ผู้เขียน หัวข้อ: ทำไมรถยุโรปมันต้องออกแบบมาซ่อมให้แพงด้วยครับ ไม่รู้จะแพงไปถึงไหน  (อ่าน 10364 ครั้ง)

ออฟไลน์ Auto

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 4,635
    อ่านข่าวเก่าในปีนี้ทางการลาว ทยอยปลดระวางรถ  Benz และ BMW  ที่เ็ป็นรถประจำตำแหน่งของข้าราชการ  โดยให้ขรก ลาวทั้งหลายทยอยส่งมอบรถคืนให้ทางรัฐบาล  โดยรถที่ส่งคืนจะถูกนำไปประมูลขายในตลาดเพื่อนำเงินกลับมาให้ภาครัฐต่อไป      ทั้งนี้ส่วนสำคัญในการตัดสินใจมาจากความต้องการลดค่าซ่อมบำรุงรถยนต์จำนวนมหาศาล ของรถยนต์เหล่านี้

  โดยรถที่จะนำเข้ามาประจำการแทน คือ โตโยต้าคัมรี่เครื่อง 2.5 เบนซิน  กับ โตโยต้าแลนด์ครุยเซอร์     ซึ่งจะทยอยส่งมอบให้กับทางการลาวให้นำไปเป็นรถประจำตำแหน่งข้าราชการต่อไป      ทั้งนี้ทางการลาวคาดว่าจะลดค่าซ่อมบำรุงต่อปีลงได้จำนวนมาก

ออฟไลน์ Smith686

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,949
    • อีเมล์
    รถแพงอะไหล่ก็แพงตาม  รถถูกค่าอะไหล่ก็ถูกตาม  ค่าซ่อมก็สัมพันธ์กับค่าอะไหล่ ช่างบอกว่าค่าอะไหล่แพงถ้าเกิดความผิดพลาดหรือความเสียหาย ความรับผิดชอบของช่างก็สูงตามไปด้วย

ออฟไลน์ S6

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,134
รถถ้าไม่มีภาษีราคาตั้งต้นต่างกันไม่มาก
แต่ราคาอะไหล่กลับแพงกว่า
อะไหล่นำเข้าเสียภาษี 25%
คิดว่า ราคาอะไหล่ มาจากการตลาดของผู้ผลิตจากยุโรป และผู้ขายที่ตั้งสินค้าให้อยู่ในเกรด..

ออฟไลน์ Fong

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 4,018
  • Make a Choice and Don't Look Back
    • อีเมล์
ก็ต้องแพงตามแหละครับ เป็นเรื่องธรรมดาครับ

ได้ยินจากคนรู้จักว่า ถ้าหาอู่นอกที่ไว้ใจได้ก็ราคาค่าซ่อมก็ไม่แพงขนาดนั้น

ซึ่งปัญหาก็คือผมหาอู่ที่ว่านั้นไม่ได้นะสิครับ

ผมก็มีปัญญาที่ซื้อได้ แต่ไม่มีปัญญาดูแล เลยต้องใช้พี่ยุ่นต่อไปครับ
Isuzu มังกรทอง, Accord G4, Colorado, Hilux Tiger, Lancer MK I, Triton, D-Max Cab4, TiiDA, Mazda2 MK I, Mazda2 MK II, D-Max Space, Fortuner, Sunny B14, Jazz GK, Accord G9, Mazda2 Sky, GLA200, Yaris, Alphard30, Lancer MK II, Lander MK III, Ranger MC, XL7, Forester SK

ออฟไลน์ oryor

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 661
เพราะว่ารถเยอรมันมีความตั้งใจในการทำมากกว่ารถญี่ปุ่นเยอะครับ
รถญี่ปุ่นก็มักจะตัดส่วนประกอบต่างๆออกเพื่อที่จะลดต้นทุน
ราคาที่เมืองนอกค่อยข้างใกล้เคียงกันก็จริง แต่พอมาเมืองไทยรถยุโรปก็แพงกว่าเยอะ ถ้าถามถึงความคุ้มค่ากับเงินที่จ่ายไป ผมว่ารถยุโรปคุ้มกว่าครับ
แต่คุณก็ต้องมีงบประมาณในการซ่อมบำรุงเหมือนกัน

เป็นคนชอบขับรถ ชอบรถมักจะเลือกรถยุโรปครับ
แต่ถ้าคิดว่ามันก็แค่ยานพาหนะที่จะพาเราไปที่ต่างๆ ก็เลือกญี่ปุ่นเถอะครับ ประหยัดเงินในกระเป๋ามากกว่าเยอะ

