จริงไหมที่เขาว่าใช้รถยุโรปต้องใช้ให้คุ้มใช้ให้เยอะๆ อย่าจอดมากนัก

O-ver-Late-Driver

คุยกับเพื่อนที่ใช้รถ MB BM ว่า ต้องใช้ให้มาก ๆ อย่าจอด ไม่งั้นไม่คุ้ม เพราะค่าประกันมันแพง ค่าผ่อน(ในกรณีผ่อน)มันแพง ยิ่งเป็น BM มีBSI 5  ปี หรือ 100,000 กม ใช้เข้าไป เพราะถ้าจอด เหมือนกับ เอาเงิน โยนทิ้งในรถ ถ้าขับเยอะ ๆ มันก็มีประกันคุ้มครอง ไม่รู้ว่าจริงไหม พอดีผมลังเล มานานแล้วว่า จะเปลียนจาก D SEG ไป F30 ( คิดอยู่ว่าจะ เบนซิล หรือ ดีเซล  ) หรือ F10 มือสอง  คิดเป็นปี อีกอย่างไม่ค่อยได้ขับ เพราะส่วนใหญ่ใช้ 4wd ยกสูง  :( :o



ps000000

อันนี้ก็แล้วแต่ฐานะทางบ้านนะครับผมว่า อิๆๆ  ::)



CJ.

แล้วแต่สภาพรถและบุคคลครับ มุมมองผมถึงมีหลายคันแต่ใช้สลับทั่วถึงก็คุ้มนะ

เรื่องจอดนานๆ ผมว่ามีผลกับสุขภาพรถ ล้อยาง มากกว่า รถใหม่ๆไม่เท่าไหร่
แต่ของผมคันเก่าสุดเนี่ย ถ้าจอดเกิน 3 วัน ไม่อะไรก็อะไรต้องเสีย ต้องพึ่งยานแม่ทุกที  :-X
2005 Jaguar XJ Super V8
2011 Aston Martin DBS
2013 Jaguar XJL 5.0 V8 Portfolio
2017 Lexus RX200t Premium
2019 Bentley Continental GT W12
2021 Porsche 911 Carrera S
2024 Honda CR-V e:HEV RS
2025 Honda HR-V e:HEV RS
2025 Toyota Camry 2.5 HEV Premium Luxury



[email protected]

แล้วแต่เงินในกระเป๋าและความพอใจครับ เพื่อนผมซื้อ 525D แต่ง M Carbon ล้อ ท่อ เบรกจัดเต็ม ทุกวันนี้นั่ง Grab ไปทำงานบ้าง BTS บ้าง มันบอกขี้เกียจขับ รถติด เหนื่อย รถเอาไว้ขับเล่นวันหยุด ;D



SM.

รถจอด เสื่อมเร็วกว่ารถวิ่งนะครับ ไม่ว่ารถยุโรปหรือไม่ก็ตาม



Alcatraz

คุณเคยเห็นเฟอรารี่หรือลัมโบหลังปี2000 คันไหนไมล์เกินแสนบ้าง



jaesz

คุ้มของคุณคืออะไรล่ะครับ?

บางคนคุ้มที่ได้ขับ
บางคนคุ้มที่ได้ครอบครอง ได้มอง ได้สัมผัส
บางคนคุ้มเพราะคนอื่นมองว่าดูดี ได้คุยได้อวด ได้เอามาเสริมความรู้สึกว่ามีบารมี
บางคนก็คุ้มเพราะได้ปลอดภัยได้รถขับถูกใจ


เอาแง่เศรษฐศาสตร์ รถยุโรปในไทยไม่มีคันไหนคุ้ม เพราะยานพาหนะยี่ห้ออื่นใช้เดินทางได้เหมือนกัน ในค่าใช้จ่ายที่ถูกกว่า

