ไปเจอบทความมาครับ น่าจะพอเข้าใจเรื่อง HYPER CAR ของ BMW มากขึ้น
ที่มา
http://www.autodeft.com/deftscoop/scoop-hyper-car-factหลายๆปีที่ผ่านมา Super Car ดูจะแรงไม่ทันใจเศรษฐี เมื่อมันมีคลาสรถที่แรงกว่า ซึ่งเรียกว่า Hyper Car
ที่มาที่ไปของคำว่า Hyper Car นั้น เกิดขึ้นในช่วงปี 1994 ซึ่งย้อนกลับในยุคทองของเครื่องยนต์สมรรถนะในช่วงนั้น Hyper Car
เป็นคำที่เกิดขึ้น โดยนักฟิสิกส์ ชาวอเมริกัน นาย อาโมรี่ โลวิ่น เจ้าของสถาบันวิจัย Rocky Mountain
ที่มองวิสัยทัศน์ถึงยนตรกรรมในวันข้างหน้า ที่จะมีการพัฒนาให้มีสมรรถนะมากขึ้นไปกว่าในช่วงนั้น
ตามแนวคิดของ โลวิน ในยุคแรกที่ออกมา เขามองว่ารถยนต์ Hyper Car คือการใช้เทคโนโลยีหลายอย่างเข้ามาประยุกต์กับการออกแบบสร้างรถยนต์
ไม่ว่าจะการออกแบบตามหลักอากาศพลศาสตร์ เทคโนโลยีทางด้านวัสดุศาสตร์ ซึ่งเขาฝันถึงรถที่มีขนาดใหญ่แต่มีน้ำหนักเบากว่าครึ่งของขนาดรถ
รวมถึง เทคโนโลยีระบบขับเคลื่อนที่มีความก้าวหน้ามากกว่าในยุคนั้น
ที่จริงแล้ว โลวิน อาจจะไม่เคยคิดว่านิยามของคำว่า Hyper Car ของเขาจะกลายมาเป็นคำที่ใช้เรียกรถยนต์สมรรถนะสูงในปัจจุบัน
เนื่องจากนักวิทยาศาสตร์ฟิสิกส์คนนี้มองถึงการที่รถยนต์หนึ่งคันสามารถวิ่งได้ในระยะทางที่ไกลกว่า 300 ไมล์ต่อครั้ง
และปราศจากการปล่อยไอเสีย ซึ่งฟังดูไม่น่าจะเกี่ยวอะไรกับรถยนต์สมรรถนะสูงชั้นนำระดับโลก
แต่ด้วยคำนิยามของ Hyper Car ที่ว่ารถยนต์ที่จะเข้าแก๊ปนั้น จะต้องเป็นรถยนต์ที่ทำมาจากวัสดุน้ำหนักเบา
โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการลดการใช้เหล็กลงแล้วใช้วัสดุยุคใหม่มากขึ้น ซึ่งรถสปอร์ตสมรรถนะสูงอย่างซุปเปอร์คาร์ทำมานานแล้ว
แต่ในระยะหลัง ด้วยเทคโนโลยีที่ก้าวหน้ามากขึ้นทำให้ค่ายรถยนต์ซุปเปอร์คาร์ทั้งหลาย ต่างเริ่มเดินหาวัสดุใหม่
จนรถยนต์บางรุ่นชั้นนำใหม่ๆ โครงสร้างทำมาจากคาร์บอนไฟเบอร์ทั้งชิ้น
เครื่องยนต์กำลังแรงสูงหลายพันม้าไม่ใช่สิ่งที่ Hyper Car ฝันถึง แต่คือการประยุกต์เทคโนโลยีมาปั้นสมรรถนะต่างหาก
การออกแบบตัวรถในปัจจุบันยังทำในอุโมงลมเพื่อลดแรงเสียดทานจากลมปะทะ ตรงตามค่าหลักอากาศพลศาสตร์มากขึ้น
แถมบางรุ่น หลักการอากาศพลศาสตร์ยังเข้ามามีบทบาทในการควบคุม ช่วยเพิ่มสมรรถนะในการขับขี่ และยิ่งไปกว่านั้น
ทางด้านเครื่องยนต์สมรรถนะสูงในปัจจุบันก็มีปรับและหันมาใช้ระบบไฮบริดเสริมความลงตัวมากขึ้น
เพิ่มประสิทธิภาพและประสิทธิผลในการทำงานมากขึ้น ซึ่งพูดกันตามตรงแม้จะไม่ใช่อย่างที่
ดร.โลวินกล่าวไว้ทั้งหมด แต่มันก็ตรงตามความหมายที่ให้ไว้ในยุคนั้น
ปี 1999 คำว่า Hyper Car เริ่มกระจายออกสู่ตลาด จากการที่สถาบันของดร.โลวิน ต้องยืนหยัดตัวเอง พวกเขาก่อตั้ง Hyper Car Inc.
