ผู้เขียน หัวข้อ: เลขตัวหน้าน้ำมันเครื่องกับตัวดัชนีมาตรฐาน มีผลอะไรไหม?  (อ่าน 7030 ครั้ง)

ออฟไลน์ เซลล์ขายรถ

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 704
  • เซลล์ขายรถจริงๆนะครับ
กำลังจะเปลีย่น้ำมันเครื่องใหม่ครับ แต่ว่ากำลังลังเลนิดหน่อย ว่าจะใช้ตัวไหนดี

ในคู่มือเค้าบอกว่า 5w40 หรือ 10w40 มาตรฐาน API SM หรือสูงกว่า (รถปี2004)

ทีนี้......สงสัยว่ามันจำเป็นไหม เลขตัวหน้าเท่าที่เคยหาขอมูลมามันคือตัวเลขอุณหภูมิต้ำสุดที่ยังสามารถหล่อลื่นได้ (10 ก็ต่ำว่า 0 องศาเซลเซียลแล้ว)

คือสงสัยเพราะ เห็นน้ำมันเครื่องกึ่งเจ้าหนึ่งป๋องไม่ดีบาท (เน้นถ่ายบ่อย) มันเบอร์ 15w-40 API SN ป๋อง600 กว่าบาท 4 ลิตร ของเก่าที่ผมใช้มันแพงกว่าหน่อยแต่ 10w-40 4ลิตร  เกือบๆ900 เ

ทีนี้ไปถามในกลุ่มรถที่เค้าใช้รุ่นเดียวกันเค้า บอก ใช้ของยี่ห้อหนึ่ง  แต่เป็นน้ำมันเครื่องของรถดีเซล 10w-30 API CJ-4 / SL 6ลิตร 600นิดๆ (พอๆกับกับตัวบน)
ตรงนี้ผมพอเข้าใจว่ามันเติมด้วยกันได้ถ้ามาตฐานถึง เพราะน้ำมันเครื่องศูนย์ของโตโยต้า มันใช้ทั้งดีเซลเบนซินถ้ามาตรฐานมันได้

แต่ทั้งเบอร์ความหนืด ทั้ง มาตรฐานมันก็ต่ำกว่าที่คู่มือบอก พอถามเค้าหนักๆ เค้าก็ตอบมาแบบว่า ถ้ากลัวพังก็ไม่ต้องเติมครับ รถผมทั้งเซ็ทโบ ทั้งอะไรใช้มา3-4 ปีไม่เป็นไร

กรรมๆ ก็แค่อยากรู้ว่ามันมีผลไหม กลายเป็นซะแบบนี้

ปล. แต่หลังไมค์ไปถามช่างที่แกมีอู่ทำแต่พวกรถรุ่นที่ผมขับนี้ล่ะ แกก็เล่นในกลุ่มนั้น 2-3 เจ้าแกบอก ใส่ 10w-40 นั้นหละ  30ใสไป :-\
ต้องดันยอดเดี๋ยวเจอโกฮังจัดการ :(

ออฟไลน์ kaho300691

  • Jr. Member
  • **
  • กระทู้: 50
ในเมืองไทยก็ต้องบอกว่าไม่มีผลอะไร 20W-50 ผมก็เคยยัดมาแล้วครับ

ตัว W หรือ Winter เป็นตัวเลขความหนืดเมื่ออากาศเย็น เนื่องจากในประเทศหนาวอุณหภูมิมักติดลบ ดังนั้นตัวเลขหน้ายิ่งต่ำ ก็หมายถึงน้ำมันเครื่องจะคงสภาพและไม่เป็นไขที่อุณหภูมิที่กำหนด

ทำไมต้องบอกตัวเลข W ?? เพราะว่าตอนสตาร์ทเครื่องครั้งแรก จะเป็นช่วงเวลาที่เครื่องมีการสึกหรอมากที่สุด (เหล็กสีกับเหล็ก) เมื่อเครื่องยังไม่ติด น้ำมันเครื่องจะไม่ถูกดูดมาหล่อเลี้ยง ดังนั้นการที่น้ำมันเครื่องถูกดูดมาหล่อเลี้ยงได้เร็วเท่าไหร่ การสึกหรอก็จะน้อยลงมากเท่านั้น ถ้าหากน้ำมันเครื่องแข็งตัว นั่นหมายถึงเครื่องอาจจะสตาร์ทไม่ติด หรือติดก็พังเร็วได้ครับ ลอง youtube ดูคลิปฝรั่งพวก cold start หิมะตก จะเห็นว่าไฟแรงดันน้ำมันเครื่องมักจะดับช้าเสมอ (เพราะน้ำมันเครื่องเย็นจนหนืด จึงถูกดูดขึ้นไปหล่อเลี้ยงและได้แรงดันทำงานช้ามาก)

