ทราบไหมว่า พวงมาลัยไฟฟ้า(EPS) ทำให้บังคับรถนิ่งขึ้น !!

[tarahlm]

เห็นจากคลิป พิธีกรบางท่าน พูดขึ้นว่ารถคันนี้พวงมาลัยนิ่งมาก ที่ความเร็ว....(เหมือน)สามารถปล่อยมือได้สักพัก

-ทั้งที่ในความเป็นจริงพื้นถนนก็ไม่ได้ราบเรียบ(แบบกระจก) น่าจะแกว่งเซออกข้างบ้าง เป็นได้อย่างไร?


เป็นเพราะพวงมาลัยไฟฟ้า(EPS)มีระบบช่วยครับ

ของรถผม มันเรียกนี้ว่า Straight-ahead travel correction function

ปกติเวลาขับรถไปทางตรงๆ เราต้องประคองพวงมาลัยคอยแก้อาการ เพื่อรักษาแนวตลอดเวลา

พอความเร็วรถถึงตั้งแต่ 60 กม./ชมฺ. กล่องควบคุมของระบบพวงมาลัยไฟฟ้าEPSจะ

เริ่มทำการเรียนรู้/เก็บข้อมูลว่า ต้องใช้แรงประคองพวงมาลัยเท่าไร

เรียนรู้ไปและเริ่มออกแรงช่วยแก้แทนมือเราไปพร้อมๆกัน สักครึ่งชม.ก็จบขั้นตอนการเรียนรู้

หลังจากนั้นพอขับมีความเร็วที่ตั้งแต่ 30 กม./ชม ขึ้นไป ระบบพวงมาลัยไฟฟ้าก็ออกแรง

ตามโปรแกรมคอมพิวเตอร์ให้เหมาะสม จึงรู้สึกว่าพวงมาลัยนิ่งแทบไม่ได้ออกแรงเลย

แต่พอลดความเร็วลงต่ำกว่า30กม./ชม. พวงมาลัยไฟฟ้าก็จะลดการออกแรงช่วยนี้ลงเรื่อยๆ


แต่ผมก็ไม่ทราบว่ามันจะเก็บการเรียนรู้/การแก้ไขไว้ในหน่วยความจำนานเท่าไร

หรือว่าสตาร์ทเครื่องยนต์ใหม่ต้องเรียนรู้ใหม่?

[nuntapon.s]

ยี่ห้อ? รุ่น?

มันไม่ได้มีทุกรุ่นหรอกครับ  มาลองG9ผมได้

[ps000000]

น่าสนใจครับ

[Nonlamer]

ระบบที่ว่านี้มีในพวงมาลัยไฟฟ้าของทุกคันหรือครับ 

[tarahlm]

ยี่ห้อ? รุ่น?

มันไม่ได้มีทุกรุ่นหรอกครับ  มาลองG9ผมได้

เพิ่งย้อนกลับไปดูมาจาก Headlightmag clip ของ Mazda CX-3 ครับ บอกพวงมาลัยนิ่งมาก ซึ่งน่าจะใช้หลักการเดียวกัน

แต่ของผม Focus MK3 GDi ครับ

[lexus]

จำได้ว่าfordมี ชื่อเทคโนโลยีว่า EPAS แต่ไม่รู้กลไกว่าเหมือนที่จขกท เขียนไว้รึเปล่า
แต่เท่าที่ขับมาก็ไม่เคยรู้สึกเลยว่ามันทำงานไปตอนใหน

[Pegasus7700]

ผมก็รู้สึกว่า การขับmk3 แล้วขับไปเล่นมือถือไป. ควบคุมรถได้ง่ายกว่าคันอื่นที่เคยขับ
เดาว่ามันคงมีกลไกคำนวนความเร็ว องศาพวงมาลัย องศาถนน. มั้งนะ
(เป็นพฤติกรรมไม่ดีนะ ห้ามเลียนแบบ)

[tarahlm]

จำได้ว่าfordมี ชื่อเทคโนโลยีว่า EPAS แต่ไม่รู้กลไกว่าเหมือนที่จขกท เขียนไว้รึเปล่า
แต่เท่าที่ขับมาก็ไม่เคยรู้สึกเลยว่ามันทำงานไปตอนใหน

