หลังจากทำรีวิว First Impression รายแรกในไทย เสร็จสิ้นไปแล้ว
ถ่ายทำรายการ Live! ของ The Coup Channel แล้ว
ก็ดูเหมือนว่า เราจะไม่ได้พูดถึง เจ้า March น้อยกันอีกสักเท่าไหร่
ทริป ที่จะจัดให้สื่อมวลชนทดลองขับ ปลายเดือนเมษายนนี้ ที่ภูเก็ต
นิสสัน เชิญผมมา เรียบร้อยแล้วครับ (ถือเป็นครั้งที่ 2 ที่นิสสัน เชิญไปร่วมทริป
แบบนี้ด้วยกัน)
แต่ผมตัดสินใจว่า ไม่ไป เพราะติดคิวทดลองรถรุ่นนึงเอาไว้
อีกทั้ง ปีนี้ ผมไปภูเก็ตมาแล้ว 2 รอบ การไปติดกันรอบที่ 3 นั้น
มันมีอะไรแปลกๆชวนให้ขนลุกเป็นการส่วนตัว ไม่ได้เกี่ยวกับนิสสันหรอก
แต่ เอะใจอะไรบางอย่างกับตัวเอง นิดหน่อย เลยตัดสินใจว่า ไม่ไปดีกว่า
และคิดว่า จะติดต่อขอยืมรถมาทำ Full Review ในภายหลัง
ซึ่งก็ยังบอกไม่ได้เลยว่า นิสสันจะพร้อมเมื่อไหร่?
เมื่อวานนี้ ก็เลยไปลองขับ รถเกียร์ธรรมดาเล่นๆ มา กับตาแพน และน้องกล้วย
ด้วยความอนุเคราะห์ของ Nissan Krungthai โดยคุณป็อกกี้ และทีมสต๊าฟ
ซึ่งต้องขอบคุณเอาไว้ ณ ที่นี้ด้วย เพราะค่อนข้างกระทันหันพอสมควร
และการทดลองของเรา ก็กินเวลานานกว่าที่คิดไว้นิดนึง จนเกรงใจ
ลูกค้า ที่ศูนย์ฯ พระราม 3 ของคุณป็อกกี้เองนั่นละครับ
เล่าสั้นๆ ไม่ได้ถ่ายรูปอะไรกลับมา มีแค่ คลิปวีดีโอ ที่ถ่ายเอาไว้
ตอนตาแพน พารถขึ้นไปที่ความเร็ว 170 กว่าๆ กิโลเมตร/ชั่วโมง
ก่อนจะถอนลงมาที่ความเร็วเดินทางปกติ 110-120 กิโลเมตร/ชั่วโมง
อย่าลืมว่า นี่คือ รถรุ่นเกียร์ธรรมดา อย่าคาดหวังว่ารุ่น CVT ที่จะตามออกมา
จะมีตัวเลขที่ดีไปกว่านี้ได้ ขอให้ใจเย็นๆกันก่อน
สรุปคร่าวๆ ว่า
- เครื่องยนต์ แรงสมตัวนะ ไม่ได้แรงมากมาย แต่สมตัวแล้ว
ช่วงเกียร์ 2 กดเต็มเท้า ลากเอา รถที่มีผม (95 กิโลกรัม) แพน 140 กิโลกรัม
เจ้ากล้วย 48 กิโลกรัม และ คุณนรินทร์ เซลส์ของ นิสสัน กรุงไทย พระราม 3
(เดาว่าน่าจะมี 80-90 กิโลกรัม) พุ่งแซง รถคันขับช้าข้างหน้าเราไปได้อย่างสบายๆ
เพียงแต่ว่า แป้นคลัชต์ ออกจะสูงไปหน่อย ทำให้ยังไม่ถึงกับคุ้นเคยได้ง่ายนัก
แล้ว ไม่ทราบว่า นิสสัน ตอนนี้ เป็นอะไรกับ เรโนลต์ มากไปไหมเนี่ย
แป้นคลัชต์ กับแป้นเบรก ถึงต้องเอามาอยู่ใกล้ๆกัน ซะขนาดนี้
เหมือน Renault Espace Minivan ทั้ง 2 เจเนอเรชัน เป๊ะเลย
เกียร์ธรรมดา 5 จังหวะ ช่วงเข้าเกียร์ พอกันกับ Sunny FF B11 ก็จริง
แต่ทำไม เข้าเกียร์แต่ละที ถึงรู้สึกราวกับว่า มันหลวมโพรกอยู่ในชุดเกียร์แหะ
เกียร์ของ Sunny B14 คันที่บ้านข้าพเจ้า ยังกระชับกว่าเลย
แต่ถามว่าพอรับได้ไหม ก็พอทนนะ
ข้าพเจ้าจับสังเกตจากเสียงได้นิดนึงว่า
มีเสียงวี๊ด เบาๆ มากๆ ที่ช่วงเกียร์ 4 แต่พอเกียร์ 5 เสียงดังกล่าว หายไป
มันไม่ก่อความรำคาญมากหรอกครับ สำหรับผม และคิดว่า ถ้าคุณไม่ใช่คนที่
