ: สิงหาคม 23, 2016, 00:41:47 »
มี M1 ที่เข้าข่าย แต่ก็ไม่พอ (ไม่ใช่ซีรี่ย์ 1M นะ  ;D ;D ) ไม่แน่ใจเหมือนกันครับว่าทำไมไม่ทำ แต่คิดว่าเพราะ BMW ไม่ค่อยมีรถที่มีส่วนกับประวัติศาสตร์ด้านสนามแข่งเท่าไหร่ ยกเว้น F1 ซึ่งเอามาทำรถปกติมันก็ไม่ได้

แต่รู้สึกมีเครื่อง  V12 ที่อยู่ใน Hyper car ยี่ห้ออื่นนะครับ เป็นเครื่องที่ BMW ทำให้
ขยะของโลกออนไลน์​ในปัจจุบั​นคือเชื่อคนโง่ที่มีคำพูดสวยหรู​ หาข้อมูล​ไม่จริงมาโกหกคำโตๆ​ อีกอย่างคือพูดความจริงไม่หมด กับพวก​ Avatar ที่ทำเป็น​เก่ง​แต่เก่งน้อยในโลกความจริง​ซึ่งจะหาได้ง่าย

ออฟไลน์ ChiLun

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,380
  • F10 525d M sport
Re: สงสัยเรื่องทำไม BMW ไม่ทำ HYPER CAR
« ตอบกลับ #3 เมื่อ: สิงหาคม 23, 2016, 02:52:28 »
F1ยังไม่ทำเลยครับ เหมือนเป็นนโยบายทำเน้นขายอย่างเดียว งานโชว์ไม่เน้น

ออฟไลน์ JeansZ

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,236
    • อีเมล์
Re: สงสัยเรื่องทำไม BMW ไม่ทำ HYPER CAR
« ตอบกลับ #4 เมื่อ: สิงหาคม 23, 2016, 06:52:57 »
BMW เคยทำรถ super car ที่อยู่ในรูปตัวถังรถเก๋ง 4 ประตู แต่ข้างใน ทั้งช่วงล่าง ทั้งเครื่อง เกียร์ Supercar ชัดๆ ครับ รถที่ว่านี้คือ BMW M5 E60 เครื่อง V​10 507 แรงม้า จาก F1 อัตราเร่ง 0-100 4.6 วิ ความเร็วสูงสุด 330 กม./ชม

เครื่องตัวนี้ยังวางในรุ่นตัวถัง Coupe อย่าง M6 ด้วย





Ford Fiesta 1.0 Ecoboost
Toyota Yaris 1.2

ออฟไลน์ earrt

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 740
Re: สงสัยเรื่องทำไม BMW ไม่ทำ HYPER CAR
« ตอบกลับ #5 เมื่อ: สิงหาคม 23, 2016, 07:46:24 »
ผมว่าตระกูล M ที่ผ่านมายังนับไม่ได้นะครับ มันเป็น mass product

Hyper มันแรงกว่าเป็นเท่าตัวของM และ ผลิตจำนวนน้อยกว่าเป็น10เท่า

ออฟไลน์ Pegasus7700

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 3,814
Re: สงสัยเรื่องทำไม BMW ไม่ทำ HYPER CAR
« ตอบกลับ #6 เมื่อ: สิงหาคม 23, 2016, 08:21:34 »
...ขอเป็นข้ารองพระบาททุกชาติไป...

MERCEDES BENZ W212 '12
FORD FOCUS 2.0 Gdi '13
HONDA Civic RS '20
VOLVO XC60 Hybrid Inscription '19
FORD EVEREST 2.0 Bi Turbo '22

ออฟไลน์ Weetting

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 3,999
  • ช่วงล่าง+เครื่องยนต์
Re: สงสัยเรื่องทำไม BMW ไม่ทำ HYPER CAR
« ตอบกลับ #7 เมื่อ: สิงหาคม 23, 2016, 08:46:53 »
อย่าง RR  นี่ผมว่ามันไม่ใช่ Supercar นะ     :-X

ส่วนซี่รีย์ M  มันแค่ฟัดกับพวก Hellcat  หรือ  Mustang???