เอามาขับ ทุกวันพอพังหวังใช้ประกันศูนย์ แต่พอพ้นประกันศูนย์ของที่สึกหรอก็มากขึ้นตาม

ชอบก็ซื้อครับ ชึวิตมันสั้น ซื้อแต่ของที่เราไม่ชอบมาใช้จะคุ้มอะไร



Nonlamer

ใช้เมื่อต้องใช้ครับ แต่ถ้าไม่ต้องใช้แล้วไปใช้ก็คงไม่คุ้ม ถ้าซื้อมาแล้วคิดว่าต้องวิ่งเยอะๆไม่งั้นไม่คุ้มก็เท่ากับใจเราไปกังวลเกินเหตุแล้ว แทนที่จะมีความสุขกลับมีทุกข์แทนแบบนี้คุ้มมั้ยครับ และถ้ากลับกลายเป็นว่าวิ่งทางไกลๆเพื่อให้วิ่งเยอะๆแทนที่จะถึงที่หมายเร็วๆกลายเป็นเสียเวลามันคุ้มมั้ยคับ :-X

อย่ามองรถเป็นประเด็นหลักเลยครับ มองการใช้งานของเรานั่นแหละเป็นประเด็น
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ตุลาคม 17, 2016, 23:25:56 โดย Nonlamer »



Mr.Joe

แล้วแต่การใช้แหละครับ
ที่บ้านวนใช้รถอยู่ 5-6 คัน ที่ใช้เยอะหน่อยจะเป็น FD2.0 ปี 06,  Escape 3.0 ปี 03 ใช้คันละ 5-60,000 กม.
นอกนั้น
Harrier ปี 07 อายุ 9 ปี ใช้ไป 30,000 กม.
C200 W204 ปี 07 อายุ 9 ปี ใช้ไป 23,000 กม.
E220CDi W211 ฝาดำ ปี 06 อายุ 10 ปี ใช้ไป 33,000 กม.
E280 W124 ปี 95 อายุ 21 ปี ใช้ไป 105,000 กม.
สลับกันใช้ ไม่มีคันไหนจอดตลอด หรือใช้ตลอด ดูแลสม่ำเสมอ ก็ทนทานทุกคันนะครับ ไม่มีจุกจิกโดยเฉพาะ W211 ที่บ่นๆกันว่าไม่ทน ก็ยังไม่ได้เป็นอะไร เว้น Turbo เสียระหว่างประกันไปทีนึง นี่ยังนั่งเสียวๆอยู่ เห็นว่า SBC ต้องเสียทุกคัน ตอนนี้ก็ยังปกติดีอยู่ครับ
ส่วน W124 ก็จะมีที่ซ่อมช่วงล่างตอน 100,000 กม.ทีนึง ทั้งที่จริงๆก็ไม่ได้มีอาการอะไร แต่ช่างบอกว่าบูชปีกนกต่างๆเริ่มแตก ก็เปลี่ยนยกชุดไป 30,000 บาท + โช้คอีกหมื่นกว่าบาท




Smith686

คุยกับเพื่อนที่ใช้รถ MB BM ว่า ต้องใช้ให้มาก ๆ อย่าจอด ไม่งั้นไม่คุ้ม เพราะค่าประกันมันแพง ค่าผ่อน(ในกรณีผ่อน)มันแพง ยิ่งเป็น BM มีBSI 5  ปี หรือ 100,000 กม ใช้เข้าไป เพราะถ้าจอด เหมือนกับ เอาเงิน โยนทิ้งในรถ ถ้าขับเยอะ ๆ มันก็มีประกันคุ้มครอง ไม่รู้ว่าจริงไหม พอดีผมลังเล มานานแล้วว่า จะเปลียนจาก D SEG ไป F30 ( คิดอยู่ว่าจะ เบนซิล หรือ ดีเซล  ) หรือ F10 มือสอง  คิดเป็นปี อีกอย่างไม่ค่อยได้ขับ เพราะส่วนใหญ่ใช้ 4wd ยกสูง  :( :o
   ถ้าจะซื้อ F10 มือสอง ผมว่าซื้อ 520D M Sport ราคา2.9 ล้านเลยดีกว่า มี BSI ฟรีค่าแรงค่าอะไหล่ 5 ปีด้วย