มีปัญหา โฟเบียอะไรนัก ผมว่า น่าจะไม่โดนเสียงเกียร์ที่ว่านี้รบกวนหรอก
เบรก โอเค สมตัว ชะลอความเร็วใช้ได้ หน่วงความเร็วโอเค ถ้าคิดว่า เป็นรถที่
เบา ประมาณนี้ และมีการปรับแต่งมาเพื่อเอาใจคนขับรถเท้าไม่หนักแบบนี้ ถือว่า โอเคนะ
ช่วงล่าง การซับแรงสะเทือน บนถนนเลียบทางด่วนรามอินทรา
ถือได้ว่า ทำได้ดีตามสมควร ตึงตังน้อยกว่า Suzuki Swift นิดนึง
แต่ก็ไม่ได้ถึงกับดีเลิศประเสริฐศักดิ์ขนาดนั้น เพราะเมื่อวิ่งบนทางด่วน
ถ้าคุณเปลี่ยนเลน ซ้าย ไป ขวา คุณจะสัมผัสได้ว่า รถจะมีอาการโยนตัว
และรถจะเอียงมากกว่ารถทั่วไปนิดนึง เพราะระบบกันสะเทือน เซ็ตมาในแนวนุ่ม
สิ่งที่น่าประหลาดใจ แต่ก็ ผ่านการพิสูจน์ โดยเรามาแล้ว คือ
นั่งกันเต็มๆ 4 คน ผม กับ แพน พาเจ้า March พุ่งขึ้นไปไต่ความเร็ว
ในระดับ 140 ลากไปจนถึง 170 กิโลเมตร/ชั่วโมงหน่อยๆ
รถก็ยังพุ่งไปได้อย่างเรื่อยๆ แถม ยังมีวี่แววว่าจะไหลไปได้ต่อเนื่องอีกด้วย!!
อาจไม่ถึงกับสุดเข็มไมล์หรอก แต่ น่าจะทำได้แถวๆ 175 กิโลเมตร/ชั่วโมงได้แน่
เพราะเมื่อวาน แพน ก็เหยียบกันไปจนถึงขนาดนั้น และตำแหน่งเข็มวัดครั้งสุดท้าย
ที่เราเห็น ก่อนต้องชะลอความเร็ว ก็อยู่แถวๆ 173-175 กิโลเมตร/ชั่วโมง
ส่วนผมเอง ที่ 160 กิโลเมตร/ชั่วโมง
ลองปล่อยมือออกจากพวงมาลัย ทั้ง 2 ข้าง
ก็ยังพบว่า March ใหม่ เหมือน TIIDA ตอนเจอลมนิ่งๆเลย
คือ รถก็จะยังวิ่งตรงๆทื่อๆ ของมันไปแบบนั้น ไม่มีอาการวอกแวกให้เห็นเลย
แม้ว่าบรรยากาศในวันนั้น จะมีกระแสลมอ่อนๆ อยู่บ้างก็ตาม!!!!
ดังนั้น ใครที่บอกว่า รถเล็กๆ เครื่องจิ๋วๆ จะวิ่งไหวเหรอ?
ผมว่า ไม่ต้องพิสูจน์แล้วละครับ มันไปได้แน่ๆ แต่ นี่คือเกียร์ธรรมดา
ใครที่บอกว่า โอ้ย รถเล็กๆ เดี๋ยวก็ปลิว
จะบอกว่า ถ้าขนาด ตั้งพวงมาลัยตรงๆ ปล่อยมือออกจากพวงมาลัยสองข้าง
ที่ความเร็ว 160 แล้วรถยังนิ่งอยู่แบบนี้ คุณจะตอบผมว่าไงดีครับ?
ไอ้ที่จะต้องแก้หนะ ดูเหมือนจะมีแค่เรื่องเดียว คือพวงมาลัย ไฟฟ้า
น้ำหนักเบา บุคลิกเหมือนใน TIIDA และ Cube ก็จริง
แต่สัมผัสบนถนนนั้น 2 คันดังกล่าว ก็ยังดกว่า March
พวงมาลัยของ March เหมาะแก่สุภาพสตรี ที่ขับรถไม่เร็ว
มากกว่าคนที่ขับรถเร็ว อันนี้ต้องบอกกันก่อนเลย
อย่างไรก็ตาม เป็นพวงมาลัยที่ตอบสนองแปลกๆ
คือ มันไม่ถึงกับเบาโหวงเหมือน Jazz รุ่นแรก ที่ว่าเบามากๆ
แต่ถ้าจะถามหาความแม่นยำ ในแต่ละช่วงแล้ว
ผมว่า Jazz รุ่นแรก กลับจะทำได้ดีกว่านิดนึง แหะ
สรุปว่า ทุกอย่าง พอได้ลองขับแล้ว ก็เป็นไปตามที่ผมคิด
จากนี้ รอดูว่า Full Review กับรถที่จะต้องติดต่อขอยืมากทาง Nissan อีกครั้งนึงนั้น
จะให้ผลออกมาเหมือนหรือต่างกันอย่างไร
คงต้องรอกันพักใหญ่ๆครับ