ที่สงสัยเพราะ บุคลิคการขับขี่ของ BMW ได้ชื่อว่าเน้นสปอร์ต เลยน่าจะมีพวก Supercar หรือ Hyper Car  ออกมา
THE Manual Gearbox Preservation Society
Drive diesel until last day

ออฟไลน์ rapee001

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 365
    • อีเมล์
Re: สงสัยเรื่องทำไม BMW ไม่ทำ HYPER CAR
« ตอบกลับ #8 เมื่อ: สิงหาคม 23, 2016, 09:34:24 »
สงสัยตามหัวข้อครับ 

BMW เคยผลิต HYPER CAR หรือ SUPERCAR  รึเปล่าครับ 

ทำไมปล่อยให้ Mercedes AMG  ที่เป็นคู่แข่งร่วมชาติโดยที่ BMW ไม่ทำรถกลุ่มนี้ออกมาเปิดตลาดสู้ด้วย ทั้งที่ตัว BMW ก็เป็นแบรนด์ใหญ่ในวงการรถยนต์  (แม้กระทั่ง VW ยังมี Brand ในเครือทำรถกลุ่มนี้)

AMG เค้ายังไม่กล้าแตะเลยครับ Hypercar เนี่ย ที่ทำอยู่ไม่ขาดทุนก็เสมอตัวทุกคัน  ที่กล้าทำก็มีแค่ VW group เท่านั้นที่ส่ง bugatti verron (ขาดทุนยับทุกคัน) , cheron
และ porsche 917 hybrid

ส่วน super car นั้นมีแต่ bmw ที่ไม่ทำเนื่องจากเห็นว่ากำไรไม่คุ้มพอที่จะลงเล่น

ออฟไลน์ bahamu

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 685
Re: สงสัยเรื่องทำไม BMW ไม่ทำ HYPER CAR
« ตอบกลับ #9 เมื่อ: สิงหาคม 23, 2016, 11:13:02 »
สารพัดที่ตั้งชื่อกัน ไม่ได้หมายความว่าจะวิเศษว่ารถผลิตเยอะๆ
ชื่อพวกนั้นเป็นการตลาดที่เอาไว้เกทับกันแค่นั้น

อย่างกัมเบิรต์ อพอลโล่ เคยทำเวลาในนอร์บูริงค์ได้ที่4เร็วกว่าlfa
ค่ายเล็กๆสั่งทีทำที ผลิตที่เยอรมันเกือบทั้งคัน เป็นรถแข่งที่มีทะเบียน
คนไทยแทบไม่รู้จัก ขับไม่ยากมาก แต่ไม่มีความสะดวกสบาย

จากที่อพอลโล่ทำเวลาในนอร์บูริงค์ได้เร็ว ทำให้อีกหลายยี่ห้อต้องมาทำเวลาในสนามนี้
เพื่อพิสูจน์ว่ามีสมรรถนะในทางเรียบจริง ไม่ใช่แรงโม้หรือวิ่งเร็วทางตรง แต่เข้าโค้งบังคับไม่ได้
หลายรุ่น หลายยี่ห้อทำเวลาได้แย่มาก พังระหว่างวิ่งก็มี ซวยหน่อยก็รถชน แหกโค้ง

lfa วางเครื่องตามอุดมคติ เครื่องหน้า เกียร์หลัง สมดุลหน้าหลังเท่ากันแบบงูกินเด็ก ม้าลำพอง
คนไม่เข้าใจวิศวกรรมก็เยียดหาว่าสู้สปอร์ตคนจนไม่ได้ ทั้งที่พวกนั้นไม่มีอะไรจะสู้
นอกจากตรายี่ห้อที่เอาไว้หลอกคนไม่รู้เรื่อง ส่วนรุ่นคูเป้ไปหาว่ารถเสี่ยขับช้า ขนาดชูมี่ยังปรับแต่ง
รถคูเป้ของม้าลำพอง และยกย่องว่าเป็นรุ่นที่ดีที่สุดของค่ายมาแล้ว เพราะเกียร์วางท้าย
ชุดเพลาหมุนตลอดรึไม่ไม่บอก ค่าเปลี่ยนแหวนยางตัวนี้ไม่ถูกและเปลี่ยนบ่อย

e60 m5 f1จำแลง ในราคาจับต้องได้ สมรรถนะไม่เป็นรองใคร ซ่อมไม่ยาก
อะไหล่ไม่โหดร้าย ขับง่ายใช้ได้ทุกวัน แค่หน้าตาดูเป็นรถบ้านก็พิพากษาไม่เกินไปรึ

รถแรงไม่ได้วัดที่หน้าตา แต่วัดที่เวลาต่อรอบสนามที่ทำได้ ไม่งั้นtopgearไม่มีสนามส่วนตัว
จะได้รู้ไปเลยว่ารถทำเวลาได้จริงๆเท่าไหร่ คนขับคนเดียวกัน เห็นที่โม้มาก แพงมาก พังก็มี
ไม่แพงมาก ทำเวลาได้ดีคุ้มราคาก็เยอะ

