หัวใจสำคัญของบทนี้ ที่มีผลกับการเลือกเบอร์น้ำมันเครื่องคือการทำความเข้าใจความสัมพันธ์ระหว่าง Viscosity กับ Friction
กำหนดให้ความเร็วและโหลดคงที่ แต่ Viscosityเปลี่ยรไป จะเห็นว่าช่วงใช้งานที่เหมาะสมคือ ประหยัด แรงเสียดทานต่ำ เสียหายพอรับได้ คือช่วง Mix Lubrication
Viscosity เปลี่ยนตามเบอร์น้ำมัน และอุณหภูมิ
เบอร์น้ำมันต่ำ viscosity ต่ำ
อุณหภูมิสูง Viscosityต่ำ
ถ้าViscosityต่ำไป ก็จะเกิดแรงเสียดทานมาก ชิ้นส่วนเสียหายมาก
คนธรรมดา ที่ไม่มีเครื่องมือวัด สามารถทดสอบเองได้ ว่าน้ำมันเครื่องเข้าสู่ส่วนไหนของStriebek curve
โดยมองจากรอยขีดข่วนของของตัวลูกเบี้ยว ในรถหลายรุ่นมองเห็นได้ผ่านรูเติม
น้ำมันเครื่องบาง มักเกิดการสร้างรอยลึก สัมผัสแล้วรู้สึกได้ ส่วนนั้นจะเป็นด้านซ้ายของกราฟ
ช่วงส่วนกลางของกราฟ จะเป็นช่วงที่ดี มีความเสียหายในระดับที่รับได้ บริษัทรถมักเลือกใช้โซนนี้ น้ำมันบางแต่ไม่หนามากเพื่อเลี่ยงการเกิดน้ำมันแข็งตัวในฤดูหนาว หนาวแบบติดลบนะครับ ไม่ใช่หนาวแบบไทยๆ
ถ้าเคยพลอตกราฟนี้แล้วจะทราบได้ว่า ความหนาในช่วง 6-100 c.st จะส่งผลกับแรงเสียดทานภายในเครื่องยนต์ส่วนมากราวๆ 5% เท่านั้น แต่กราฟช่วง1-6 c.st จะส่งผลมากถึง200%เพราะแรงเสียดทานบนผิวโลหะมากขึ้น จนถึงจุดเสียหาย เห็นได้จากราฟด้านซ้ายที่ชันกว่าส่วนกลาง
ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดก็คือกลุ่มรถแข่งที่เครื่องร้อนจัดจนน้ำมันบางมากชาฟท์ละลายก่อนเพราะอุณหภูมิน้ำมันบริเวณนั้นร้อนมากจนความหนาลดลงต่ำเกินไปจนหลุดเข้าสู่ Boundary lubrication zone.
ในเมืองหนาว น้ำมันที่หนาเพราะอุณหภูมิต่ำ จะอยู่ในช่วงปลายMixed libricstion จนถึง Full film และถ้าหนาวมากจนเข้าสู่ภาวะแข็งตัวของน้ำมันก็จะเกิด oil wedge เป็นที่มาของความเสียหายช่วงสตาร์ทนั่นเอง