ตลอด 1 สัปดาห์ที่ผ่านมา ผมได้โพสต์ข้อมูล รูปภาพ และ คลิปวีดีโอ
ทางหน้า Fanpage : Headlightmag.com เกี่ยวกับรถยนต์พระที่นั่ง
และ เรื่องราวที่เกี่ยวกับ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช
เผื่อคุณผู้อ่าน หรือ สมาชิกท่านไหนยังไม่ได้รับชม ผมก็เลยเอามารวบรวม
ไว้ให้ในกระทู้นี้นะครับ (ถ้ามีเนื้อหาอื่นๆเพิ่มเติม ผมจะนำมาอัพเดตให้ที่กระทู้นี้)
14 ตุลาคม 2559https://www.facebook.com/headlightmag/photos/a.183844775058081.36526.183837595058799/1017026225073261/?type=3พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มหิตลาธิเบศรรามาธิบดี
จักรีนฤบดินทร สยามินทราธิราช บรมนาถบพิตร
เรื่องราวนี้นำมาจาก สารสภาวิศวกรรม ฉบับเดือน พ.ย.-ธ.ค. 2550
เป็นเรื่องเล่าโดย คุณนินนาท ไชยธีรภิญโญ รองประธานกรรมการ
บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด คุณนินนาท ได้เล่าว่า
สิ่งหนึ่งที่สร้างความประทับใจให้แก่ตนเอง และ พนักงานโตโยต้าทุกคน คือ
เมื่อกลางปี พ.ศ. 2540 ที่ประเทศไทยประสบภาวะวิกฤตเศรษฐกิจ ในวันที่
5 พ.ย.2540 มีข่าวในหน้า นสพ.ว่า ทางโตโยต้าจะปิดโรงงานลอยแพ พนักงาน
5,500 คน ซึ่งกระทบภาพลักษณ์บริษัท ขวัญและกำลังใจของพนักงานอย่างยิ่ง
ในบ่ายวันเดียวกัน ทางบริษัทฯ ได้จัดแถลงข่าว เพื่อแก้ข่าวที่เกิดขึ้น โดยยืนยันว่า
บริษัทไม่เคยคิดปิดโรงงาน และ เลิกจ้างพนักงาน
ต่อมามีเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิด ด้วยพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จ
พระเจ้าอยู่หัวที่ทรงห่วงใย พนักงานโตโยต้า
ในเช้าวันที่ 6 พ.ย. 2540 เลขานุการส่วนพระองค์ได้ โทรศัพท์ถึง คุณนินนาท
และแจ้งว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงมี พระราชประสงค์ สั่งซื้อรถโตโยต้า
โซลูน่า 1 คัน โดยให้พนักงาน ใช้มือทำก็ได้ ไม่ต้องใช้เครื่องจักร ไม่ต้องรีบ
พนักงานคนไทย จะได้มีงานทำนานๆ
ประโยคนี้สร้างความปลื้มปิติยินดีแก่พนักงานโตโยต้าเป็นอย่างมาก
เมื่อนำรถคันดังกล่าวไปถวายพระองค์ในเดือน ธ.ค.2540 พระองค์ทรงพระราชทาน
ทรัพย์ส่วนพระองค์ เป็นเช็คเงินสด 600,000 บาท โดยทรงพระราชทาน
แนวพระราชดำริว่า ให้โตโยต้า ไปตั้งโรงสีข้าวเพื่อช่วยเหลือชาวนา ซึ่งมีปัญหา 2 อย่าง
เวลาเก็บข้าวในยุ้งฉาง มักเสียหายและถูกขโมยบางส่วน เวลาสีเป็นข้าวสารก็ขายไม่ได้ราคา
โตโยต้ามีการบริหารจัดการที่ดี ควรตั้งโรงสีข้าวตัวอย่าง เมื่อสีข้าวได้แล้วขายในราคา
สวัสดิการ ให้แก่พนักงาน และ ขายผลพลอยได้ เช่น แกลบ รำ ให้แก่เกษตรกรชุมชน