ซึ่งตอนหลังในปี 2004 มันถูกปรับชื่อเป็น Fiberforge ผันตัวมามุ่งการค้าในการทำชิ้นส่วนน้ำหนักเบาที่ยังมีความแข็งแรงมากขึ้น
ให้มีราคาถูกลงกว่าเดิม ทำให้มีความเชื่อว่าคำนี้จึงถูกใช้ในหมู่ผู้พัฒนารถยนต์ซุปเปอร์คาร์ยุคใหม่มากขึ้น
และด้วยการออกแบบหลายอย่างที่ตรงประเด็นกับคำนิยามในปัจจุบันบนรถยนต์สมรรถนะสูงราคาหลายสิบล้าน คำว่า Hyper Car
จึงถูกใช้เพื่อแทนที่คำว่าซุปเปอร์คาร์ เป็นคำที่การตลาดใช้เพื่อทำให้ลูกค้ากระเป๋าหนักที่ซื้อรถยนต์ซุปเปอร์คาร์ระดับแถวหน้ารู้สึกว่าพวกเขาได้อะไร
มากกว่า แค่รถสมรรถนะสูง 1 คัน แต่เป็นอะไรที่มากกว่าด้วยสมรรถนะที่มีความเหนือชั้นมากขึ้นกว่าที่ซุปเปอร์คาร์เคยเป็น
ซึ่งในช่วงแรกมีการแข่งกันที่ตัวเลขสมรรถนะที่สามารถปั้นออกมาได้จากเครื่องยนต์
ทั้งที่ปัจจัยความสำคัญของรถยนต์ Hyper Car นั้นอยู่ที่การประยุกต์เทคโนโลยีต่างๆ มาสู่สมรรถนะอย่างลงตัว
อย่างไรก็สำหรับคนที่ยังจำแนกไม่ออกว่า Hyper Car กับ Super Car ต่างกันอย่างไร
มี 3 ข้อที่ควรจดจำเบื้องต้นในการจำแนกเจ้ารถยนต์สมรรถนะสูงเหล่านี้
1. Hypercar นั้น รถทั้งคันจะทำมาจากวัสดุน้ำหนักเบา ส่วนใหญ่แล้วจะทำมาจากคาร์บอนไฟเบอร์แรงอัดสูงง โดยในขณะที่ตัวรถมันยังมีขนาดใหญ่ ก็มีน้ำหนักที่ไม่ได้มากมายนัก
2. ต้องมีเทคโนโลยีอื่นๆเข้ามาผสมผสานในการขับเคลื่อนสมรรถนะ เช่น หลักการออกแบบตามหลักการอากาศพลศาสตร์และหรือ
ควบรวมกับการใช้ระบบเหล่านี้ในการขับเคลื่อน ยกตัวอย่างเช่นการใช้ Air Brake ของ Bugatti Veyron
หรือ การใช้ Flap เพื่อการเข้าโค้งของ Pagani Huaya เป็นการปะยุกต์เทคโนโลยีอื่นๆเข้ามา
3. เครื่องยนต์สมรรถนะสูงไม่จำเป็นต้องมีแรงม้าระดับหลายพันแรงม้า อย่างที่เข้าใจ แต่ประเด็นสำคัญ อยู่ที่ระบบเคลื่อนในแบบผสมผสาน
ไม่ว่าจะการใช้เครื่องยนต์ระบบไฮบริดเข้ามาตอบโจทย์ในการสร้างพละกำลัง ให้มีสมรถนะที่สามารถควบคู่กับความประหยัดได้
และ Hyper Car เนื้อแท้ไม่ได้วัดที่ความเร็วปลายท้านรกอย่างที่หลายคนเข้าใจ แต่มันเป็นการประยุกต์เพื่อให้ได้กำลังการขับเคลื่อนอย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุดในการขับขี่
แม้ท้ายสุด นิยามของ Hyper Car จะถูกนำไปใช้กลุ่มรถยนต์สมรรถนะสูงระดับโลกที่มีสมรรถนะหลายพันม้าตอบใจเศรษฐีทั้งหลาย
แต่ในที่สุดแล้ว Dr.โลวิน บุรุษผู้นิยามคำนี้ ออกมาเปิดเผยเมื่อไม่นานมานี้ว่า สำหรับเขา Hyper Car กำเนิดขึ้นในปี 2014
โดยเขายกย่องรถยนต์สองรุ่นให้เป็น Hyper Car ได้แก่ BMW i3 ที่วางจำหน่ายในยุโรป และว่าที่รถใหม่ที่มีความประหยัดสุดตามแนวคิดของผู้ผลิตรถยนต์ Volkswagen XL 1