ตามเว็บบอร์ดฝรั่งเขา discuss กันว่า 0W สามารถทนได้ถึง -35C และ 10W ทนได้ถึง -25C ครับ (ไม่มี references)

ออฟไลน์ Newhang

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 5,338
ความเห็นส่วนตัวผม ของมันจะดี มักดีไปพร้อมๆกัน

ของถูกแล้วดี ไม่มีในโลก แต่ของแพง ก็ใช่ว่าจะดีเสมอไป

ออฟไลน์ Barracuda

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,395
ผมไม่สนนะ รอคุณjae แล้วกันนะครับ

ออฟไลน์ แมวดราม่า

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,573
  • แมวบ้า(ขับ)รถ
อธิบายสั้นๆ ส่วนมากพวกเบอร์ตัวหน้าน้อยๆ จะคุณภาพดีกว่าครับ
หรือในยี่ห้อเดียวกัน สมมติต้องเลือกสักตัว ดูเบอร์หลังให้เหมาะกับสภาพเครื่อง แล้วก็ตามงบครับ จัดดีได้ที่สุดตัวไหน ก็จัด

แต่ถ้าอธิบายยาวๆ ก็จะยาวครับ เช่น มีการเติม Additive ให้เหมาะสมกับสภาพเบอร์ Winter
ใช้อากาศหนาวแล้วยังคงสภาพการไหลได้ ไม่แข็งตัว รองรับการหล่อลื่นตอนสตาร์ตอุณหภูมิเป็นน้ำแข็ง ฯลฯ ซึ่งบ้านเราคงไม่ได้ใช้ประโยชน์

ซึ่งก็เคยมีบางยี่ห้อ เช่น Z... ที่น้ำมัน X... ในไทย 5W เป็นเบสเกรดหนึ่ง 0W เบสอีกเกรด แต่ไม่เอามาขาย ก็มีครับ
Dare to Drama! | Original Nissan X-Trail Club Thailand: http://www.facebook.com/groups/180634121979355/

ออฟไลน์ เซลล์ขายรถ

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 704
  • เซลล์ขายรถจริงๆนะครับ
แล้วเกรดของนำมันอ่ะครับ
ต้องดันยอดเดี๋ยวเจอโกฮังจัดการ :(

ออฟไลน์ ยิ้มละไม

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 992
เคยเห็น น้ำมันเครื่องโมบิล 1  สีทอง 0W‐40 แค่ราคาค่อนข้างแพง 2XXX / แกลลอน เป็นแบบ FULLY แท้ ๆ

ออฟไลน์ zapdos191

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 683
จริงๆถ้าไม่ตีนหนักมาก เค้นเครื่องกันจนหน้าดำหน้าแดง ผมว่าไม่น่ายากนะครับ ก็เอาตามคู่มือ โดยสังเกตุได้จาก

1. เบอร์น้ำมันเครื่อง ตัวหลัง เช่น เบอร์ 0W-40, 15W-50 เอาเลข 40 กับ 50 เป็นหลักครับ บ้านเราเลขหน้าที่เป็นเลขสำหรับอากาศหนาวไม่มีผลอะไร

2. Standard น้ำมันเครื่อง เช่น API, ILSAC เป็นต้นครับ ส่วนใหญ่ก็ยึดจาก API ครับ SM SN เป็นต้น

3. เป็นน้ำมันกึ่งสังเคราะห์/สังเคราะห์ 100%

3 ข้อนี้ก็น่าจะพอคัดได้แล้วมั้งครับ ตามคู่มือล้วนๆเลย ส่วนยี่ห้อผมว่า ถ้าไม่ได้เค้นกันจริงๆผมว่าวัดกันลำบากนะ คะแนนศรัทธาล้วนๆ

-------- Toyota Vios 2003 --------
-------- Subaru WRX STi 2015 --------
-------- Honda Jazz GK5 --------
-------- BMW G20 330i --------
-------- Subaru Impreza WRX STi 2008 (GRF) --------
-------- Subaru Forester XT (SJG) MC --------

jaesz

  • บุคคลทั่วไป
ผมไม่แน่ใจว่าผมจับใจความคำถามถูกไหม

1. เลขตัวหน้า ตราบใดที่อุณหภูมิทั่วไปรอบๆตัวเราไม่ทำให้น้ำมันเครื่องกลายเป็นน้ำผึ้งข้น ๆ หรือ ขนมตังเม ตัวเลขหน้า W ไม่มีผลอะไรกับการใช้งานครับ