ใบพัด คิดเหมือนสามแฉก สามห่วง ปล่อยให้คนอื่นมีที่หายใจบ้าง
นานๆปล่อยผีที แต่เน้นขายเยอะคนจะได้ซื้อหา ซ่อมแซมได้สบายกระเป๋า
มีรถดีๆขับน้องๆรถแข่ง ไม่ใช่สวยแต่รูปจูบไม่หอม ออกแบบแนวเดิมๆ
เพราะไม่มีทุนจะพัฒนารถ พอจะคิดใหม่ทำใหม่ ก็กำไรไม่พอต้องพร่องถ่ายให้รุ่นน้องในเครือ
ถึงเลี้ยงตัวรอด เวลาลงแข่งแค่สามแฉกก็หืดแล้ว ใบพัดเครื่องไม่เหนียว คล้ายเสือเผ่น

มียุคแม็คลาเรนf1 สุดยอดจริงๆ เครื่องสมบูรณ์ ทนทาน และสมดุลกว่าพวกมอนซ่า
e60 m5ก็สืบสายพันธุ์มา แล้วมีตรงไหนไม่ดีอีก
ทียี่ห้ออื่น เครื่องแข่ง เครื่องบ้านคนละตัว พื้นฐานต่างกัน หรือลากขายจนหลานโต
มันน่าใช้กว่าตรงไหน เครื่องจักรในการเจาะ คว้าน ปาด แทง เสื้อเครื่องคนละราคากัน
หรือแค่มีสองประตู เครื่องวางกลาง อย่างอื่นไม่นับ f1สมัยสงครามโลก เครื่องวางหน้า
ขับหน้าก่อนรถบ้าน เพราะเข้าโค้งดีกว่า เกาะกว่า แต่รับแรงบิด แรงม้า มหาศาลไม่ไหว
พอมาวางกลางคุมรถง่ายกว่า แต่ตูดแซงหัวก็ง่ายกว่า

ลองดูf3 เวลาฝึกก็ได้เหยียบคันเร่งแรง ออกโค้งรถหมุนตลอด พอค่อยๆเหยียบก็ไม่ทันเขา
ต้องหาสมดุลเอาเอง สมัยนี้มีระบบไฟฟ้าช่วยให้รถแรงขับง่ายขึ้นเยอะ
ลองไปขับแบบ กลไกทั้งระบบดูได้ อย่างf40 เอารถแทบไม่อยู่
959 ถึงยกย่องกันมากมีabs แบบรถแรง เชื่องมือเชื่องเท้า เครื่องวางกลาง ไม่ใช่วางท้าย

รถเมกัน ถ้าไม่เข้าใจคงออกทะเล พวกgt คือรถสะสมแต่ยังไงเสีย
พี่เบิ้มบ้าแรงบิด ไม่แรงตีนปลาย รอบจัด เพราะขับรถกันทั้งวันทั้งคืนได้เวลาข้ามรัฐ
พวกเครื่องตะเกียบ ใส่แหนบ ถือเป็นสุดยอดของเมกัน ลองขับขึ้นเขาสูงดูได้ พวกรอบจัด
เหนื่อยกว่า กินน้ำมันกว่า สึกหรอมากกว่า ซ่อม รื้อยากกว่า
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: สิงหาคม 23, 2016, 11:39:21 โดย bahamu »

ออฟไลน์ raygun

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,050
Re: สงสัยเรื่องทำไม BMW ไม่ทำ HYPER CAR
« ตอบกลับ #10 เมื่อ: สิงหาคม 23, 2016, 11:43:51 »
.
.
.
ถ้าเทียบกันแค่ MB กับ BM
ประวัติในการทำรถแข่ง MB เยอะกว่ามากครับ
เริ่มตั้งแต่สมัยตั้งแบรนด์ใหม่ๆเลย
และทำหมดทุกแบบ F1 / DTM / Rally / ไปยันแข่งรถบรรทุก
BM เอาจริงๆเน้นทำรถขายมากกว่าครับ อะไรที่ขายไม่ค่อยได้
ไม่ค่อยไปลงทุนตรงส่วนนั้นเท่าไหร่



ออฟไลน์ zhalvia

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 205
    • อีเมล์
Re: สงสัยเรื่องทำไม BMW ไม่ทำ HYPER CAR
« ตอบกลับ #11 เมื่อ: สิงหาคม 23, 2016, 12:54:53 »
ที่เค้าไม่ทำเพราะมันทำกำไรไม่ได้ไงครับ ขนาด bugatti ยังขาดทุนมหาศาล (ขนาด chiron ก็ขาดทุน คือรู้ว่าขาดทุนเเต่ก็ทำ เพราะใจรัก น่ารับถือนะ)