Nikle_pk

รถผมเฉลี่ยใช้ปีละ 8-9,000 กม. ครับ
My Review !!! New Vellfire 2.5ZG Edition !!!
http://community.headlightmag.com/index.php?topic=44242.0



beercs

คิดว่ารถซื้อมาก็ควรต้องใช้  ยิ่งใช้มากยิ่งคุ้ม   เสียดายพวกรถที่อายุ 4 5 ปี ไมล์ไม่ถึง 50000  แต่อย่างว่าบางคนมีหลายคัน



demo2

ใช้เท่าที่จำเป็นครับ ใช้มากก็เปลืองน้ำมัน
ปล ในแง่ของเศรษฐศาสตร์ มันคงไม่คุ้มทุนอยู่แล้วครับ ไม่ว่าจะเป็นรถยี่ปุ่นหรือรถยุโรป  การซื้อรถซักคันมันเป็นอารมณ์มากกว่าเหตุผล ตัวรถเองยอมรับเลยว่าเป็นเพราะกิเลสล้วนๆครับ แล้วค่อยทำเป็นหาเหตุผลมารองรับมัน เพื่อให้เหตุผลแก่ตัวเอง ไม่ใช่แค่เรื่องรถหรอกครับ จริงๆมันก็แทบทุกเรื่อง เช่นเสื้อผ้า รองเท้า กระเป๋า เรามักจะซื้อเกินจำเป็นอยู่แล้วหละครับ ชัดๆก็มือถือ ไอโฟนนี่ไม่จำเป็นเลยแต่ซื้อมันแทบทุกรุ่นซะงั้น 555



InBkk

ก็อาจจะจริงครึ่งนึงครับ มีรถดีๆ ขับสบาย สมรรถนะดีๆ แต่ปีนึงใช้ไม่กี่พันโล มันก็ยังไงอยู่ ส่วนบ้านผม ใช้ปีละ 2-3 หมื่นโล



rosaniyomdeelerd

คุ้มของคุณคืออะไรล่ะครับ?

บางคนคุ้มที่ได้ขับ
บางคนคุ้มที่ได้ครอบครอง ได้มอง ได้สัมผัส
บางคนคุ้มเพราะคนอื่นมองว่าดูดี ได้คุยได้อวด ได้เอามาเสริมความรู้สึกว่ามีบารมี
บางคนก็คุ้มเพราะได้ปลอดภัยได้รถขับถูกใจ


เอาแง่เศรษฐศาสตร์ รถยุโรปในไทยไม่มีคันไหนคุ้ม เพราะยานพาหนะยี่ห้ออื่นใช้เดินทางได้เหมือนกัน ในค่าใช้จ่ายที่ถูกกว่า

เอามาขับ ทุกวันพอพังหวังใช้ประกันศูนย์ แต่พอพ้นประกันศูนย์ของที่สึกหรอก็มากขึ้นตาม

ชอบก็ซื้อครับ ชึวิตมันสั้น ซื้อแต่ของที่เราไม่ชอบมาใช้จะคุ้มอะไร

ชอบมาก+100



sukhontha

นานาจิตตัง........