2. ตัวเลขหลังคือ ความหนาของน้ำมันเครื่อง บนมาตรฐาน SAE ที่ 100องศาเซลเซียส มันจะมีผลหรือไม่ก็อยู่ที่ว่าอุณหภูมิที่คุณเอาไปใช้ คือเท่าไหร่ครับ ถ้ามองละเอียด ต้องมองว่า กี่ Centistroke น้ำมันเครื่องจะหล่อลื่นได้อย่างพอเพียงไม่สร้างความเสียหายเลย จะต้องมีความหนาราว ๆ 20cst เพื่อจะไม่เกิดรอยเลยบนแคมชาฟ์แบรริ่ง (หลายคนอ่านตรงนี้คงสงสัยว่ามาได้อย่างไร ต้องกลับไปอ่าน Lubrication Regime ก่อนครับ ผมเคยแปะไว้ ขี้เกียจหามาให้ละ) ไอ้ตัวเลข 20 คือค่ากลม ๆ ไม่ได้ตายตัว เปลี่ยนแปลงไปตามการออกแบบเครื่องยนต์ แต่แน่นอนว่าไม่มีน้ำมันเครื่องตัวไหนทำแบบนี้ได้ เพราะน้ำมันเครื่องจะร้อนไปจนมันบางกว่านี้  และมันจะเปลี่ยนแปลงไปตามภาระของเครื่องยนต์ ความเร็วรอบอีกด้วย เพราะส่วนนี้คือ Kinematic Viscosity

ย้อนนิดนึงก่อนจะสรุป เข้าใจก่อนว่า เขาไม่ได้คิดให้มันไม่เกิดความเสียหายเลย เขาคิดให้มันเสียหายไม่มาก หรือถ้าใครคิดว่าไม่เสียหายเลย เพียงพอแน่นอน แสดงว่าเครื่องจะไม่หลวมเลยงั้นหรือ ? ไม่ต้องตอบ ผมรู้คำตอบแล้ว มันอยู่ใน Lubrication Fundametal

ถ้าถามผมตรงนี้ว่าเบอร์มาตรฐาน มีผลไหม ก็ต้องตอบว่า มีผลล่ะ แต่มากหรือน้อย ก็ขึ้นกับรถ และการขับขี่ของคุณด้วยครับ ขับรุนแรงกว่าปรกติ อุณหภูมิสูงกว่าปรกติ ก็ต้องใช้เบอร์หนาไว้กว่าปกติ จะปกป้องและหล่อลื่นได้ดีกว่า ลื่นกว่าเบอร์บาง

3. 0W 10W 15W ชนิดน้ำมัน ตัวไหนดีกว่า ?

แหม คำถามนี้ ผมเคยถามในการบรรยายแห่งหนึ่ง มีเอกสารแปะไว้ที่Headlightmag นี่อีกนั่นแหละ นานแล้ว ไม่รู้Link มันยังอยู่ไหม

ต้องเกริ่นกันก่อน เอาแบบไม่ต้องเกริ่นไกลไปถึงก่อนจะมีไดโนเสาร์นะ

น้ำมันเครื่อง GROUP III ที่เรา ๆ ท่าน ๆ เรียกกันนี่ ย่านความหนืดมันต่ำมากครับ คือ ออกจากการผลิตมันจะบางใกล้ๆ กับน้ำทะเลเลย ไม่มีเบอร์หนา ๆ ผลิตออกมา100celcius จะอยู่ที่ 6-7cStเท่านั้น  ไม่ใช่ Multigrade นะครับ คือมันก็เหนียวทีี่อุณหภูมิต่ำบางที่อุณหภูมิสูง VI ต่ำมาก  คราวนี้ จะทำให้มันหนาพอที่ีจะเอาไปใช้งาน ก็ต้องใส่ Emulsifier (ซึ่งบางทีก็คือน้ำมันGroup II) หรือตัวเพิ่มความหนืด ทำให้มันหนาขึ้น ใครเคยซื้อ STP BAHDAL OMEGAที่เรียกว่าหัวเชื้อมันก็เพื่อการนี้แหละครับคนยุกผมน่าจะเคยสัมผัสน้ำมันหัวเชื้อหนืดๆ

พอมันหนาขึ้น เป็นเบอร์ SAE40 SAE50 เฮ้ย คราวนี้มันหนาไปกับเมืองหนาวและยังบางไปกับเครื่องร้อน ก็เลยต้องใช้ Polymer ที่ทำให้มันเหลวได้เวลาเย็น และ หนาได้เวลาร้อน  อันนี้เขาเรียกPolymer ว่าเป็นสารเติมแต่ง Additive จำพวก Viscosity Index Improver

