อ๋อ ถ้าประเด็นบางจาก ผมก็ไม่เข้าใจเขาเหมือนกันครับ ว่าทำไมเขียน Min
![:'(](https://community.headlightmag.com/Smileys/flat_emoji/cry.gif)
คือรุ่นนี้ผมไม่เคยขอผลจากกรมธุรกิจพลังงานมาดูเหมือนกัน (ปกติไม่ได้ขี้สงสัยขนาดนั้น เคยขอดูแค่ไม่กี่ตัว) แต่เชื่อว่าไม่ใช่แค่นี้ ไม่งั้นความหนืดอุณหภูมิสูงคงต่ำจนผิดเกณฑ์การระบุเบอร์ของมัน
ส่วนเรื่อง VI ถามว่าทำไมค่าสูงๆ ถึงบางครั้งเอามาตัดสินไม่ได้เสมอไป ผมอธิบายง่ายๆ ว่า Additive หรือสารบางตัว ที่เสื่อมสภาพเร็ว หากใส่ไปตอนน้ำมันใหม่แล้วเทสต์ตอนมันใหม่ มันอาจจะยังทำงานอยู่ แต่พอพ้นระยะหนึ่ง (อาจจะ 100 ชม. อาจจะ 3,000 กม. ฯลฯ) พอสารนั้นเสียสภาพแล้ว ก็จะมีผลต่อการคงความหนืดของตัวน้ำมันเครื่องไม่เหมือนเดิม เท่ากับโฆษณาก็ราคาคุยแค่ตอน นมค. ยังใหม่ แค่นั้นเอง
เรื่อง E7/E9-08 คือผ่านมาตรฐานของ ACEA ใช่ แต่ของปี 2008 ครับ มาตรฐานปัจจุบันมันเป็น E7/E9-16 แล้ว (เท่ากับล้าหลังไป 8 ปี หรือไม่? ไม่จำเป็น บางทีอาจจะเป็นเพราะเติมโน่นนี่แล้ว ไม่ได้ค่าตามสเป็กที่กำหนดมาใหม่ของผู้กำหนดมาตรฐาน คือ ACEA เช่น ค่า TBN ไม่ได้ตามสเป็ก แต่ตัวน้ำมันอาจจะยังทำงานได้ดีอยู่ หรือเหมาะสมต่อการใช้งานจริงเพียงพอในบ้านเรา ฯลฯ ครับ)
ข้อแตกต่างกันก็คือ E9 จะระบุมาตรฐานไว้เพิ่มเติมนิดหน่อย โดยคำนึงถึงความเข้ากันได้ของ นมค. กับตัว Diesel Particulate Filter (DPF) ขึ้นมาอีกอย่าง ถ้าเทียบกะ E7 ก็เท่านั้นเอง
จริงๆ มาตรฐานแต่ละข้อสามารถหาอ่านได้ตามเว็บของผู้กำหนดมาตรฐานแต่ละเจ้า หาไม่ยาก และบอกเลยว่า ถ้าแค่อ่านภาษาอังกฤษออก เทียบตาราง บวกลบเลขเป็น ก็พอเข้าใจหลักพื้นๆ ของการระบุมาตรฐานแล้ว เช่น หยิบทุกมาตรฐานมากางรวมกันแล้วไฮไลต์เทียบว่า แต่ละส่วนประกอบ/คุณสมบัติ น้ำมันแต่ละตัวจะมีคุณสมบัติขั้นต่ำเท่าไหร่ แล้วก็พอจะประเมินเทียบกันได้สำหรับน้ำมันที่ "ผลิตแบบเชื่อฟัง" ผู้กำหนดมาตรฐาน เช่น API, ACEA
...แต่ในความเป็นจริงแล้ว เรื่อง Tribology เป็นอีกเรื่องหนึ่ง คือ หากผลิตได้ตามสเป็กก็เหมือนจะดี แต่หากไม่ตามสเป็กมาตรฐานสากล/มาตรฐานล่าสุดก็ไม่ใช่ว่าจะดีไม่ได้ ต้องดูว่าสภาพแวดล้อมหรือแนวทางออกแบบของน้ำมันเครื่องแต่ละเจ้า เขาออกแบบที่ไหน มุ่งตลาดไหน แต่ละตลาดใช้เครื่องยนต์สเป็กยังไง น้ำมันเชื้อเพลิงเหมือนกันไหม และ ใช้รถในลักษณะใด ด้วย มีผลกันหมดทุกอย่าง หลายคนมักจะพยายามยกโน่นยกนี่มาประกอบเหตุผลว่าที่ตนเองคิดถูกเสมอ (เช่น Follow มาตรฐานแล้วดี แต่ลืมคิดออกนอกกรอบไว้ ว่าบางทีการเซ็ตให้ได้มาตรฐาน มันก็เป็นกลกับดักทางการตลาดอีกชั้นหนึ่งของผู้ผลิตอุตสาหกรรม ทั้ง Base+Additive การใช้นอก Catalog บางมาตรฐาน ไม่ได้แปลว่าของที่ใช้ไม่ดีเสมอไป)
ซึ่งก็ถูกส่วนหนึ่งในมุมมองผู้ผลิตรถก็คือ ถ้าจะต้องใช้บริการ ก็เอาตามมาตรฐานไว้เป็นขั้นต่ำก่อน เช่น กำหนดไปเลยว่ารถ Gen นี้ ต้องใช้น้ำมันอย่างน้อย
API SM นะ เท่ากับหากผู้ผลิตน้ำมันเครื่องเจ้าใดทำได้ ก็อย่างน้อยการันตีได้ขั้นหนึ่ง ไม่เหมือนพวกแหกคอกมาตรฐาน อาจจะดีไปเลย หรือไม่ก็ห่วยไปเลย โดยไม่มีขั้นต่ำการันตี อันนี้ก็ต้องพึ่งผลทดสอบและใช้งานจริง แต่ก็จะน่าเชื่อถือน้อยกว่า อยู่ที่ว่าคนทดสอบและแปรผล Bias แค่ไหนด้วยส่วนหนึ่ง
ดังนั้นนโยบายการรับประกันของศูนย์ ต้องพิจารณาให้ละเอียดๆ ว่า เขายินดีรับน้ำมันนอกไหม หรือเขาไม่ได้ยินดีนัก แต่ก็บริการตาม Order ให้ได้ (โดยมีข้อเงื่อนไขซ่อนอยู่คือ แกไม่ได้ใช้ของชั้น หรือ แกไม่ได้ใช้ตามสเป็กที่ชั้นกำหนด ชั้นไม่รับผิดชอบ อย่างนี้เป็นต้น) ต้องคุยกันให้ละเอียด แต่ถ้าเข้าอู่นอกแล้วมั่นใจน้ำมันแต่ละตัว โดยเฉพาะน้ำมันแหกคอก ที่หยิบไปอยู่แล้ว ใช้งานไม่ได้เกินสเป็กโอเวอร์จริงๆ ก็ใช้ได้หมด เพียงแค่ผู้ใช้ต้องสังเกตอาการและประเมินรถเป็นว่า อาการแบบนี้คือปกติไม่ควรเป็น หรือเริ่มอืดแล้วนะหลัง x,xxx โล ภายใต้สภาพการใช้แบบนี้ คราวต่อไปก็จะประเมินได้ง่ายขึ้นว่าควรจะใช้ต่อหรือไม่ ครับ
PS. ที่ไม่อยากเขียนยาว เพราะผมเคยออกตัวไว้ว่าพยายามจะไม่ยุ่งกับคุณ Jae ถ้าไม่จำเป็นครับ