   สำหรับผม  แบบของเจ้าของกระทู้นี่แหละคุ้มค่า 
     รถผม อาจจะวิ่งไม่เยอะมาก  ปีละสองสามหมื่นโล   ถ้าไม่วิ่งมันจะงอแงเอา  (เห็นคันที่นาน ๆ วิ่ง เดี๋ยวนอนอู่ ๆ)  เราวิ่งทุกวัน เวลาไปอู่  แป๊บ ๆ กลับ...



whoami

ในกรณีอย่าง bsi ผมกลับคิดว่าอย่าใช้เยอะเกิน เพราะถ้าไมล์ไม่เกินแสน ก็ไม่ต้องจ่ายค่าบำรุงรักษาไป 5 ปี

แต่ถ้าสมมติใช้เยอะ 3 ปีไมล์เกินแสนแล้ว หลังจากนั้นจ่ายเองเต็มๆนะครับ แถมถ้ามีเหตุให้ต้องขายมือสอง

พอหมด bsi แล้ว ราคาก็โดนกดต่ำกว่ารถที่ยังเหลือ bsi อีกครับ แต่ถ้าคนรวยจริงๆเค้าคงไม่มาคิดหรอกมั้งครับ ว่าต้องใช้เท่าไหร่ถึงจะคุ้ม



2k

ถ้าบอกว่าต้องเอารถมาแล่นใช้งานเพื่อให้ระบบหมุนเวียนต่างๆได้ใช้งานระบบช่วงล่างไม่กดทับที่เดิมจนเสื่อมสภาพไวอันนี้จริงครับ  :-X แต่ถ้าบอกว่าให้แล่นเยอะๆเพื่อความคุ้มค่าราคาเงินอันนี้ผิดแล้ว รถยุโรปวิ่งตลอด24ชั่วโมงหมดระยะเวลาประกันแล้วขายทิ้งวินาทีนั้นเลยยังไงก็ไม่คุ้มเพราะค่าตัวมันโดนภาษีนำเข้าเล่นงานราคาโดดเกินความจริงไปสูงมากๆๆๆๆๆๆๆๆ ยกตัวอย่างเช่นราคาBMW M5ที่อเมริกาขายสามล้านบาทนิดแต่ถ้ามาขายบ้านเรายังไงก็ต้องเกิบสิบล้านบาท  :'( มองในแง่ของความคุ้มค่าด้านความปลอดภัยที่ให้โครงสร้างเหล็กเหนียวกว่าและจำนวนแอร์แบกมากกว่าในรถญี่ปุ่นดีกว่านะครับ  :-X
หมาเฝ้าบ้านแจกฟรีจ้า www.dogfindhome.com




w212cdi

รถที่ยิ่งวิ่งเยอะยิ่งคุ้ม เพราะอาจมองในแง่ของการใช้งาน เปรียบได้เช่นรถบรรทุกขนสินค้า ยิ่งวิ่งมากแสงดว่าธุรกิจดี รายได้เข้า หักค่าเสื่อมและค่าใช้จ่ายแล้วมีเหลือ



CookiE

โดยส่วนตัวผมว่าจริงครับ

เพราะตอนคันเก่า BMW E60 พอไม่ใช้สัก 3 - 4 วันนี่เริ่มมีปัญหามาละ

แต่พอขับทุกวัน ใช้วันละ 250 กม. ปัญหาแทบไม่มีเลย



Shimura

แล้วแต่ความพอใจครับ ของผมมี 3 คันใช้สลับวนๆกันไป จอดยาวๆ ยาง แบต มีปัญหาแน่นอน
2007**Estima#ACR50
2013**Vellfire#ANH20
2014**Harrier#ZSU60
2014**BMW320DMsport#F30
2018**MercedesBenzE300#C238
2021**MercedesAMGCLS53