EPAS/EPS หมายถึงพวงมาลัยไฟฟ้าที่เราชอบเรียกกันครับ Electric power (assisted) steering ใช้มอเตอร์ไฟฟ้าขับหมุนพวงมาลัย
ไม่มีน้ำมันไฮโดรลิก(น้ำมันพวงมาลัยเพาเวอร์)


แต่ก่อนนั้นพวงมาลัยเพาเวอร์ที่เรารู้จักกันทั่วไปนั้น คือ  (hydraulically-assisted)  power steering ที่มีน้ำมันไฮโดรลิกช่วยแรง
โดยอาศัยแรงขับดันจากปั๊มเพาเวอร์ ซึ่งอาศัยแรงขับจากสายพานเครื่องยนต์

หลังจากนั้นมีอีกระบบ ที่ใช้น้ำมันไฮโดรลิกเหมือนกัน โดยมีปั๊มเพาเวอร์ที่เป็นมอเตอร์ไฟฟ้าขับดันน้ำมัน(ใช้ไฟฟ้าของแบตฯนั่นเอง) ไม่ต้องใช้แรงสายพานเครื่องยนต์
เรียกว่า Electro-hydraulic power steering (EHPS) เคยใส่ใน Focus mk2 ล้อตหลังๆ

[Tan Int]

น่าจะเป็นระบบช่วยออกแรงบังคับพวงมาลัยนะครับ จำชื่อไม่ได้แต่ไ่ใช่ EPS เหมือนพวกรถยุโรปจะมีระบบนี้แล้ว Mazda นี่จำไม่ได้เเต่เหมือนๆจะมี
EPS = Electronic Power Steering คือชื่อพวงมาลัยเพาเวอร์ไฟฟ้าทั่วไป ไม่ได้หมายความว่าจะมีระบบที่ว่ามานี่ทุกคันนะครับ

[lexus]

จำได้ว่าfordมี ชื่อเทคโนโลยีว่า EPAS แต่ไม่รู้กลไกว่าเหมือนที่จขกท เขียนไว้รึเปล่า
แต่เท่าที่ขับมาก็ไม่เคยรู้สึกเลยว่ามันทำงานไปตอนใหน

EPAS ใช้มอเตอร์ไฟฟ้าในการไปหมุนพวงมาลัย การควบคุมน้ำหนักจึงต้องได้รับการคำนวณอย่าง
แม่นยำที่สุด เท่าที่จะเป็นไปได้ เพื่อให้เทคโนโลยีต่างๆ ที่มีอยู่ เช่น การชดเชยน้ำหนักบนพวงมาลัย
(Pull-Drift Compensation) หรือ ระบบป้องกันการแกว่งของล้อ (Active Nibble Cancellation) สามารถ
ตรวจจับความผิดปกติแม้เพียงเล็กน้อยจากยาง/ล้อได้

เมื่อเซ็นเซอร์ตรวจจับพบการดึงของพวงมาลัยไปทางด้านใดด้านหนึ่งนิดๆ อันเกิดจากถนนลาดเอียง หรือ
เป็นลอนคลื่นไม่เท่ากัน ไม่เว้นแม้แต่การขับรถผ่านกระแสลมแรง ซอฟต์แวร์โปรแกรมของระบบ จะส่ง
แรงดึงไปเพิ่มในฝั่งตรงข้าม เช่น ถ้าล้อเริ่มจะดึงไปทางซ้ายนิดๆ ระบบก็จะช่วยดึงกลับมาทางขวานิดๆ
ชดเชยการควบคุมของพวงมาลัยกลับคืนมา ให้สมดุลย์กันมากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้

การชดเชยน้ำหนักบนพวงมาลัย (Pull-Drift Compensation) ได้รับการออกแบบให้ทำงานอย่างนุ่มนวลFord บอกว่าผู้ขับขี่จะไม่รู้สึกถึงการออกแรงช่วยดึงพวงมาลัยในขณะที่ระบบทำงานแต่อย่างใด

เหรอ?