คราวนี้พอได้น้ำมันเครื่องทีผสมนั่นโน่นนี่แล้วก็พร้อมเอามาใช้ล่ะ ซึ่งเป็นแบบที่เราพบเห็นได้มากที่สุดในโลกเลย Group III + additive สารพัด

ย้อนไปอีกนิดนึง ในสมัยที่ยังไม่สามารถผลิตน้ำมันพวก Group III ได้ดีเท่าปัจจุบัน ยังมีน้ำมันกลุ่มที่เรียกว่า PAO หรือน้ำมันเครื่องสังเคราะห์จริง ๆที่เกิดจากการเปลี่ยนรูปของก๊าซส่วนเหลือใช้จากหอกลั่นน้ำมัน กลุ่ม Ethylene มาเปลี่ยนให้เป็นของเหลว น้ำมันกลุ่มนี้ในยุกแรก ๆ ถือว่าสะอาดกว่า คงที่กว่า และ เสถียรกว่าไม่เปลี่ยนรูปเป็นกรดง่ายเหมือนพวกกลุ่มอื่น ๆ และเป็นที่นับถือในกลุ่มยุโรปว่าเป็นน้ำมันเครื่องสังเคราะห์ที่ดีอันดับต้น ๆ

PAO มันมีข้อดีอีกอย่างคือ ผลิตมาปุ๊ป มีความหนืดที่คงที่แม้อุณหภูมิเปลี่ยน และสามารถผลิตได้หลาย SAE ตั้งแต่ 0-100 เลย แต่ที่นิยมมากคือเบอร์ 20,30 เกิดมาก็เป็น 10W-20 15W-30 15W-40 เลย ไม่ต้องเติมนั่นนู่นนี่ลงไป ง่ายไหมล่ะ

อีกกลุ่มนึง คือ ESter คือ Ester นี่ มันก็มีมานานแล้วครับ แต่ด้วยคุณสมบัติที่ีมันเป็นกรดอ่อน ๆ และกลับไปเป็นกรดแก่ ๆ ได้ง่าย แถมขั้นตอนผลิต วัตถุดิบคือแอลกอฮอลไม่ได้ถูกนักเหมือนตัวอื่น  ๆ ถึงแม้จะเกาะบนผิวได้ดีเพราะมีความหนืดสูงคงทีกว่า PAO อีกนิดหน่อย ทำให้มันกลายเป็นน้ำมันสำหรับรถแข่งเสียมากกว่า เพราะใช้กันรอบเดียวแข่งจบก็ถ่ายออกได้เลยไม่ต้องห่วงว่ามันเสีย เพราะไม่ได้ใช้นานอะไร

วันเวลาผ่านไป เทคโนโลยีมันเปลี่ยนไป GroupIII ถูกพัฒนาสูงมากถึงขั้น--

--สะอาดกว่า เสถียรกว่า PAO เกรดต่ำ ๆ VI สูงเมื่อเทียบกับPAO เกรดดี ๆเช่น PAO แบบ Tri-Iso.
-- มีการสร้าง Additive ที่ทำให้น้ำมันดีได้มากมายหลายชนิด บริษัทน้ำมันใหญ่ ๆ ก็เลย สามารถผลิตน้ำมันโดยไม่ต้องพึ่งพา PAO ESTer มากนัก เอามาแค่ผสมทำเป็นตัวเพิ่มความหนืดก็ดี ทำเป็นสารจับเขม่าก็ดี
----แถมยังมีความหนืดที่ต้องการได้ง่ายๆอีกด้วย

ยาวไป ไม่รู้พอจะสรุปได้ไหมว่า 0W ไม่ได้ทำจากน้ำมันดีกว่า 10W หรือเบอร์W อื่นๆที่สูงกว่าเลย มันเป็นแค่การเติม Additive มากน้อยไม่เท่ากัน Demulsifier ไม่เท่ากัน และอาจจะทำให้น้ำมันมีคุณสมบัติปกป้องแย่ลงเวลาเครื่องร้อนด้วยซ้ำไป

 ถ้าคำอธิบายไม่พอ คงต้องพึ่งตัวเองกันนะครับ หรือถ้ามีคนต้องการมาก ๆจริง ๆ จะมาเปิดกระทู้อธิบายให้ฟังละเอียดอีกทีแล้วกันครับ

ขออภัยที่ไม่แปะลิงค์ เคยแปะแล้วทั้งนั้น  แปลให้แล้วน่าจะดีกว่าครับ ถ้าใครอยากได้จริง ๆ ถามมาครับ มีอ้างอิงอยู่ครับ ว่าง ๆ จะหาให้

 
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ธันวาคม 27, 2016, 21:27:24 โดย Jae »

ออฟไลน์ SM.