Slow But Sure

เขาว่ากันว่ารถที่ไมล์น้อยไม่ช่ว่าจะเสื่อมน้อยกว่าเลขไมล์เยอะนะครับ
ต้องดูด้วยว่าไมล์น้อยเพราะวิ่งรถติดหรือเปล่า
เขายังว่าอีกว่าไมล์น้อยใช้ในเมืองรถติดๆเยอะอาจจะเสื่อมกว่ารถไมล์เยอะวิ่ง ตจว ยาวๆนะครับ
อุปกรณ์ท่อ ยาง ก็เหมือนกันถึงวิ่งน้อยแต่มันก็หมดอายุตามเวลาอยู่ดีครับ



chaithawat

น่าจะเป็นกรณีไปด้วย
 ถ้ามองด้านประกันที่คุณว่า ผมว่ายิ่งใช้เยอะก็คุ้มนะ อย่างผมขับอาทิตย์ละวันก็เฉลี่ยปีละ 50 ครั้งจ่ายค่าประกันไปห้าหมื่น คิดแล้วขับครั้งละ 1000 บาท ไม่คุ้มอะครับ หรือคิดเป็นกิโลหมื่นโลก็ตกโลละ 5 บาทแพงกว่าค่าน้ำมันอีก ไม่คุ้มสำหรับคนใช้น้อย อันนี้จริง
 ถ้ามองในแง่อะไหล่หละอันนี้คิดว่าไม่คุ้มเสมอไปแล้ว   อย่างประกันสามปีหรือห้าปีรถใช้เยอะอาจหมดประกันก่อนกำหนดก็เป็นได้ ที่เหลือจ่ายเอง โชคดีหน่อยดันไปเสียก่อนหมดประกันก็เคลมกันไปเช่น เคลม แรค ช่วงล่าง โช๊ค จานเบรค รวมๆสองแสนกว่านะครับเห็นบิลแล้วคงตกใจ แต่ไม่ต้องจ่ายคุ้มโคตรๆขับต่อไปอีกสบายใจ3-4ปี ตรงข้ามเกิดมันเสียพอดีตอนหมดประกันหละ คงไม่สบอารมณ์แน่
ยกตัวอย่างเล่นๆนะครับรถที่บ้าน mb  w203    9 ปีวิ่งสามหมื่นกว่าโล ไม่เคยซ่อมเลยเมนทีแนนซ์ปกติแค่อะไหล่สิ้นเปลือง รวมๆไม่กี่หมื่นเอง
แต่ bm e46 9 ปีเท่ากันวิ่งแสนหก ซ่อมกับเมนทีแนนซ์ตามระยะรวมๆบิลออกมาสี่แสนกว่า
ใช้เยอะสึกหรอเยอะจ่ายเยอะครับ อันนี้ตามตรรกกะ

 




tarahlm

ผมว่า ถูกต้องครับ


ถ้าเราตั้งใจซื้อรถคันหนึ่งหนึ่งมาเพื่อใช้งาน ไม่จำเป็นต้องเป็นรถยุโรป เป็นรถญี่ปุ่นก็เช่นกัน (หรือจะเป็นของใช้อื่นๆก็ได้)

ความคุ้มค่าก็มาจากเราใช้งานรถคันนั้นได้มากที่สุด (โดยเสียค่าใช้จ่ายน้อยที่สุดในการดูแล) ไม่ว่าใช้งานเพื่อหารายได้

ใช้งานเพื่ออำนวยความสะดวก/ให้ความปลอดภัย หรือใช้งานเพื่อการพักผ่อน-บันเทิง-ท่องเที่ยว ถือเป็นเพื่อการใช้งานทั้งหมด

สำหรับรถยนต์ การวัดการใช้งานที่น่าจะประสิทธิภาพสูงสุด ก็คือวัดจำนวนระยะทางกิโลเมตรที่รถใช้งานไป



การวัดความคุ้มค่าการใช้งานตรงนี้ จะกล่าวถึงเฉพาะเมื่อซื้อรถคันนี้มาใช้งานแล้ว จะซื้อผิดหรือซื้อถูกคันหรือไม่

จะคุ้มค่ากับเงินที่จ่ายไปนั้น จะไม่กล่าวถึง ตรงนั้นเป็นเรื่องของความคุ้มค่าในการเลือกซื้อ ความพึงพอใจ

