............สิ่งที่ต้องไม่ลืมคือ กุญแจ.......
1. ปลอดภัยที่สุด ดีเซล
2. ปลอดภัยรองลงไป lpg หัวฉีดล้วน แบบแท็กซี่
3. น้ำมันเบนซินที่มีระบบตัดปั๊มติ๊ก เมื่อเกิดอุบัติเหตุ(เป็นรองข้อ 2 ตรงที่แรงดันในรางหัวฉีด ราว ๆ 2 บาร์ lpg 1.2 บาร์) ถ้าท่อเชื้อเพลิงฉีกขาดหนักกว่า เกิดไฟได้นานกว่า lpg
4. รถใช้น้ำมันทั่วไปและ ใช้ สองระบบ ..... เมื่อเปิดกุญแจ on หากท่อฉีกขาด จะฉีดน้ำมันเลี้ยงไฟตลอดเวลา และหากเป็นใช้สองระบบ เมื่อแก๊สตัดการจ่าย มันจะผลักให้ปั๊มติ๊กทำงานมีผลเหมือนใช้น้ำมันล้วน....
cng ไม่ได้ศึกษา ไม่ขอพูดถึง...
เมื่อมีอุบัติเหตุ สิ่งที่ต้องไม่ลืมคือปิดกุญแจ ก่อนจะทำอะไรทั้งหมด
ผมไม่มีข้อมูลว่าชนิดเชื้อเพลิงไหนติดไฟได้ง่ายหรือยากกว่ากัน และผมเชื่อคุณว่า เบนซินอาจจะติดไฟได้ง่ายและนานกว่า LPG แต่ถ้ามองโดยรวมคุณจะบอกว่ารถที่ผ่านการดัดแปลงพลังงานเชื้อเพลิงจะปลอดภัยกว่ารถสแตนดาร์ดตามมารตฐานโรงงานผลิตรถยนตร์ผมไม่เห็นด้วย และยังไงเครื่องยนตร์ได้ออกแบบมาให้ใช้กับน้ำมันตั้งแต่ต้น ไม่ได้ออกแบบมาให้ใช้แก็ส ส่วนที่ใช้ระบบแก๊สออกมาจากโรงงานก็ได้มาตรฐานของเค้า
กรณีรถตู้ผมก็มองว่าเชื้อเพลิงแก๊สเป็นแพะ และรถตู้น่าจะเป็นชนิด NGV/CNG แต่ยังไงรถยนตร์ก็ไม่ควรใช้ LPG ตั้งแต่ต้น
ถ้าคุณศึกษา lpg คุณจะเข้าใจ ถ้าใช้ lpg ล้วน ๆ เกิดการชนด้านหน้า ปลอดภัยกว่าน้ำมัน มากว่าร้อยละแปดสิบ เพราะ
กล่องแก๊สหัวฉีดทุกกล่อง จะสั่งตัดการจ่ายเชื้อเพลิงทันทีที่เครื่องยนต์ดับ ไม่ว่ากรณีใด ๆ ก็ตาม...แต่มันจะผลักการจ่ายเชื้อเพลิงเป็น เบนซิน ถ้าไม่มีเบนซิน มันจึงปลอดภัยกว่า คือดับไปเลย...
แต่เบนซินรุ่นเก่า ๆ ไม่ตัดครับ กุญแจ เปิด on ท่อจะฉีกขาดอย่างไร มันก็จะปั๊มจนกว่าน้ำมันจะหมดถัง...
นั่นคือความแตกต่างที่ทำให้ผมยกให้มันปลอดภัยสุด ส่วนในท่อแรงดันต่ำ มีแรงดันประมาณ 1.2 บาร์ พอ ๆกับคุณบิดหัวถังแก๊สในครัวปิด 15 วินาทีหมดจากท่อแรงดันต่ำแล้วครับ....
ผมจึงเชื่อว่า lpg ล้วน ๆ ปลอดภัยเป็นรองแค่ดีเซลเท่านั้น จะเห็นได้ว่า ถ้าแท็กซี่ที่ใช้ lpg ล้วน ๆ ไฟไหม้น้อยมาก
*** ผมให้ความเห็นว่าชนด้านหน้า แต่ถ้า ชนด้านหลัง เบนซินปลอดภัยกว่า .....เพราะถังน้ำมันวางกลาง....