ที่เลี้ยงหมูและ เป็นที่มาของ บริษัท ข้าวรัชมงคล จำกัด
ที่มา :
http://www.coe.or.th/-------------------------------------------------------------------
หลังจากนั้นจึงมี Toyota Soluna รุ่นพิเศษออกมา ผลิตจำนวนจำกัด 600 คัน
ด้านท้ายรถบนฝากระโปรงหลังจะติดตัวอักษร (emblem) ด้านซ้ายด้วยเลขไทย
" ๑.๕ " และ ด้านขวาเป็นชื่อรุ่น " โซลูน่า " มีออกมาด้วยกัน 2 สี คือ
1. สีทองอ่อน คาดสีน้ำตาลข้างล่าง 2. สีเงินอมฟ้า คาดสีเทาดำข้างล่าง
15 ตุลาคม 2559https://www.facebook.com/headlightmag/photos/a.183844775058081.36526.183837595058799/1018053994970484/?type=3&theaterเรื่องราวนี้นำมาจาก บทความ 'ในหลวง...ของเรา' ในความทรงจำของล่ามมลายู (ตอน ๑)
ตลอดระยะเวลา ๓๐ กว่าปีที่ทำหน้าที่เป็นล่ามประจำขบวนเสด็จ มีเรื่องมากมาย
ที่สร้างความประทับใจจนเป็นภาพแห่งความทรงจำที่ผนึกแน่นอยู่ในหัวใจ
ว่าที่ร้อยโท ดิลก ศิริวัลลภ
อย่างภาพที่พระองค์ท่าน ทรงนั่งพิงรถแลนด์โรเวอร์บนสะพานไม้ จำได้ว่า
ในเดือนกันยายน 2524 พระองค์เสด็จพระราชดำเนินจากพระตำหนักทักษิณ
ราชนิเวศน์ ไปทางอำเภอตากใบ
เมื่อถึงเขตอำเภอสุไหงโก-ลก ทรงเลี้ยวขวาไปทางบ้านเจาะบากง ตำบลปูโนะ
ท่านจะเสด็จฯ ไปทอดพระเนตรสภาพภูมิประเทศ และ ระดับน้ำท่วมที่ไหลมาจากป่าพรุ
ตอนนั้นถนนหนทางไม่ค่อยดี พระองค์ท่านทรงขับรถยนต์พระที่นั่งด้วยพระองค์เอง
พอไปถึงจุดนั้นรถยนต์ไปต่อไม่ได้ต้องถอยกลับ
เมื่อทอดพระเนตรเห็นชาวบ้านมาเฝ้า ก็ทรงสอบถามข้อมูลจากชาวบ้านบนสะพาน
แรกๆ ยืนคุยกันก่อน นานเข้าพระองค์ท่านจึงตัดสินใจย่อพระวรกายทรงนั่งบนสะพานไม้
เมื่อก่อนทางลำบากเฉอะแฉะไปหมด บนสะพานเท่านั้นนั่งได้ ภาพนี้ต่อมากลายเป็นภาพ
ที่เราได้เห็นในหัวข่าวโทรทัศน์เป็นประจำ
ที่มา : 'ในหลวง...ของเรา' ในความทรงจำของล่ามมลายู (ตอน ๑)
http://www.oknation.net/blog/narapong-sak/2007/10/15/entry-1-------------------------------------------------------------------
รถยนต์คันในภาพคือ Land Rover Series III (ปี 1971 - 1985)
(Land-Rover 109 Station Wagon)
เครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ ขนาด 2.25 ลิตร คาร์บูเรเตอร์ กำลังสูงสุด 71 แรงม้า
ที่ 4,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 161 นิวตันเมตร ที่ 1,500 รอบ/นาที
จับคู่กับเกียร์ธรรมดา 4 จังหวะ ขับเคลื่อน 4 ล้อ
16 ตุลาคม 2559https://www.facebook.com/headlightmag/videos/1018203478288869/ทรงขับรถยนต์พระที่นั่งด้วยพระองค์เอง (รถยนต์ที่ทรงขับคือ Toyota Prius