ใช่สิ! เราไม่รู้สึกเลยว่าระบบ Pull-Drift มันกำลังทำงานอยู่ และนั่นก็ส่งผลถึงการตอบสนองของพวงมาลัย
ในภาพรวมทั้งหมดเลยด้วยนั่นแหละ! เพราะเราแทบไม่เห็นความแตกต่างที่ดีขึ้นไปจากพวงมาลัยเพาเวอร์
ไฟฟ้า ของคู่แข่งคันอื่นๆ มากนัก

ปล.copyมาจากบทความรีวิวford fiesta

[HHHsung]

ถ้าเคยเรียนวิชา control สมัยเรียนวิศวะ จะเข้าใจระบบไฟฟ้าในการควบคุมพวงมาลัยครับ การควบคุมจะต้องมี sensor ส่งข้อมูลองศาการเลี้ยวด้วย

รวมจนถึงค่าตัวแปรต่างๆ ตามที่จขกท. ว่ามา ความไวพวงมาลัยสามารถเซ็ตได้ แต่จะดีหรือเลว ก็อยู่ที่ความสามารถของวิศวกรที่ออกแบบระบบควบคุม

อย่างคำว่า พวงมาลัยนิ่งขึ้น ก็ให้คิดง่ายๆ ว่า ถ้าผมโปรแกรมว่าหักพวงมาลัยนิดเดียว แปลว่าไม่หัก ดังนั้นเวลาท่านขับรถ แล้วหมุนพวงมาลัย

ไปซ้ายนิด ขวาหน่อย อย่างเร็วๆ รถก็เลยจะยังคงนิ่ง แต่ต้องอย่าลืมว่า พอถึงเวลาจำเป็นต้องหักไวจริงๆ โปรแกรมมันจะเข้าใจว่าช่วงแรกไม่หัก จากนั้นถึงค่อยหัก

อ้าวถามว่าอย่างไหนดี ผมว่าคงต้องอยู่ประมาณกลางๆ ทั้งสองแบบ คือ อย่าไว หรือ อย่าช้าเกินไป ครับ โดยเฉพาะควรแปรผกผันกับความเร็วรถ จะดีที่สุด

คือ รถช้าพวงมาลัยควรไว รถเร็วพวงมาลัยควรช้า

[Spada_Valess]

ใน vw golf mk6 ของผมสามารถเปิดระบบ  Torque Steer Compensation 
เพื่อชดเฉย  Torque Steer ได้ ช่วยได้เยอะ http://www.golfmk6.com/forums/showthread.php?t=36475
https://www.youtube.com/watch?time_continue=1&v=wybSpi_IVdQ

[tarahlm]

ถ้าเคยเรียนวิชา control สมัยเรียนวิศวะ จะเข้าใจระบบไฟฟ้าในการควบคุมพวงมาลัยครับ การควบคุมจะต้องมี sensor ส่งข้อมูลองศาการเลี้ยวด้วย

รวมจนถึงค่าตัวแปรต่างๆ ตามที่จขกท. ว่ามา ความไวพวงมาลัยสามารถเซ็ตได้ แต่จะดีหรือเลว ก็อยู่ที่ความสามารถของวิศวกรที่ออกแบบระบบควบคุม

อย่างคำว่า พวงมาลัยนิ่งขึ้น ก็ให้คิดง่ายๆ ว่า ถ้าผมโปรแกรมว่าหักพวงมาลัยนิดเดียว แปลว่าไม่หัก ดังนั้นเวลาท่านขับรถ แล้วหมุนพวงมาลัย

ไปซ้ายนิด ขวาหน่อย อย่างเร็วๆ รถก็เลยจะยังคงนิ่ง แต่ต้องอย่าลืมว่า พอถึงเวลาจำเป็นต้องหักไวจริงๆ โปรแกรมมันจะเข้าใจว่าช่วงแรกไม่หัก จากนั้นถึงค่อยหัก

อ้าวถามว่าอย่างไหนดี ผมว่าคงต้องอยู่ประมาณกลางๆ ทั้งสองแบบ คือ อย่าไว หรือ อย่าช้าเกินไป ครับ โดยเฉพาะควรแปรผกผันกับความเร็วรถ จะดีที่สุด

คือ รถช้าพวงมาลัยควรไว รถเร็วพวงมาลัยควรช้า

มันทำงานซับซ้อนกว่านั้นเยอะครับ เพื่อตอบสนองให้แม่นยำที่สุดว่า จะส่งแรงช่วยหมุนพวงมาลัยเท่าไหร่

เพื่อช่วยผ่อนแรงด้วยความแม่นยำ ที่เรารู้สึกออกมาเป็นความคมของพวงมาลัยไฟฟ้าอันนั้น

ถ้ามีพื้นวิศวะก็อาจเข้าใจง่ายๆ ก่อนอื่นลืมเรื่องความนิ่งของพวงมาลัยข้างบนไปก่อน มาดุหลักการทำงาน