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 27,427
ความรู้เต็มๆๆ

ออฟไลน์ TorTy

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,992
ทีนี้ในบ้านเราถ้าเป็น สังเคราะห์ ส่วนใหญ่จะมีแค่ 0W 5W หลังๆพอเห็นบางยี่ห้อ 10W ส่วนใหญ่ในบ้านเรายังต้องดูเลขตัวหน้าด้วยไม๊ครับ
เพราะ OW 5W ดูในใบสเป็คพื้นฐานน้ำมันต่างกันในหลายๆยี่ห้อ

ออฟไลน์ TrentXWB

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 831
  • เมาไม่ขับ ง่วงไม่ขับ
เค้าเคยเห็น 0w100 แวบๆ  ;D

ออฟไลน์ Tue

  • Newbie
  • *
  • กระทู้: 22
    • อีเมล์

ออฟไลน์ samaklen

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,919
คุณ Jae  :)
ขอบคุณครับ

ออฟไลน์ Turin

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 3,050
แล้วพวกเกรด SM / SN / SJ ... คืออะไรครับ

jaesz

  • บุคคลทั่วไป
ทีนี้ในบ้านเราถ้าเป็น สังเคราะห์ ส่วนใหญ่จะมีแค่ 0W 5W หลังๆพอเห็นบางยี่ห้อ 10W ส่วนใหญ่ในบ้านเรายังต้องดูเลขตัวหน้าด้วยไม๊ครับ
เพราะ OW 5W ดูในใบสเป็คพื้นฐานน้ำมันต่างกันในหลายๆยี่ห้อ
มีสังเคราะห์ 10wเลยก็มีแล้วไปใส่VI Improverเอาก็ได้

ที่บอกว่า0w 5wเบสต่างกันนี่ ยี่ห้อเดียวกันรุ่นเดียวกันไหมครับ? ยกตัวอย่างมาผมตอบได้จะตอบให้

แล้วพวกเกรด SM / SN / SJ ... คืออะไรครับ

มาตรฐานการทดสอบคุณสมบัติน้ำมันที่มีขั้นตอนและวิธีครับ API ของรถเบนซิน จะขึ้นด้วยSแล้วตามด้วย A, b, c,.... ปัจจุบันมาตรฐานสูงสุดที่กำหนดไว้ถึงแค่ SN ครับ

รายละเอียดคงต้องอ่านในนี้ครับ http://www.api.org/products-and-services/engine-oil

jaesz

  • บุคคลทั่วไป
การเลือกน้ำมันเครื่อง สำคัญที่สุดคือ แท้ ทน และถูกเบอร์ครับ

อย่าให้ราคา ยี่ห้อ แพคเกจ มาหลอกคุณ เหมือนกับที่เคยเกิดขึ้นกับ BMW มาก่อน น้ำมันแพงแต่คุณสมบัติไม่ต่างจากน้ำมันโหลๆ อายุสั้น ไม่ทนร้อน จนสุดท้ายหมดสัญญาก็เลิกกันไปแบบนั้นเอง

ออฟไลน์ Turin

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 3,050
ทีนี้ในบ้านเราถ้าเป็น สังเคราะห์ ส่วนใหญ่จะมีแค่ 0W 5W หลังๆพอเห็นบางยี่ห้อ 10W ส่วนใหญ่ในบ้านเรายังต้องดูเลขตัวหน้าด้วยไม๊ครับ
เพราะ OW 5W ดูในใบสเป็คพื้นฐานน้ำมันต่างกันในหลายๆยี่ห้อ
มีสังเคราะห์ 10wเลยก็มีแล้วไปใส่VI Improverเอาก็ได้

ที่บอกว่า0w 5wเบสต่างกันนี่ ยี่ห้อเดียวกันรุ่นเดียวกันไหมครับ? ยกตัวอย่างมาผมตอบได้จะตอบให้

แล้วพวกเกรด SM / SN / SJ ... คืออะไรครับ

มาตรฐานการทดสอบคุณสมบัติน้ำมันที่มีขั้นตอนและวิธีครับ API ของรถเบนซิน จะขึ้นด้วยSแล้วตามด้วย A, b, c,.... ปัจจุบันมาตรฐานสูงสุดที่กำหนดไว้ถึงแค่ SN ครับ

รายละเอียดคงต้องอ่านในนี้ครับ http://www.api.org/products-and-services/engine-oil
ขอบคุณครับ