มันจะมีสักกี่ค่ายที่ทำ supercar ยอดขายหมื่นคันอย่าง lamborghini

ออฟไลน์ kris-lack

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,761
Re: สงสัยเรื่องทำไม BMW ไม่ทำ HYPER CAR
« ตอบกลับ #12 เมื่อ: สิงหาคม 23, 2016, 13:14:03 »
ที่เค้าไม่ทำเพราะมันทำกำไรไม่ได้ไงครับ ขนาด bugatti ยังขาดทุนมหาศาล (ขนาด chiron ก็ขาดทุน คือรู้ว่าขาดทุนเเต่ก็ทำ เพราะใจรัก น่ารับถือนะ)

มันจะมีสักกี่ค่ายที่ทำ supercar ยอดขายหมื่นคันอย่าง lamborghini
ขอถามต่อหน่อยค่ะ ว่าทำไพวก บูกัสติ ถึงขาดทุน ทำไมเขาไม่ตั้งราคาขายให้ได้กำไรเพราะเข้าใจว่ารถพวกนี้เศรษฐีรอเข้าคิวซื้ออยู่แล้ว สงสัย?

ออฟไลน์ SM.

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 27,523
Re: สงสัยเรื่องทำไม BMW ไม่ทำ HYPER CAR
« ตอบกลับ #13 เมื่อ: สิงหาคม 23, 2016, 15:38:29 »
BMW เคยทำรถแข่ง F1 อยู่ช่วงสั้นๆ แล้วก็เลิกไป ส่วน VW นี่ก็ไม่ยุ่งกับ F1 ไปแข่งรายการอื่นมากกว่า แต่ใช้ยี่ห้ออื่นในเครือเช่นพวก Lambo Audi Bentley แต่ก็ยังมากกว่า BMW

BMW จะไปแข่งพวกรายการที่ใช้รถ mass production มาแต่งลงแข่งได้ เช่น DTM เป็นต้น แต่ถ้าเป็นพวกรถ F1 หรือรถที่ open wheel แบบอื่น แทบไม่เอาเลย

ซึ่งรายการแข่งรถพวกนี้แหละครับ ที่ทำให้ได้ technology ต่างๆมาทำรถขายได้ต่อ

ออฟไลน์ O_o"

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 12,455
Re: สงสัยเรื่องทำไม BMW ไม่ทำ HYPER CAR
« ตอบกลับ #14 เมื่อ: สิงหาคม 23, 2016, 19:17:38 »
ทำได้ แต่ไม่ทำดีกว่า  :D :D :D




ออฟไลน์ zhalvia

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 205
    • อีเมล์
Re: สงสัยเรื่องทำไม BMW ไม่ทำ HYPER CAR
« ตอบกลับ #15 เมื่อ: สิงหาคม 23, 2016, 19:27:32 »
ที่เค้าไม่ทำเพราะมันทำกำไรไม่ได้ไงครับ ขนาด bugatti ยังขาดทุนมหาศาล (ขนาด chiron ก็ขาดทุน คือรู้ว่าขาดทุนเเต่ก็ทำ เพราะใจรัก น่ารับถือนะ)

มันจะมีสักกี่ค่ายที่ทำ supercar ยอดขายหมื่นคันอย่าง lamborghini
ขอถามต่อหน่อยค่ะ ว่าทำไพวก บูกัสติ ถึงขาดทุน ทำไมเขาไม่ตั้งราคาขายให้ได้กำไรเพราะเข้าใจว่ารถพวกนี้เศรษฐีรอเข้าคิวซื้ออยู่แล้ว สงสัย?

ขอสมมตตัวเลขนะครับ

สมมต supercar มีค่าพัฒนามากกว่ารถทั่วไป 50-100 เท่า

สมมติยอดขาย supercar อยู่ที่ 2200 คัน/ปี **ทั่วโลก** อ้างอิงจาก Lamborghini Huracan

ในขณะที่รถอย่าง c class ขายได้ 80,000 คันต่อปี **(เฉพาะ US อิงจาก wiki)**

ราคาขาย c class คันละ1.8ล้านบาท เมืองนอก ในขณะที่ lamborghini 10ล้านกลมๆ

ฉะนั้น C class ยอดทั่วโลกผมไม่ทราบ ตีซะ 500,000 คัน เงินที่ได้ เอิ่ม เกือบ 1,000,000,000,000 (ยังไม่หักทุน)

Lamborghini 2200 ล้าน ยังไม่หักทุน เเถมหักทุนเยอะ เพราะต้นทุนต่อคันาสูงกว่า ทุนพัฒนาสูงกว่า
 
เห็นมั้ยครับว่าคุ้มหรือไม่คุ้ม .... เเละใช่ว่าจะขายได้ทุกคัน

Chiron นี่ถามเลย ราคา 90 ล้านไม่รวมภาษี คิดว่าจะขายได้กี่คัน/ปี 100 ได้ป่าวนะ ถ้า 100 คันก็ได้เงิน 900ล้าน