ระบบของพวงมาลัยไฟฟ้านี้ไม่ได้จับแค่องศาการหมุนพวงมาลัยของผู้ขับขี่อย่างเดียวแต่จับแรงทอร์คของการหมุนด้วย

ในชุดพวงมาลัยไฟฟ้าจึงมีเซนเซอร์สำคัญสองตัว

1. เซนเซอร์จับองศาการหมุนของพวงมาลัย อันนี้ตรงไปตรงมาวัดองศาได้เลย

2. เซนเซอร์วัดแรงหมุนของพวงมาลัย(steering torque sensor)
อันนี้ก็โดยการออกแบบแกนพวงมาลัยเป็นสองชั้น ใช้torsion bar เชื่อมต่อกัน
แล้ววัดแรงทอร์คที่torsion barนี้
แกนในต่อผ่านวงพวงมาลัยรถ
เมือผู้ขับชี่ออกแรงมาก/น้อยหมุนพวงมาลัยก็วัดได้

ส่วนแกนนอกก็ต่อไปยังแกนแร็คส่งแรงไปบังคับทิศทางล้อ
นอกจากนี้ยังมีอีกแรงที่เกี่ยวข้อง คือแรงฝืดแรงเสียดทานระหว่างล้อต่อผิวถนน
ซึ่งจะสัมพันธ์กับความเร็วรถขณะนั้นด้วย
ทำให้การวัดแรงนี้ทอร์คนี้เป็นการวัดแรงแบบสัมพัทธ์(relative)
ถ้ารถวิ่งด้วยความเร็ว แรงทอร์คนี้จะน้อย แกนพวงมาลัยนอก/ใน หมุนตามกันง่ายเพราะแรงฝืดที่ล้อน้อย แรงทอร์ควัดได้จะน้อย
ถ้ารถหยุดนิ่ง แกนพวงมาลัยนอก/ในหมุนตามยากกว่า แรงทอร์คจะสูงกว่า

เมื่อร่วมกับข้อมูลความเร็วรถในขณะนั้น คอมพิวเตอร์ของระบบพวงมาลัยไฟฟ้าจึงสามารถประมวล
ส่งแรงช่วยหมุนพวงมาลัยได้แม่นยำละเอียดถูกต้องที่สุด ไม่ว่ารถวิ่งด้วยความเร็วที่แตกต่างกันทุกย่านความเร็ว
หรือตอนหมุนพวงมาลัยชณะหยุดนิ่งอยู่กับที่ ไม่ว่าพื้นผิวถนนมีแรงฝืดอย่างไรก็คำนวณได้อย่างถูกต้องที่สุด

[HHHsung]

ถ้าเคยเรียนวิชา control สมัยเรียนวิศวะ จะเข้าใจระบบไฟฟ้าในการควบคุมพวงมาลัยครับ การควบคุมจะต้องมี sensor ส่งข้อมูลองศาการเลี้ยวด้วย

รวมจนถึงค่าตัวแปรต่างๆ ตามที่จขกท. ว่ามา ความไวพวงมาลัยสามารถเซ็ตได้ แต่จะดีหรือเลว ก็อยู่ที่ความสามารถของวิศวกรที่ออกแบบระบบควบคุม

อย่างคำว่า พวงมาลัยนิ่งขึ้น ก็ให้คิดง่ายๆ ว่า ถ้าผมโปรแกรมว่าหักพวงมาลัยนิดเดียว แปลว่าไม่หัก ดังนั้นเวลาท่านขับรถ แล้วหมุนพวงมาลัย

ไปซ้ายนิด ขวาหน่อย อย่างเร็วๆ รถก็เลยจะยังคงนิ่ง แต่ต้องอย่าลืมว่า พอถึงเวลาจำเป็นต้องหักไวจริงๆ โปรแกรมมันจะเข้าใจว่าช่วงแรกไม่หัก จากนั้นถึงค่อยหัก

อ้าวถามว่าอย่างไหนดี ผมว่าคงต้องอยู่ประมาณกลางๆ ทั้งสองแบบ คือ อย่าไว หรือ อย่าช้าเกินไป ครับ โดยเฉพาะควรแปรผกผันกับความเร็วรถ จะดีที่สุด