Generation 1 : ซึ่งทาง Toyota Motor Thailand จัดถวายให้พระองค์ท่าน
ในช่วงปี 1998) เสด็จกลับพระตำหนักจิตรลดารโหฐาน เมื่อครั้งวันเฉลิมพระชนมพรรษา
พ.ศ.2541 โดยมีสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร และ สมเด็จพระเทพ
รัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ประทับร่วมในรถยนต์พระที่นั่งคันดังกล่าว
-------------------------------------------------------------------
Toyota Prius Generation 1
เครื่องยนต์เบนซิน 1.5 ลิตร กำลังสูงสุด 58 แรงม้า ที่ 4,000 รอบ/นาที
แรงบิดสูงสุด 102 นิวตันเมตร ที่ 4,000 รอบ/นาที ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้า
กำลังสูงสุด 40 แรงม้า ที่ 940-2,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 305 นิวตันเมตร
ที่ 0-940 รอบ/นาที
17 ตุลาคม 2559https://www.facebook.com/headlightmag/photos/a.183844775058081.36526.183837595058799/1019803024795581/?type=3เวลาตามเสด็จฯ นั้น หากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงขึ้นเขา เราก็ต้องปีนเขาด้วย
พระองค์ทรงรับสั่งว่า การทำงานพัฒนา ร่างกายเราต้องแข็งแรง ดังนั้นจึงต้องพัฒนา
สุขภาพให้แข็งแรง ฉันเคยฝึกแบกของเดินขึ้นเขา เพราะถ้าเกษตรกรพื้นที่สูง
อยากให้เราเดินขึ้นไปดูไร่ของเขาบนภูเขา ก็ควรพยายามไป เขาชี้ให้ไปดูอะไรก็ต้องไป
ถึงแม้บนยอดเขาจะมีกาแฟเพียงต้นเดียวก็ต้องขึ้นไป บางครั้งปีนเขาตั้งหลายลูก
เราก็ต้องไปเพื่อเป็นกำลังใจให้เกษตรกรและผูกมิตรด้วย ไม่ว่าจะเป็นใคร อยู่ที่ไหน
พระองค์เสด็จฯ ไปทุกที่
ที่เห็นพระบรมฉายาลักษณ์ในหนังสือ ที่พระองค์ทรงขับรถพระที่นั่งลงไปอยู่กลางน้ำ
แถวจังหวัดนราธิวาส พอเปิดประตูออกไปเป็นพงหนามพอดี นอกจากลงน้ำแล้วยังมี
พงหนามอยู่ในน้ำด้วย และพอเวลาเสด็จฯ ไปถึงที่ไหนก็จะทรงมีพระราชปฏิสันถาร
กับทุกคน จนมีผู้ใหญ่ท่านหนึ่งบอกว่า ถ้าขืนทรงทักคนทุกจุดอย่างนี้ กว่าจะถึงวังก็
Good Morning และไปทีไรก็ Good Morning ทุกที
สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี พระราชทานสัมภาษณ์เกี่ยวกับ
หลักการทรงงานพัฒนาประเทศของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
จากหนังสือ พระมหากษัตริย์นักพัฒนา เพื่อประโยชน์สุขสู่ปวงประชา
โดยสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
-------------------------------------------------------------------
รถยนต์ที่ทรงขับด้วยพระองค์เอง คือ Jeep Wagoneer (1963-1993)