ตัวเลขหลายตัวผมสมมตขึ้นให้เห็นภาพ เเต่ยอดขายนี่ของจริงเพราะเอาจาก wiki มา
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: สิงหาคม 23, 2016, 19:34:17 โดย zhalvia »

ออฟไลน์ bingoman

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,366
Re: สงสัยเรื่องทำไม BMW ไม่ทำ HYPER CAR
« ตอบกลับ #16 เมื่อ: สิงหาคม 23, 2016, 19:36:30 »
เอาจากที่ผมติดตาม Formula1 นะครับ

BMW บอกว่าจะไม่ลงมาแข่ง F1 เพราะเทคโนโลยี F1 ไม่สามารถต่อยอดไปใช้ได้จริงสำหรับรถ BMW ตัวเอง (BMW เค้าอ้างมาแบบนั้น)

ซึ่งจากผลงานรถ BMW ในตลาดโลก ที่ไม่ได้ลงแข่ง F1  ก็ยังเชื่อใจ BMW ได้ว่าขนาดไม่ต้องไปลงแข่งF1 แต่ BMW ก็ยังสามารถทำรถระดับ premium ที่ไม่เป็นรองใครเลยทั้ง Audi, Benz, Jaguar เพราะยังไง in-house ของ BMW เองก็มีเทคโนโลยีล้ำหน้าไปอีกไม่ต่ำกว่า 10 ปีแน่นอน  เครื่องยนต์ เกียร์ ของ BMW ก็ตอบสนองดี ประหยัดน้ำมัน เด่นเหนือคู่แข่งนิดๆ ด้วยซ้ำ  แล้วนอกจากนั้น BMW ยังมีแบรนด์ในครอบครองอย่าง Rolls Royce, Mini อีก แค่นี้ก็เชื่อว่า R&D ของกลุ่มเครือ BMW ไม่ใช่เต่าล้านปีแน่นอน

ส่วน Hypercar  ผมว่าคู่แข่ง BMW ก็ไม่มีใครทำนะครับทั้ง Benz, Audi, Jaguar

เพราะผมถือว่า Audi R8, Benz GTS-AMG, Lexus LFA พวกนี้ไม่ได้เป็น hypercar อ่ะ 
พวกนี้เป็นแค่ supercar ระดับเดียวกับพวก 911 Turbo, Lamborghini Huracan, Ferrari 458 

ถ้าจะ hypercar ต้องเป็นแบรนด์พิเศษเลยที่ niche มากๆ ด้วยเช่น
Koenigsegg
Pagani
Bugatti
Hennessey

ออฟไลน์ Carrera

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,339
Re: สงสัยเรื่องทำไม BMW ไม่ทำ HYPER CAR
« ตอบกลับ #17 เมื่อ: สิงหาคม 23, 2016, 22:01:38 »
ไม่เคยทำเองเลยครับ  แต่เคยทำหัวใจให้รถรุ่นนึง นั่นคือ McLaren F1

 

ส่วน LFA นี่ผมว่ามัน SuperCar เต็มตัวเลย แต่ไม่ถึงขนาด Hypercar
โอเค  มันอาจจะเร็วในสนามพอๆกับ GTR แต่ต้องไม่ลืมว่า  รถมัน "ขับหลัง" ใช้ "Diff กลไก" ไม่มี "4wd Drive + 4wd Steering" 
เรียกว่าเป็นรถที่ออกแบบตามพื้นฐานดีมากๆ และไม่ใช้ตัวช่วยอิเล็กโทรนิคเพื่อทำเวลาเลย 
เอาจริงๆด้านวิศวกรรมถือว่าเป็นรถที่ น่ากลัวมากๆคันนึง  จริงๆผมว่ามันคือรถแข่ง ครอบเปลือกรถแล้ววางขายน่าจะถูกกว่า

Clarkson เคยบอกไว้ครั้งนึงเกี่ยวกับ LFA ประมาณว่า"เครื่องวางหน้า เหมือนจะเป็น GT แต่ก็ไม่ใช่ มันดิบเกินไปที่จะเป็น GT ส่วนเป็น Supercar ก็ไม่ใช่ เพราะรถเครื่องวางด้านหน้า  แต่เอาเวลาขับ ฟีลลิ่งมันเหมือน Racing Car (รถแข่ง) ฟีลลิ่งมันเหมือน You are inside a machine"

ผมว่า LFA เหมือน McLaren F1 ส่วน GTR เหมือน Bugatti Veyron
คันนึงอัดแน่นด้วยเทคโนโลยีเพื่อพังสถิติ  อีกคัน  Focus on Driving Experience  อารมณ์รถแข่งในสนามในคราบรถถนน