คือ รถช้าพวงมาลัยควรไว รถเร็วพวงมาลัยควรช้า

มันทำงานซับซ้อนกว่านั้นเยอะครับ เพื่อตอบสนองให้แม่นยำที่สุดว่า จะส่งแรงช่วยหมุนพวงมาลัยเท่าไหร่

เพื่อช่วยผ่อนแรงด้วยความแม่นยำ ที่เรารู้สึกออกมาเป็นความคมของพวงมาลัยไฟฟ้าอันนั้น

ถ้ามีพื้นวิศวะก็อาจเข้าใจง่ายๆ ก่อนอื่นลืมเรื่องความนิ่งของพวงมาลัยข้างบนไปก่อน มาดุหลักการทำงาน

ระบบของพวงมาลัยไฟฟ้านี้ไม่ได้จับแค่องศาการหมุนพวงมาลัยของผู้ขับขี่อย่างเดียวแต่จับแรงทอร์คของการหมุนด้วย

ในชุดพวงมาลัยไฟฟ้าจึงมีเซนเซอร์สำคัญสองตัว

1. เซนเซอร์จับองศาการหมุนของพวงมาลัย อันนี้ตรงไปตรงมาวัดองศาได้เลย

2. เซนเซอร์วัดแรงหมุนของพวงมาลัย(steering torque sensor)
อันนี้ก็โดยการออกแบบแกนพวงมาลัยเป็นสองชั้น ใช้torsion bar เชื่อมต่อกัน
แล้ววัดแรงทอร์คที่torsion barนี้
แกนในต่อผ่านวงพวงมาลัยรถ
เมือผู้ขับชี่ออกแรงมาก/น้อยหมุนพวงมาลัยก็วัดได้

ส่วนแกนนอกก็ต่อไปยังแกนแร็คส่งแรงไปบังคับทิศทางล้อ
นอกจากนี้ยังมีอีกแรงที่เกี่ยวข้อง คือแรงฝืดแรงเสียดทานระหว่างล้อต่อผิวถนน
ซึ่งจะสัมพันธ์กับความเร็วรถขณะนั้นด้วย
ทำให้การวัดแรงนี้ทอร์คนี้เป็นการวัดแรงแบบสัมพัทธ์(relative)
ถ้ารถวิ่งด้วยความเร็ว แรงทอร์คนี้จะน้อย แกนพวงมาลัยนอก/ใน หมุนตามกันง่ายเพราะแรงฝืดที่ล้อน้อย แรงทอร์ควัดได้จะน้อย
ถ้ารถหยุดนิ่ง แกนพวงมาลัยนอก/ในหมุนตามยากกว่า แรงทอร์คจะสูงกว่า

เมื่อร่วมกับข้อมูลความเร็วรถในขณะนั้น คอมพิวเตอร์ของระบบพวงมาลัยไฟฟ้าจึงสามารถประมวล
ส่งแรงช่วยหมุนพวงมาลัยได้แม่นยำละเอียดถูกต้องที่สุด ไม่ว่ารถวิ่งด้วยความเร็วที่แตกต่างกันทุกย่านความเร็ว
หรือตอนหมุนพวงมาลัยชณะหยุดนิ่งอยู่กับที่ ไม่ว่าพื้นผิวถนนมีแรงฝืดอย่างไรก็คำนวณได้อย่างถูกต้องที่สุด

ขอบคุณครับ ผมจบไฟฟ้า ก็พอเข้าใจเบื้องต้น ถ้าลงไปในรายละเอียดคงต้องให้ทางคนที่ทำงานตรงนั้นเป็นคนชี้แจง

[tarahlm]

ด้วยความยินดีครับ ผมจบด้านวิทยาศาสตร์สุขภาพ แต่ใฝ่ฝันด้านวิศวะอย่างมากๆครับ

ก็เลยชอบ ศึกษาอ่านเอง บวกกับเรียนรู้พูดคุยกับช่าง
(และแอบอ่านคู่มือซ่อมของช่าง 

ใช้ Ford มาสามคัน ได้ความรู้ด้านรถยนต์พอสมควร
โดยเฉพาะคันแรกเหมือนครูได้เข้าใจระบบการทำงานรถยนต์อย่างมาก
จนผมไม่ได้กลัวรถ ford อย่างที่เขาเล่าลือกัน

แต่อย่างไรก็ตามจากประสบการณ์ที่เจอมา อ่านจากที่มีผู้ร้องปัญหาต่างๆ
คิดว่าปัญหาหลักๆของFord คือ ช่างหลายคนวิเคราะห์ปัญหาไม่ได้หรือผิดไป