เครื่องยนต์เบนซิน 6 สูบแถวเรียง คาบูเรเตอร์ ขนาด 3.8 ลิตร 147 แรงม้า
ที่ 4,300 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 292 นิวตันเมตร ที่ 1,600 รอบ/นาที
ส่งกำลังผ่านเกียร์ธรรมดา 3 จังหวะ / เกียร์อัตโนมัติ 3 จังหวะ ขับเคลื่อน 4 ล้อ
18 ตุลาคม 2559https://www.facebook.com/headlightmag/photos/a.183844775058081.36526.183837595058799/1020158808093336/?type=3&theaterว่าที่ร้อยโท ดิลก ศิริวัลลภ เล่าว่า เรื่องการทรงงานหนักเป็นอีกเรื่องหนึ่งใน
ความประทับใจ บางครั้งเสด็จฯ ตั้งแต่เที่ยงวันถึงตอนเที่ยงคืน หรือ แม้กระทั่ง
กลับตี 4 ยังเคยมี
พูดได้ว่าเป็นพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวที่ทรงงานหนักที่สุดในโลกก็ว่าได้
ไม่มีที่ไหนที่ไม่เสด็จฯ ไป ในป่า ในทุ่งนา ในดง ในเขา ตามแม่น้ำลำคลอง
และ ป่าพรุ พร้อมอุปกรณ์ ได้แก่ แผนที่ กล้องถ่ายรูป และ ดินสอ
ครั้งหนึ่งเสด็จฯ ไปบ้านโต๊ะโมะ อำเภอสุคิริน ตอนน้ำท่วม พอถึงบ้านไอตีมุง
สะพานขาด รถยนต์ในขบวนต้องวิ่งลงในแม่น้ำใต้สะพาน หัวรถพระที่นั่งจมหาย
ไปในสายน้ำที่ไหลเชี่ยวขณะวิ่งผ่าน ดังที่เราได้เห็นภาพตอนช่วงต้นก่อนการ
เสนอข่าวในโทรทัศน์ ทำให้เกิดความประทับใจมาก
จำได้ว่าครั้งหนึ่งเสด็จฯ ไปอำเภอเบตง ตั้งแต่ 9 โมงเช้า กลับมาตี 4
เพราะคนที่มารอเฝ้ารับเสด็จฯ มีจำนวนเยอะมาก พระองค์ท่านเห็นประชาชนแล้ว
ไปต่อไม่ได้ เสมือนว่าถูกอะไรบางอย่างดึงดูดให้ต้องอยู่
สังเกตได้ว่าพระองค์ท่านจะมีความสุขที่สุด ทรงได้เห็นประชาชนของท่าน
มาเฝ้ารับเสด็จ จะทรงดีใจและมีความสุขใจมากเมื่อได้พระราชทาน
ความช่วยเหลือประชาชนที่ลำบาก พระองค์ท่านทรงยิ้มแย้มแจ่มใส"
ที่มา : 'ในหลวง...ของเรา' ในความทรงจำของล่ามมลายู (ตอน ๑)
http://www.oknation.net/blog/narapong-sak/2007/10/15/entry-1
19 ตุลาคม 2559https://www.facebook.com/headlightmag/posts/1021923027916914ไม่ว่าจะเสด็จฯไปที่ไหนๆก็ตาม คนไทยมักจะได้เห็นว่าในหลวงทรงถือแผนที่ไว้เสมอ
สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงเล่าถึงเรื่อง แผนที่ของในหลวง
นี้ไว้ในรายการพูดจาภาษาช่าง ทางสถานีวิทยุจุฬาฯ ไว้ว่า
แผนที่แผ่นหนึ่งของท่านค่อนข้างจะกว้างกว่าแผนที่ที่ใครๆเห็นกันทั่วไป เพราะ
ท่านเอาหลายๆระวาง มาแปะติดกัน การปะแผนที่เข้าด้วยกัน ท่านทำอย่างพิถีพิถัน
แล้วถือว่าเป็นงานที่ใครจะมาแตะต้องช่วยเหลือไม่ได้เลยทีเดียว
ท่านได้ตัดหัวแผนที่นั้นออก แล้วส่วนที่ตัดออกนั้นทิ้งไม่ได้ ท่านจะค่อยๆเอากาว
มาแปะติดกัน สำนักงานของท่านคือห้องกว้างไม่มีเก้าอี้ มีพื้น แล้วท่านก้มอยู่กับพื้น