จะเป็นคนละประเด็นกัน


แต่บริษัทรถกำหนดระยะเวลารับประกันตัวรถไว้ คุ้มค่าที่สุดคือเราได้(ใช้งานรถ)ใช้สิทธิครบตามกำหนด

หมายถึงใช้งานตามวัตถุประสงค์ ไม่ใช่ไปขับเล่นให้ครบระยะประกัน

เช่น รถรับประกัน 100,000 กิโล/3 ปี  เครื่องยนต์ เกียร์ เฟือง ลูกสูบ พัดลม หม้อน้ำ ฯลฯ

ใครใช้รถ-เครื่อง-เกียร์-สารพัดอะไหล่ ครบแสนกิโล(ก่อนสามปี) ก็ได้ใช้อะไหล่ในระยะประกันครบคุ้มค่าระยะทาง

ถ้าพังในระยะประกันก็ได้เปลี่ยนฟรี

หากใครใช้น้อยเช่น สมมุติใช้งานน้อยแค่ 20,000 กิโลในเวลา 3 ปี ก็แสดงว่าอะไหล่รถยนต์ของคนนั้น ขาดอายุใช้งานไปตั้ง80,000กม.


เรื่องการทำประกันก็เช่นกัน การประกันรถยนต์นั้นเป็นจ่ายเงินต่อปี ไม่ได้ตีจ่ายเป็นกิโลเมตร ใครวิ่งใช้งานเยอะ

ค่าประกันที่จ่ายเทียบกับระยะทางใช้งานจริง หารออกมาก็ถูกสตางค์กว่าคนใช้งานน้อย


รถที่วิ่งใช้งานมากกว่า ก็ย่อมหมดอายุการใช้งาน(ตามที่คาดคะเนไว้)เร็วกว่า มีโอกาสเปลี่ยนใหม่เร็วกว่า

มีโอกาสได้เปลี่ยนรถรุ่นใหม่ที่ทันสมัย สะดวก ปลอดภัยมากกว่าตามพัฒนาการของเทคโนโลยี่ที่เปลี่ยน

ส่วนคนที่ใช้งานรถน้อยกว่า กว่าจะครบอายุใช้งานที่คุ้มค่าเท่ากัน ต้องใช้นานกว่า ต้องใช้รถที่การพัฒนาการ

ด้อยกว่าไปนานกว่า ยิ่งนานกว่ามากๆโอกาสหาอะไหล่ได้ยากกว่า แถมมูลค่ามือสองตัวรถครบอายุใช้งานเที่ยบแล้วได้ราคาน้อยกว่ากรณีบน


สรุปว่า ถ้าซื้อรถมาแล้ว ใช้งานจริง เน้นว่าใช้งานนะครับ ใช้เยอะคุ้มกว่า

(ให้มองเห็นชัดๆ ต้องเป็นรถรุ่นเดียวกันแบบเดียวกัน ไม่หลงประเด็นว่าคันใช้น้อยแต่ไปใช้คันอื่นทดแทนด้วย)





« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ตุลาคม 18, 2016, 16:43:34 โดย tarahlm »



Tomz

ตอนนี้ใช้แต่ cx-3 ครับ มันสูงหน่อยพอลุยน้ำท่วมใน กทม ได้บ้าง ส่วน cla250 ตอนนี้จอดเก็บเงียบเลยครับช่วงนี้ รถมันเตี้ย กลัวน้ำท่วม
https://PrivateLadyEscorts.com - Local Secret Dating - No Selfie - Anonymous Casual Dating -   Local Private Lady