แต่ถ้าถามย้อนกลับว่า การวิเคราะห์ยากไหม ความเห็นผมว่ายากพอสมควรเลยล่ะ
สำหรับช่างที่จบเทคนิค/เทคโนบ้านเรา จบใหม่ๆยังไม่แกร่งพอจะวิเคราะห์ปัญหารถยนต์รุ่นใหม่
ที่ระบบไฟฟ้าอิเลคโทรนิคส์เพียบมากมาย แล้วบ้านเราช่างก็จะจบด้านเครื่องยนต์มาอย่างเดียว
ที่จะเก่งเข้าใจด้านไฟฟ้าอิเลคโทรนิกส์นั้นมีน้อย
แค่ไล่วงจรไฟฟ้าได้เก่งๆ ยังมีไม่มากนัก

ถ้าศูนย์รถ มีช่างเครื่องยนต์เก่งๆ + ช่าง(วิศวะ)ไฟฟ้าอิเลคโทรนิคส์ 
ปัญหารถยนต์คงผ่อนคลายลงเยอะ ไม่ยากนักในการวิเคราะห์แก้ปัญหาเลย

(นี่ไม่ขอกล่าวถึงปัญหา ระบบขั้นตอนการให้บริการ การสื่อสาร/พุดคุยให้เข้าใจตรงกัน)

[khai72]

ต่อไปคงได้ใช้กัน แต่ตอนนี้ชอบพวงมาลัยไฮดรอลิกมากกว่า

[turbofever]

ถ้าถ่วงล้อไม่ดี ตั้งศูนย์ไม่ตรง ยังไงมันก็สั่นก็เอียง บูชปีนนกฉีกมันก็แกว่ง  ไม่เห็นมันจะฉลาดตรงไหน  สรุปคือถ้ารถช่วงล่างไม่สมบุรณ์ พวงมาลัยเทพก็ไม่ช่วยค่าซ่อมช่วงล่างหรอกครับ

รถผมมีทีด้า กับอัลเมร่า อ้อ รถแฟน มาชด้วย   

[2k]

ถ้าถ่วงล้อไม่ดี ตั้งศูนย์ไม่ตรง ยังไงมันก็สั่นก็เอียง บูชปีนนกฉีกมันก็แกว่ง  ไม่เห็นมันจะฉลาดตรงไหน  สรุปคือถ้ารถช่วงล่างไม่สมบุรณ์ พวงมาลัยเทพก็ไม่ช่วยค่าซ่อมช่วงล่างหรอกครับ

รถผมมีทีด้า กับอัลเมร่า อ้อ รถแฟน มาชด้วย

มันคนละเรื่องกีนนี่ครับ ช่วงล่างเสียหายก็เรื่องนึง ระบบพวงมาลัยช่วยประคองก็อีกเรื่องนึง  เหมือนจะพูดว่าวัคซีนแก้บาดทะยักไม่ได้เรื่องเพราะรักษาอาการแขนหักไม่ได้ 

[5thAvenue]

ไม่ได้เป็นที่พวงมาลัยไฟฟ้าครับ เพราะทุกคันไม่ได้เป็นแบบนั้น

แต่เป็นระบบ (พิเศษ) เฉพาะรุ่น เฉพาะยี่ห้อครับ ไม่ควรเหมารวมว่า EPS จัดการแบบเดียวกันหมด

[tarahlm]

ไม่ได้เป็นที่พวงมาลัยไฟฟ้าครับ เพราะทุกคันไม่ได้เป็นแบบนั้น

แต่เป็นระบบ (พิเศษ) เฉพาะรุ่น เฉพาะยี่ห้อครับ ไม่ควรเหมารวมว่า EPS จัดการแบบเดียวกันหมด

สงสัยจะเป็นจริงเช่นนั้นครับ ตอนแรกผมเข้าใจไปว่าฟังก์ชั่นนี้ นี้มีในรถพวงมาลัยไฟฟ้าทุกคัน

เพราะ รถที่ผมใช้อยู่ไม่เอามาใช้ในการโฆษณาประกอบการขาย หรือ แม้แต่ในโบรชัวก็ไม่มีระบุไว้

ไม่เหมือนเช่นดังคุณสมบัติพิเศษอื่นๆ

[SM.]