ออฟไลน์ dt9

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 829
    • อีเมล์
ที่ว่ารถยุโรปตั้งใจทำมากกว่ารถญี่ปุ่นนั้นก็จริง ใช้เงินพัฒนาไปเยอะกว่าในแต่ละรุ่น
แต่จากที่ใช้ทั้งรถยุโรปและญี่ปุ่นผลที่ได้ผมว่ามันกลับแย่กว่ารถญี่ปุ่นนะ ทั้งปัญหาเยอะ และไม่ค่อยทนทาน

jaesz

  • บุคคลทั่วไป
ตอบสั้นๆ คงต้องบอกว่าPremium ครับ คลาดหลุ่มนี้ไม่ทำอะไรเอง เอาเข้าศูนย์ จ่ายเงินมากกว่า

ถ้าถามในcore product วัสดุหลายๆอย่าง "เคย"ดีกว่ารถญี่ปุ่นทุกรุ่น เหล็กแข็งแรง เก็บเสียงดี ช่วงล่างนุ่มแข็งได้ตามความเร็ว ช่วงล่างซับซ้อน ของพวกนั้ทำให้เวลาซ่อมก็ซับซ้อนยุ่งยากไปด้วย

ลองถอดกรองอากาศ M47ดูครับ แค่ถอดเอามาเป่ายังต้องรื้อฝาไขน็อตอีกกี่ตัว แต่ Vigo ถอดคลิปสามตัว

ถามวิศวกรเขาว่าทำแบบนี้ทำไม ให้มันยุ่งยาก เขาก็อ้างเหตผลอีกร้อยแปด สุดท้ายมันก็แค่ ทำให้premium นั่นละครับ

ออฟไลน์ Paully

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 205
    • อีเมล์
ความรู้สึกอาจจะกลับกัน ถ้าอยู่ยุโรปแล้วใช้รถญี่ปุ่น(นำเข้า)

ออฟไลน์ ps000000

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 7,768
ผมก็จำได้ว่า ซ่อมแพงมาหลายสิบปีละครับ

ออฟไลน์ Life is a Highway

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,334
  • My Way or The Highway
เป็นคำสั่งนโยบายของนายกรัฐมนตรีลาว ที่ต้องการประหยัดเป็นตัวอย่าง สงสัยว่าการเมืองลาวไม่รุนแรง?

ออฟไลน์ kiwiwi

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 4,889
ผมใช้  mitsubishi space wagon 200000 ไม่เคยเปลี่ยนบุ้ชปีกนกเปลี่ยนแต่บุ้ชกันโครง 3 ชุด
คันชักคนส่ง ก็ไม่เคยทำ

ใช้ w202 150000 โดนช่วงล่างไปชุดนึง

ใช่หรอ ที่ว่ายุโรปทนกว่า

ออฟไลน์ Smith686

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,949
    • อีเมล์
ผมใช้  mitsubishi space wagon 200000 ไม่เคยเปลี่ยนบุ้ชปีกนกเปลี่ยนแต่บุ้ชกันโครง 3 ชุด
คันชักคนส่ง ก็ไม่เคยทำ

ใช้ w202 150000 โดนช่วงล่างไปชุดนึง

ใช่หรอ ที่ว่ายุโรปทนกว่า
   เครื่องยนต์ทนกว่าครับ  ส่วนช่วงล่างขึ้นอยู่กับการใช้งาน

ออฟไลน์ Stp

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 3,530
นับรวมถึง Lexus ด้วยไหม ? แว่วๆ ว่าฟันเลือดสาดกว่ายุโรป 2 แบรนด์ไม่น้อย

บางทีท่านรัฐมนตรีโละ Benz, BMW แต่สั่งรถญี่ปุ่นอย่าง Lexus ท่านอาจจะรีบเรียก Benz, BMW กลับมาประจำตำแหน่งเหมือนเดิมก็ได้  ;D
:D ;D ร่วมรณรงค์รักการอ่านหนังสือ แทนการถามตลอดเวลา ;D :D