ออฟไลน์ 2k

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 4,752
Re: สงสัยเรื่องทำไม BMW ไม่ทำ HYPER CAR
« ตอบกลับ #18 เมื่อ: สิงหาคม 24, 2016, 08:56:00 »
พูดถึงM5แล้วช้ำใจ......M5 E60ที่อเมริการาคามือสองห้าแสนบาท M5 F10มือสองราคาล้านสองแสนบาทส่วนM5ใหม่เลยราคาสามล้านเจ็ดแสนบาท......ราคารถประเทศไทยนี่มันกีดกันการเข้าถึงคุณภาพชีวิตที่ดีจริงๆ  :'(
หมาเฝ้าบ้านแจกฟรีจ้า www.dogfindhome.com


AuNaraKa

  • บุคคลทั่วไป
Re: สงสัยเรื่องทำไม BMW ไม่ทำ HYPER CAR
« ตอบกลับ #19 เมื่อ: สิงหาคม 24, 2016, 13:41:01 »
สงสัยตามหัวข้อครับ 

BMW เคยผลิต HYPER CAR หรือ SUPERCAR  รึเปล่าครับ 

ทำไมปล่อยให้ Mercedes AMG  ที่เป็นคู่แข่งร่วมชาติโดยที่ BMW ไม่ทำรถกลุ่มนี้ออกมาเปิดตลาดสู้ด้วย ทั้งที่ตัว BMW ก็เป็นแบรนด์ใหญ่ในวงการรถยนต์  (แม้กระทั่ง VW ยังมี Brand ในเครือทำรถกลุ่มนี้)


ตอบแบบตรงๆ เลย คือทำไปก็ไม่ได้กำไรครับ พวกนี้บริษัทมหาชน เค้าห่วงอย่างเดียวเลยคือกำไร ทำไมขายไม่ได้ ก็ไม่ทำ ทำมาขายไม่ดีก็ไม่ทำ ง่ายๆ ครับ ตอบแล้วคิดถึงไปอีกคนที่ถามเรื่องไม honda ไม่เอา stepwgn มาขาย พวกนี้คำตอบหนีไม่พ้นเรื่องนี้หรอกครับ

ออฟไลน์ O_o"

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 12,455
Re: สงสัยเรื่องทำไม BMW ไม่ทำ HYPER CAR
« ตอบกลับ #20 เมื่อ: สิงหาคม 24, 2016, 15:25:54 »
ที่เค้าไม่ทำเพราะมันทำกำไรไม่ได้ไงครับ ขนาด bugatti ยังขาดทุนมหาศาล (ขนาด chiron ก็ขาดทุน คือรู้ว่าขาดทุนเเต่ก็ทำ เพราะใจรัก น่ารับถือนะ)

มันจะมีสักกี่ค่ายที่ทำ supercar ยอดขายหมื่นคันอย่าง lamborghini

รถ supercar หรือ HYPER CAR ส่วนมากผลิตต่อปีในจำนวนจำกัดครับ ตามคิว ปีๆหนึ่งยอดจองมากกว่านั้น แต่ยอดผลิตนั้น ทำเต็มที่แล้ว

เพื่อเน้นคุณภาพในงานผลิตนะครับ อย่างค่าย ม้า นั้นถ้าจำไม่ผิดรู้สึกจะจำกัดไว้ต่อปี ไม่เกิน 8,000 คัน แต่ยอดจองมากกว่านั้นแน่ บางรุ่นต้องรอ 1 ปี

bugatti chiron จำกัดไว้ที่ 500 คัน ตอนนี้ยอดจองไปกว่า 200 คันแล้ว แต่การส่งมอบต้องรอตามคิวเช่นกัน นานหน่อยแต่ได้แน่ ใครอยากหล่อก่อน

ต้องทุ่มซื้อใบจองอันดับต้นๆละครับ แค่ค่าจองก็ 10 % ของราคารถแล้ว ประมาณ 200,000 ยูโร แค่ขายใบจองราคาอาจพุ่งสูงไปถึง 300,000 ยูโร

ถ้าเป็นลำดับคันเลขสวยๆก็แพงมากขึ้น โดยการส่งมอบรถคันแรกจะเริ่มช่วงปลายปีนี้ ยาวไปจน ครบ 1- 500 คัน ยังไม่นับรุ่นพิเศษต่างๆอีก
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: สิงหาคม 24, 2016, 15:31:00 โดย O_o" »

ออฟไลน์ O_o"

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 12,455
Re: สงสัยเรื่องทำไม BMW ไม่ทำ HYPER CAR
« ตอบกลับ #21 เมื่อ: สิงหาคม 24, 2016, 15:58:47 »
ไปเจอบทความมาครับ น่าจะพอเข้าใจเรื่อง HYPER CAR ของ BMW มากขึ้น  :D :D :D :D