Slipknot`

ถ้ายิ่งเก่ายิ่งต้องใช้ ส่วนรถใหม่ๆไม่น่าเป็นปัญหา



Super hornet

จริงครับ ผมว่ารถญี่ปุ่นก็คงเป็นเหมือนๆกันนะ แนะนำว่าถ้าไม่จำเป็นก็ใช้คันเดียวให้เกิดประโยชน์สูงสุดไปเลยดีกว่า ถ้าจอดเฉยๆค่าใช้จ่ายที่ต้องดูแลมันไม่เคยจอดตาม บางปีผมกับแฟนจำเป็นต้องบินไปเช็คของที่ต่างประเทศ ต้องจอดรถไว้เป็นเดือนๆ พอกลับมาก็ต้องดึงเงินมาเปลี่ยนแบต ชาร์จไฟ เปลี่ยนยางต่างๆที่เสื่อมสภาพลงอีก มันเป็นสิ่งที่ไม่ควรจะเสีย ยิ่งถ้ามีหลายๆคันยิ่งเจ็บหนัก มีคันเดียวก็เจ็บน้อย
History of my car
2013 Lamborghini LP570-4 Superleggera For me
2006 Benz E200 Kompressor +Kleemann For wife
2008 Maserati Granturismo 4.2  For wife,me
2009 Jaguar XF 3.0 For sister
2014 Range Rover Evoque 2.2 Sold...
2009 Benz CL 500 second hand  Sold....
2001 Lexus GS300  Sold....



J_Serie5

ถ้าคุณยังห่วงเรื่องคุ้มไม่คุ้มเป็นหลัก ผมไม่แนะนำให้ซื้อครับ คนซื้อรถยุโรปเน้นการขับขี่ สมรรถนะ ภาพลักษณ์เป็นหลัก แต่จริงๆแล้วก็มีอีกทางเลือกก็คือรถยุโรปมือ2 ซึ่งน่าจะทำให้คุณห่วงเรื่องเงินที่ต้องจ่ายออกไปน้อยกว่าที่ต้องจ่ายตอนซื้อรถมือ1  ลองตัดสินใจดีๆครับ เพราะเหตุผลของแต่ละคนไม่เหมือนกัน



Arado_kung

ในกรณีอย่าง bsi ผมกลับคิดว่าอย่าใช้เยอะเกิน เพราะถ้าไมล์ไม่เกินแสน ก็ไม่ต้องจ่ายค่าบำรุงรักษาไป 5 ปี

แต่ถ้าสมมติใช้เยอะ 3 ปีไมล์เกินแสนแล้ว หลังจากนั้นจ่ายเองเต็มๆนะครับ แถมถ้ามีเหตุให้ต้องขายมือสอง

พอหมด bsi แล้ว ราคาก็โดนกดต่ำกว่ารถที่ยังเหลือ bsi อีกครับ แต่ถ้าคนรวยจริงๆเค้าคงไม่มาคิดหรอกมั้งครับ ว่าต้องใช้เท่าไหร่ถึงจะคุ้ม

BSI เปลี่ยนเป็น 5ปี ไม่จำกัดระยะทางแล้วครับ



mark2015

ในกรณีอย่าง bsi ผมกลับคิดว่าอย่าใช้เยอะเกิน เพราะถ้าไมล์ไม่เกินแสน ก็ไม่ต้องจ่ายค่าบำรุงรักษาไป 5 ปี

แต่ถ้าสมมติใช้เยอะ 3 ปีไมล์เกินแสนแล้ว หลังจากนั้นจ่ายเองเต็มๆนะครับ แถมถ้ามีเหตุให้ต้องขายมือสอง

พอหมด bsi แล้ว ราคาก็โดนกดต่ำกว่ารถที่ยังเหลือ bsi อีกครับ แต่ถ้าคนรวยจริงๆเค้าคงไม่มาคิดหรอกมั้งครับ ว่าต้องใช้เท่าไหร่ถึงจะคุ้ม

BSI เปลี่ยนเป็น 5ปี ไม่จำกัดระยะทางแล้วครับ

วารันตีหรือป่าวครับที่ 5 ปีไม่จำกัดระยะทาง
" เงินทองของนอกกาย ไม่ตายก็หาจนตาย "