ออฟไลน์ GoatGoat

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 896
ถ้าจะเอาทนเน้นเรื่องค่าบำรุงรักษาใช้พี่โตถูกแล้วครับ ถ้าไม่ได้ขับเกิน 140 บ่อยๆ ผมยังหาความคุ้มของยุโรปไม่เจอนอกจากภาพลักษณ์
BMW บอกไม่ต้องเปลี่ยนน้ำมันเกียร์ ใครทำตามก็เกียร์พังช้าเร็วทั้งนั้น MB เพื่อนผมบางคันไม่ถึงแสนก็พังละ
ช่วงล่างผมเคยเห็นช่างเค้ารื้อของ Bentley ออกมาให้ดู วิ่งไม่ถึงแสนก็บูซก็ฉีกแล้ว
Lexus ก็ไม่ถูก แต่ระยะยาวถ้าเข้าศูนย์ยังไงก็ถูกกว่ายุโรปครับ จ่ายมาเองกับมือ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มกราคม 28, 2017, 20:10:00 โดย GoatGoat »

Nonlamer

  • บุคคลทั่วไป
ก็เป็นยังงี้มานานละครับ

PKS8

  • บุคคลทั่วไป
ผมก็สงสัยเหมือนกันครับ ที่เห็นแน่ๆคือ พวกเซนเซอร์จุดต่างๆเยอะมาก แต่ที่ผมใช้รถมากลับไม่ค่อยมีประโยชน์เลย เวลาเสียไม่เปลี่ยนก็ไม่ได้ และการออกแบบชิ้นส่วนห้องเครื่อง และ Layout ช่วงล่างที่ซับซ้อน ซ่อมยาก แต่ปัจจุบันไม่ได้ไม่เกาะถนนดีกว่า หรือนิ่มนวลกว่ารถญี่ปุ่นเท่าไหร่ หรือแม้กระทั่งการเก็บเสียงที่เมื่อก่อนต้องยอมรับว่าเหนือกว่าญี่ปุ่นหลายขุม แต่ปัจจุบันก็หนีกันไม่ออก เผลอๆบางรุ่นเก็บเสียงแย่กว่ารถญี่ปุ่นด้วยซ้ำ

ส่วนเรื่องความทนทาน รถยุโรปนี่แพ้หลุดลุ่ยเลยครับ ทั้งเครื่องยนต์ ช่วงล่าง และภายใน ไม่ทนแดด ทนร้อนแบบบ้านเราเท่ารถญี่ปุ่นเลยครับ

ออฟไลน์ axister

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,202
ความรู้สึกอาจจะกลับกัน ถ้าอยู่ยุโรปแล้วใช้รถญี่ปุ่น(นำเข้า)

ก็ยังถูกกว่าครับ lexus ในอังกฤษ ถูกกว่า merc พอดูเลย

ออฟไลน์ whoami

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,175
    • อีเมล์
ถ้าแพงกว่าแล้วทนกว่า มันก็น่าจ่าย แต่แพงกว่ากลับพังง่ายกว่า

เพราะเค้าไม่ได้ขายความทนทาน เค้าขาย ภาพลักษณ์

ออฟไลน์ bingoman

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,366
ถ้าพูดเรื่องเงิน ก็ถูกแล้วครับที่ไปรถตลาด ค่าใช้จ่ายย่อมถูกกว่า  เพราะทั้ง quality และ economy of scale  รวมถึง premium

แต่ถ้าถามถึงสมรรถนะ  ความปลอดภัย  รถ premium เหนือกว่ารถแบรนด์บ้านๆ ญี่ปุ่นแน่นอน   แต่ถ้า premiumยุ่น vs premiumเยอรมัน 

อันนี้ต้องเทียบเป็นรุ่นๆ และหัวข้อๆ ไป แต่ Lexus ไม่ถูกกว่าเว่อแน่นอน  แต่ก็ต้องยอมรับว่า Lexus ทำรถดี  แต่พอดูอัตราเร่ง อัตราสิ้นเปลือง  ปกติก็แพ้คู่แข่งเค้าหมดหละ

GS200t  240 กว่าแรงม้า  ปรากฎว่าอัตราเร่งยังแพ้ 520i ที่มีแค่ 184 แรงม้าเลย
รวมถึงอัตราสิ้นเปลืองด้วย  Lexus ยังไงก็ยังตามหลังเยอรมัน ในส่วนเครื่องยนต์ ระบบส่งกำลัง และอัตราสิ้นเปลือง  ยุ่นทั่วๆ ไปเลยหนีไปใช้ CVT หมด  แต่ Lexus จะมาใช้ CVT ก็เสียศักดิ์ศรีดิ์อีก เพราะ CVT ขึ้นชื่อว่าเป็นเกียร์ที่เอาไว้ลด cost แถมอรรถรสก็สู้ auto ธรรมดาไม่ได้ด้วย  ยิ่งไม่ต้องไปเทียบ DCT ของ VW เลย