ที่มา http://www.autodeft.com/deftscoop/scoop-hyper-car-fact

หลายๆปีที่ผ่านมา Super Car ดูจะแรงไม่ทันใจเศรษฐี เมื่อมันมีคลาสรถที่แรงกว่า ซึ่งเรียกว่า Hyper Car

ที่มาที่ไปของคำว่า  Hyper Car  นั้น เกิดขึ้นในช่วงปี  1994  ซึ่งย้อนกลับในยุคทองของเครื่องยนต์สมรรถนะในช่วงนั้น  “Hyper Car”   

เป็นคำที่เกิดขึ้น โดยนักฟิสิกส์ ชาวอเมริกัน นาย อาโมรี่ โลวิ่น เจ้าของสถาบันวิจัย  Rocky Mountain 

ที่มองวิสัยทัศน์ถึงยนตรกรรมในวันข้างหน้า ที่จะมีการพัฒนาให้มีสมรรถนะมากขึ้นไปกว่าในช่วงนั้น



ตามแนวคิดของ โลวิน ในยุคแรกที่ออกมา เขามองว่ารถยนต์ Hyper Car  คือการใช้เทคโนโลยีหลายอย่างเข้ามาประยุกต์กับการออกแบบสร้างรถยนต์

ไม่ว่าจะการออกแบบตามหลักอากาศพลศาสตร์ เทคโนโลยีทางด้านวัสดุศาสตร์ ซึ่งเขาฝันถึงรถที่มีขนาดใหญ่แต่มีน้ำหนักเบากว่าครึ่งของขนาดรถ

รวมถึง เทคโนโลยีระบบขับเคลื่อนที่มีความก้าวหน้ามากกว่าในยุคนั้น


ที่จริงแล้ว โลวิน อาจจะไม่เคยคิดว่านิยามของคำว่า Hyper Car  ของเขาจะกลายมาเป็นคำที่ใช้เรียกรถยนต์สมรรถนะสูงในปัจจุบัน

เนื่องจากนักวิทยาศาสตร์ฟิสิกส์คนนี้มองถึงการที่รถยนต์หนึ่งคันสามารถวิ่งได้ในระยะทางที่ไกลกว่า 300 ไมล์ต่อครั้ง

และปราศจากการปล่อยไอเสีย ซึ่งฟังดูไม่น่าจะเกี่ยวอะไรกับรถยนต์สมรรถนะสูงชั้นนำระดับโลก

แต่ด้วยคำนิยามของ  Hyper Car ที่ว่ารถยนต์ที่จะเข้าแก๊ปนั้น จะต้องเป็นรถยนต์ที่ทำมาจากวัสดุน้ำหนักเบา

โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการลดการใช้เหล็กลงแล้วใช้วัสดุยุคใหม่มากขึ้น ซึ่งรถสปอร์ตสมรรถนะสูงอย่างซุปเปอร์คาร์ทำมานานแล้ว

แต่ในระยะหลัง ด้วยเทคโนโลยีที่ก้าวหน้ามากขึ้นทำให้ค่ายรถยนต์ซุปเปอร์คาร์ทั้งหลาย ต่างเริ่มเดินหาวัสดุใหม่

จนรถยนต์บางรุ่นชั้นนำใหม่ๆ โครงสร้างทำมาจากคาร์บอนไฟเบอร์ทั้งชิ้น


เครื่องยนต์กำลังแรงสูงหลายพันม้าไม่ใช่สิ่งที่ Hyper Car  ฝันถึง แต่คือการประยุกต์เทคโนโลยีมาปั้นสมรรถนะต่างหาก

การออกแบบตัวรถในปัจจุบันยังทำในอุโมงลมเพื่อลดแรงเสียดทานจากลมปะทะ ตรงตามค่าหลักอากาศพลศาสตร์มากขึ้น

แถมบางรุ่น หลักการอากาศพลศาสตร์ยังเข้ามามีบทบาทในการควบคุม ช่วยเพิ่มสมรรถนะในการขับขี่ และยิ่งไปกว่านั้น

ทางด้านเครื่องยนต์สมรรถนะสูงในปัจจุบันก็มีปรับและหันมาใช้ระบบไฮบริดเสริมความลงตัวมากขึ้น

เพิ่มประสิทธิภาพและประสิทธิผลในการทำงานมากขึ้น ซึ่งพูดกันตามตรงแม้จะไม่ใช่อย่างที่

ดร.โลวินกล่าวไว้ทั้งหมด แต่มันก็ตรงตามความหมายที่ให้ไว้ในยุคนั้น



ปี 1999 คำว่า Hyper Car   เริ่มกระจายออกสู่ตลาด จากการที่สถาบันของดร.โลวิน ต้องยืนหยัดตัวเอง พวกเขาก่อตั้ง  Hyper Car Inc. 

