สำหรับรถยนต์ ประกันมีสองประเภท....
อันนี้ไม่ใช่ประกันเกี่ยวกับรถยนต์เลยนะ
ประกันสินเชื่อนั้น
1. บังคับไม่ได้ครับ แม้จะอ้างว่า ไฟแนนซ์ไม่ผ่าน ก็เปลี่ยนไฟแนนซ์สิ
2. การจ่าย
2.1 จ่ายแบบครั้งเดียวจบ (จ่ายเบี้ยถูกสุดแล้ว) คุ้มครองจนเราผ่อนงวดหมด ก็จบกัน
2.2 จาก 2.1 บางคน ไม่เตรียมเงินมา ก็หักจากเงินดาวน์ ทำให้เราดาวน์น้อยลง จ่ายดอกเบี้ยรถ มากขึ้น
2.3 ถ้าไม่จ่ายแบบ 2.1 - 2.2 ก็จ่ายแบบผ่อนเอาก็ได้ คือ บวกค่าประกันเป็นรายเดือน เพิ่มจากค่างวดรถ (เบี้ยจะแพงกว่าแบบแรก)
ทำดีหรือไม่ทำดี
ทำได้ ก็เป็นเรื่องดีครับ ผมมีประสบการณ์กับคนใกล้ตัว 2 เคส
1. เพื่อนรุ่นพี่ที่ทำงาน ทำไว้ตอนซื้อรถคันแรก ผ่อนไปไม่ถึงปี ตรวจพบมะเร็งตับ และแกก็อยู่ได้ไม่กี่เดือนก็จากไป ส่วนลูกก็ทำเรื่องรับโอนมรดก ไป (ประกันจ่ายค่างวดรถที่เหลือ นับจากวันเสียชีวิต)
2. อีกเคส เป็นญาติผู้ใหญ่ครับ Mu7 ป้ายแดงอยู่เลย (แต่ก็ลาก 6 เดือนแล้ว) ชนเสาไฟฟ้าแรงสูง ป.1 ซื้อซาก คืนทุนประกัน กรณีทั่วไป ไอ้ทุนที่คืนนี้เราต้องไปหักค่างวดที่เหลือ บางเคสไม่พอค่างวด บางเคสพอค่างวด แต่ขาดทุนเงินดาวน์ไปหลายแสน แต่ลุงคนนี้ ทำประกันสินเชื่อไว้ ป้าแก ก็เลยได้ทั้งทุนประกัน ป.1 ที่คืนให้และได้ทั้งสินไหมทดแทนลุงที่เสียไป และค่างวดที่เหลือก็ไม่ต้องจ่าย ฟังดูเป็นเหตุการณ์ที่เลวร้าย แต่ป้าและลูกๆ ก็มีเงินมาเป็นทุนดำเนินชีวิตต่อช่วงที่เหลือ แต่ป้าก็ไม่ดิ้นรนซื้อรถรุ่นใหม่นะ ยังคงใช้เก๋งคันเก่า ในความเศร้า ก็ยังมีสิ่งที่พอจะเยียวยาได้บ้าง
โดยส่วนตัว จากประสบการณ์ที่เล่ามา ถ้าไม่เหลือบ่ากว่าแรง ผมจะไม่ปฏิเสธใดๆ เพราะผมมีแนวคิดว่า เงิน 2 - 4 หมื่นบาท เก็บไว้ ก็ไม่ทำให้เรารวยขึ้น หรือจ่ายไปก็ไม่ทำให้เราจนลง
ส่วน จขกท. ก็ลองคิดบวก ลบ คูณ หาร ดูครับ