ออฟไลน์ InBkk

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,115
ไม่ต้องถึงกับรถหรอกครับ เอาแค่มือถือก็พอ

Smartphone ราคาหลักพัน แบตเสื่อม ก็ไปหาซื้อแบตก้อนละไม่กี่ร้อย เปิดฝาปิด เปลี่ยนเอง ใช้เวลา่ไม่ถึงนาที
ลองถ้าเป็น Smartphone ระดับ Flagship หรือ iphone สิครับ แบตเสื่อมคือ ทิ้งอย่างเดียว หรือไม่ก็ต้องผ่าเครื่อง แบตก็แพง

คำถามคือ ถ้า Smartphone เครื่องละ 3 หมื่นสมัยนี้ มีฝาครอบแบตที่ถอดได้ มันจะยังดู Premium อยู่ไหม เมื่อเทียบกับแบบไร้รอยต่อ แน่นหนาทุกมุม

ออฟไลน์ OHMMY

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 494
    • อีเมล์
ผมมองเหมือนหลายท่านว่ามันคือความ premium น่ะครับ
มันถูกสร้างมาด้วยราคาแบบนี้ ( ถูกแพงแล้วแต่คนมอง ) มันไม่ใช่ของที่จะเหมาะสมกับคนทั่วไปน่ะครับ
คนที่ไม่ใช่ ยังไงก็คือไม่ใช่  ;)

ออฟไลน์ TorTy

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,992
เพราะว่ารถเยอรมันมีความตั้งใจในการทำมากกว่ารถญี่ปุ่นเยอะครับ
รถญี่ปุ่นก็มักจะตัดส่วนประกอบต่างๆออกเพื่อที่จะลดต้นทุน
ราคาที่เมืองนอกค่อยข้างใกล้เคียงกันก็จริง แต่พอมาเมืองไทยรถยุโรปก็แพงกว่าเยอะ ถ้าถามถึงความคุ้มค่ากับเงินที่จ่ายไป ผมว่ารถยุโรปคุ้มกว่าครับ
แต่คุณก็ต้องมีงบประมาณในการซ่อมบำรุงเหมือนกัน

เป็นคนชอบขับรถ ชอบรถมักจะเลือกรถยุโรปครับ
แต่ถ้าคิดว่ามันก็แค่ยานพาหนะที่จะพาเราไปที่ต่างๆ ก็เลือกญี่ปุ่นเถอะครับ ประหยัดเงินในกระเป๋ามากกว่าเยอะ
ถ้าสมัยสัก 20 กว่าปีที่แล้วตอนยังตามเทคโนโลยีไม่ทันผมเห็นด้วยครับว่าตามไม่ทัน แต่พูดถึงความตั้งใจในการทำตัวรถถ้าให้งบเท่ากันตลาดการแข่งขันเดียวกันผมว่าคนณี่ปุ่นเรื่องความตั้งใจคุณภาพไม่เป็นรองเยอรมัน
อย่างน้อยก็ทำรถไฮบริดขายทั่วไปมาวิ่งบนถนน 20 ปีได้แล้ว จนค่ายเยอรมันขอแลกเทคโนโลยีอย่าลืมว่าเราเอารถ mass เทียบกับ premium ภาพก็เลยออกมาแบบนี้

หลังๆมารถพรีเมี่ยมออปชั่นความปลอดภัยที่ขายในบ้านเราระบบความปลอดภัยเสริมเริ่มน้อยกว่าด้วยซ้ำลองดูสารคดีผลิตรถของ Subaru หรือ Lexus LFA ดูครับเรื่องความตั้งใจเทคโนโลยีญี่ปุ่นไม่ได้เป็นรองแค่รถส่วนใหญ่อยู่กลุ่ม Mass

ออฟไลน์ IS2000

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,191
    • อีเมล์
เท่าที่ใช้มาผมว่ารถ premium ที่ทนทานและจุกจิกน้อยที่สุดคือ Lexus IS ครับ ราคาเข้าศูนย์แพงก็จริงแต่วิ่ง 70,000 ไม่เคยมีอะไรเสียเลย ยกเว้นแต่จานเบรคคดเพราะใช้ผ้าเบรคแต่งกับเอารถไปวิ่งแทร็กนับสิบครั้งได้
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มกราคม 29, 2017, 01:05:22 โดย IS2000 »
1 3 5
├┼┼╕
2 4 6 R

ออฟไลน์ Pegasus7700

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 3,814
วัสดุทนทานกว่า พิเศษกว่าในหลายๆส่วน
แถมการเลือกsupplier ยึดหลักธรรมาภิบาล
ไม่ใช่จะนำใครที่ถุกๆดีๆที่ไหนก็ได้ มั่งครับ
...ขอเป็นข้ารองพระบาททุกชาติไป...