ซึ่งตอนหลังในปี 2004  มันถูกปรับชื่อเป็น  Fiberforge   ผันตัวมามุ่งการค้าในการทำชิ้นส่วนน้ำหนักเบาที่ยังมีความแข็งแรงมากขึ้น

ให้มีราคาถูกลงกว่าเดิม ทำให้มีความเชื่อว่าคำนี้จึงถูกใช้ในหมู่ผู้พัฒนารถยนต์ซุปเปอร์คาร์ยุคใหม่มากขึ้น

และด้วยการออกแบบหลายอย่างที่ตรงประเด็นกับคำนิยามในปัจจุบันบนรถยนต์สมรรถนะสูงราคาหลายสิบล้าน คำว่า Hyper Car 

จึงถูกใช้เพื่อแทนที่คำว่าซุปเปอร์คาร์ เป็นคำที่การตลาดใช้เพื่อทำให้ลูกค้ากระเป๋าหนักที่ซื้อรถยนต์ซุปเปอร์คาร์ระดับแถวหน้ารู้สึกว่าพวกเขาได้อะไร

มากกว่า แค่รถสมรรถนะสูง 1  คัน แต่เป็นอะไรที่มากกว่าด้วยสมรรถนะที่มีความเหนือชั้นมากขึ้นกว่าที่ซุปเปอร์คาร์เคยเป็น

ซึ่งในช่วงแรกมีการแข่งกันที่ตัวเลขสมรรถนะที่สามารถปั้นออกมาได้จากเครื่องยนต์

ทั้งที่ปัจจัยความสำคัญของรถยนต์ Hyper Car นั้นอยู่ที่การประยุกต์เทคโนโลยีต่างๆ มาสู่สมรรถนะอย่างลงตัว


อย่างไรก็สำหรับคนที่ยังจำแนกไม่ออกว่า  Hyper Car กับ  Super Car  ต่างกันอย่างไร 

มี 3 ข้อที่ควรจดจำเบื้องต้นในการจำแนกเจ้ารถยนต์สมรรถนะสูงเหล่านี้

1. Hypercar  นั้น รถทั้งคันจะทำมาจากวัสดุน้ำหนักเบา ส่วนใหญ่แล้วจะทำมาจากคาร์บอนไฟเบอร์แรงอัดสูงง โดยในขณะที่ตัวรถมันยังมีขนาดใหญ่ ก็มีน้ำหนักที่ไม่ได้มากมายนัก

2. ต้องมีเทคโนโลยีอื่นๆเข้ามาผสมผสานในการขับเคลื่อนสมรรถนะ เช่น หลักการออกแบบตามหลักการอากาศพลศาสตร์และหรือ

ควบรวมกับการใช้ระบบเหล่านี้ในการขับเคลื่อน ยกตัวอย่างเช่นการใช้ Air Brake ของ Bugatti Veyron

หรือ การใช้  Flap  เพื่อการเข้าโค้งของ Pagani Huaya  เป็นการปะยุกต์เทคโนโลยีอื่นๆเข้ามา

3. เครื่องยนต์สมรรถนะสูงไม่จำเป็นต้องมีแรงม้าระดับหลายพันแรงม้า อย่างที่เข้าใจ แต่ประเด็นสำคัญ อยู่ที่ระบบเคลื่อนในแบบผสมผสาน


ไม่ว่าจะการใช้เครื่องยนต์ระบบไฮบริดเข้ามาตอบโจทย์ในการสร้างพละกำลัง ให้มีสมรถนะที่สามารถควบคู่กับความประหยัดได้ 

และ Hyper Car เนื้อแท้ไม่ได้วัดที่ความเร็วปลายท้านรกอย่างที่หลายคนเข้าใจ แต่มันเป็นการประยุกต์เพื่อให้ได้กำลังการขับเคลื่อนอย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุดในการขับขี่

แม้ท้ายสุด นิยามของ “Hyper Car” จะถูกนำไปใช้กลุ่มรถยนต์สมรรถนะสูงระดับโลกที่มีสมรรถนะหลายพันม้าตอบใจเศรษฐีทั้งหลาย

แต่ในที่สุดแล้ว Dr.โลวิน บุรุษผู้นิยามคำนี้ ออกมาเปิดเผยเมื่อไม่นานมานี้ว่า สำหรับเขา Hyper Car  กำเนิดขึ้นในปี 2014 

โดยเขายกย่องรถยนต์สองรุ่นให้เป็น Hyper Car  ได้แก่  BMW i3  ที่วางจำหน่ายในยุโรป และว่าที่รถใหม่ที่มีความประหยัดสุดตามแนวคิดของผู้ผลิตรถยนต์ Volkswagen XL 1