แล้วเอากาวติดกับแผนที่เข้าด้วยกัน
แล้วเวลาเสด็จไป ก็ต้องไปถามชาวบ้านว่าสถานที่นั้นอยู่ที่ไหน ทิศเหนือมีอะไร
ทิศใต้มีอะไร ท่านถามหลายๆคน แล้วตรวจสอบไปมาว่าแผนที่อันนั้นถูกต้องดีหรือไม่
น้ำไหลจากไหนไปที่ไหน
ที่มา :
http://www.oknation.net/blog/print.php?id=838846(ภาพด้านล่าง 3 ภาพ คือ ลายพระหัตถ์ของพระองค์ท่าน, ส่วนรถยนต์ที่
ทรงประทับอยู่ และ ขับด้วยพระองค์เอง คือ Jeep Wagoneer (1963-1993)
เครื่องยนต์เบนซิน 6 สูบแถวเรียง คาบูเรเตอร์ ขนาด 3.8 ลิตร 147 แรงม้า
ที่ 4,300 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 292 นิวตันเมตร ที่ 1,600 รอบ/นาที
ส่งกำลังผ่านเกียร์ธรรมดา 3 จังหวะ / เกียร์อัตโนมัติ 3 จังหวะ ขับเคลื่อน 4 ล้อ)
20 ตุลาคม 2559https://www.facebook.com/headlightmag/posts/1022827661159784พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จฯ ไปทรงงานยังพื้นที่จริง ซึ่งเกือบ 100%
เป็นที่ทุรกันดาร บางแห่งข้าราชการยังไม่เคยไปหรือไม่กล้าไป เพราะกลัวอันตราย
ด้วยซ้ำ หรือถ้าวันไหนอากาศไม่ดี หากเป็นผู้ใหญ่ไปดูงาน ฝนมาก็เลื่อน หรือยกเลิก
แต่สำหรับ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ไม่มีคำว่า " ยกเลิก " เพราะอากาศไม่ดี
แถมยังเสด็จฯ ออกนอกเส้นทางเป็นประจำ ถ้าทีมถวายความปลอดภัยกราบบังคมทูลว่า
เสด็จฯ ไม่ได้ ไม่มีถนนตัดผ่านพระพุทธเจ้าข้า พระองค์ท่านจะรับสั่งกลับมาทุกครั้งว่า
ฉันไปได้
ทั้งที่หลายครั้งต้องทรงพระราชดำเนินปีนป่ายไปบนภูเขา หรือทรงพระดำเนิน
ไต่ลงไปในหุบเหว ที่เต็มไปด้วยโคลนตม ปลิง และ ทาก จนค่ำมืดดึกดื่น หลายครั้ง
สมเด็จพระเทพฯ ตามเสด็จฯ ด้วย มีท่านพระองค์เดียวที่ดึงทากออกจากพระบาทได้
สิ่งเหล่านี้ถือเป็นเรื่องเล็กสำหรับในหลวง
คืนหนึ่งผมได้ร่วมโต๊ะเสวย หลังจากที่พระองค์ท่านเสด็จฯ เยี่ยมราษฎรในพื้นที่
ทุรกันดารแห่งหนึ่งในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ พระราชกระแสรับสั่งที่ยังก้อง
อยู่ในหูของผม จนถึงทุกวันนี้คือ
ที่เขายากจนต้องมาทำมาหากินในพื้นที่แห้งแล้งเช่นนี้ ไม่ใช่ว่าเขาอยากจะมา
แต่เพราะเขา ไม่มีที่อื่นจะไป ที่ฉันช่วยเขา ไม่ใช่ว่าจะช่วยตลอดไป แต่ช่วย
เพื่อให้เขา ได้มีโอกาสช่วยเหลือตัวเองต่อไป
จากคำบอกเล่าของ สวัสดิ์ วัฒนายากร อดีตองคมนตรี อดีตตุลาการศาลปกครอง
สูงสุด และ อธิบดีกรมชลประทาน กระทรวงเกษตรและสหกรณ์
พระองค์จะสถิตอยู่ในดวงใจปวงชนตลอดไป ขอพระองค์เสด็จสู่สวรรคาลัย
ข้าพระพุทธเจ้า ทีมงาน WWW.HEADLIGHTMAG.COM