MERCEDES BENZ W212 '12
FORD FOCUS 2.0 Gdi '13
HONDA Civic RS '20
VOLVO XC60 Hybrid Inscription '19
FORD EVEREST 2.0 Bi Turbo '22

ออฟไลน์ simcity

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,371
ต้นทุนอะไหล่จริงๆคงไม่เท่าไหร่

แต่ของ premium ขายได้น้อยชิ้น เลยต้องกำไรต่อหน่วยเยอะกว่าครับ

ออฟไลน์ flybigbear

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,561
น่าจะประหยัดค่าซ่อมบำรุงไปเยอะพอสมควรเลยนะนั่น

ออฟไลน์ O_o"

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 12,433
รถแต่ละยี่ห้อ ในแต่ละประเทศราคาอะไหล่อาจไม่เท่ากันครับ แพงบ้าง ถูกบ้าง แต่จะไปแพงก็ค่าแรง ในการซ่อมนี้ละครับ

ออฟไลน์ demo2

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 786
    • อีเมล์
รถก็เหมือนเสื้อผ้ารองเท้ากระเป๋า ทำไมบางคนซื้อเสื้อใส่ไปทำงานตัวละ800 ทั้งที่มีตัวละ 199 ทำไมซื้อรองเท้าคู่ละหลายพันทั้งที่มีคู่ละ299 ทำไมซื้อกระเป๋าใบละเป็นหมื่นทั้งที่ใส่ของได้เหมือนๆกับใบละ399 ก็เพราะคนให้ราคาความพอใจของตนไม่เท่ากัน ตอนซ่อมก็เหมือนกันครับ มันคงแพงเพราะ อะไหล่กระเป๋าLV กับกระเป๋า399ก็คงต่างกัน
ผมว่าถ้ามันแพงมากแบบไม่มีเหตุผลแล้วคนเลิกใช้ทั่วโลก เดี๋ยวมันก็ขายไม่ได้ แต่ในความเป็นจริงมันก็ยังมีคนจ่ายได้อีกเยอะ

ออฟไลน์ oatekung

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,000
    • อีเมล์
รถยุโรปไม่ได้ทนกว่า แต่ปลอดภัยกว่าครับ
รถญี่ปุ่น พอไปประเทศด้อยพัฒนาก้อรถ spec
มีคนเอารถในเม็กซิโก กับอเมริกา มาเทสผลก้อต่างกัน
ถุงลม8ใบ ในญี่ปุ่นก็อาจจะไม่รอดเสมอไปครับ
ถ้าไหว ก้อไปยุโรปเถอะครับ ผ่อนไหวคุณซ่อมไหวแน่นอนหงะ

ออฟไลน์ kumpol2511

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 187
ค่านิยมเมืองไทยกับการใช้งานในสมัยก่อนที่รถยุโรปที่ดูดี ทนทาน และทันสมัยกว่ารถญี่ปุ่นในช่วงนั้น ลองนึกถึง  w123 w124 กับรถ ญี่ปุ่นในยุคเดียวกัน รถปี 1978 -1996 ปัจจุบัน  เรายังเห็นรถเหล่านี้ยังวิ่งอยู่บนท้องถนนมากกว่า  toyota corona ,corola, crown ทั้งที่ยอดจำหน่ายพี่ โต มากกว่าเยอะ สมัยก่อนผมยังอยากได้เลย  gti 16 vale  corona นี่แทบไม่เห็น  ตอนนี้ผมยังมี 190e ไว้เป็นรถสำรองสภาพดีอยู่เลย เวลาใช้งานก็ยังดูดี  แต่ยอมรับว่าตั้งแต่พี่โต มีคัมรี่ที่ผลิตในเมืองไทย ทำให้ภาพพจน์รถญี่ปุ่นดูสูงขึัน บวกกับความทนทานที่ดีกว่า ดูแลง่ายกว่า อะไหล่ถูกกว่า ทำให้ได้รับการยอมรับมากขึ้น ส่วนรถยุโรป ยังติดอยู่กับอิเมจทำให้กำหนดราคาอะไหล่แพงได้ แต่ปัจจุบันรถยุโรปเริ่มปรับตัวแล้วสังเกตุได้ว่าราคารถยุโรปเริ่มถูกลง เมื่อเทียบกับสมัยรถญี่ปุ่นก่อน