แก้ที่นักการเมืองก่อน
อ้างจาก: winit2014 ที่ พฤษภาคม 01, 2017, 10:32:33 แก้ที่นักการเมืองก่อน นักการเมืองก็แก้ไม่ได้ครับ การคัดเลือกเข้าเป็นข้าราชการ ภาค ก ภาค ข ไม่ว่าจะหน่วยงานไหน ก็ใช้วิธีสอบวัดผลการขอทุน ก็สอบ การคัดเลือกเข้ามหาวิทยาลัย ก็สอบ บางบริษัทฯ ที่ใหญ่ๆ การคัดเลือกเข้าทำงานก็ยังต้องสอบเลยครับ ....เพราะฉะนั้น การวัดผลความรู้จากการทำข้อสอบ เพื่อคัดเลือกบุคลากรมันยังเป็นสิ่งที่ยังคงอยู่ .... ยังไง การศึกษาไทยก็ไม่พ้นการเรียนการสอนแบบในปัจจุบันนี่หรอกครับ
อ่านยากจังครับ เว้นวรรคเยอะจังแถมยังเป็นสำนวนให้คิดอีก ผมคิดไม่ทันครับ
สรุปจะให้แก้เรื่องนโยบายสาธารณะ เศรษฐกิจ สังคม การศึกษา หรือเรื่องของครูครับ..อิอิ
?? ??
เกิน 4 บรรทัดไปเยอะเลยส่งสัยต้องใช้โควต้าปีถัดไปมาช่วยที่รู้ ๆ ผมเลิกบังคับลูกผมทำการบ้านตั้งแต่ดูคลิปนี้
จะเป็นกระทู้ร้อนวันหยุดป่าวเนี่ย ...... 5555 เอาที่่ผมอ่านแล้วเข้าใจนะ ... การศึกษา โอเคล่ะ ตอนนี้มันอาจจะดูล้าหลัง เน้นเด็กท่องจำ มากกว่าคิดจินตนาการ ...แต่พื้นฐานการวัดผลการศึกษาของประเทศมันถูกสร้างมาแบบนี้ครับ เราประชาชนอยากเปลี่ยน แต่เจ้ากระทรวงไม่ยอมเปลี่้ยนเราจะปรับให้ลูกไปเรียนแบบโรงเรียนบูรณาการ บอกเลยเรียนได้ครับ แต่พอเรียนจบ ป.6 มาแล้วจะไม่สามารถสอบเข้าที่ไหนได้เลยเพราะวิชาการไม่ได้ ...เพราะการสอบเข้า จากหลักการท่องจำ หรือ .. ถ้าเอาไปเข้าเอกชน โรงเรียนระดับ ม.1 เค้าสอนวิชาการแล้ว เด็กที่เรียนบูรณาการมา จะเรียนตามเพื่อนไม่ทัน สุดท้าย ก็จะกลายเป็นเด็กผลการเรียนไม่ดี จนเกิดปัญหาเด็กได้ ในที่สุด ... ผมได้คุยกับหลายท่านเรื่องการศึกษา เพราะลูกผมขึ้นอนุบาล 2 ปีนี้ ทีแรกผมตั้งใจให้เรียนโรงเรียนบูรณาการ เพราะไม่อยากให้ลูก มาเครียดกับการศึกษาที่เน้นท่องจำ ล้าสมัยแบบนี้ ... แต่ผู้ใหญ่ด้านการศึกษาท่านนึง ได้ชี้แนะผม ทำให้ผมเข้าใจว่า มันจำเป็น ที่ต้องให้ลูกเรียนตามแบบเดิม เพราะ อนาคตมันต้องใช้ ในการสอบเข้า มหาวิทยาลัย และเพื่อเค้า จะได้เป็นเด็กที่ เรียนทันเพื่อน ตามหลักสูทธุิพิ้นฐานที่ภาครัฐกำหนด .... สิ่งที่ผมทำได้คือ จับเค้ามาบูรณาการจากที่บ้านครับ ออกเที่ยว ผจญภัย พาไปโดดน้ำ เด็ก 3 ขวบ ผมพาโดดทะเลแล้ว ทราย โคลน ผมพาลุยหมด สวนสัตว์ผมพาไปมาทั่วไทยแล้ว พูดคุยกับแบบ แบบตั้งคำถาม เค้าเค้ารู้จักคิด เช่น ผมซื้อกาแฟมา โดยที่ตั้งใจว่าจะไม่หยิบหลอดมา พอมาถึงรถ ผมก็บอกเค้าว่า "พ่อลืมหยิบหลอดมา ทำไงดี สงสัยจะอดกิน" .... ลูกผมก็บอกว่า "พ่อก็เปิดฝา แล้วยกกินสิ" ... ซึ่งนี่ก็เป็นคำตอบที่ผมพอจะภูมิใจว่า เค้าก็รู้จักวิธีแก้ปัญหาง่ายๆได้เหมือนกัน ... ทีนี้มาเรื่องเศรษฐกิจ อันนี้ผมว่าเริ่มที่ตัวเองอะครับ ไม่ต้องมองใหญ่ ...ถ้าเรามีเงิน รักษาสภาพคล่องของเงินในมือได้ดี บริหารรายจ่าย ให้สัมพันธ์ุกับรายได้ รู้ว่าเดือนๆนึงรับเท่าไร แล้วอย่าจ่ายเงินเกินรายรับ ...แค่นี้ชีวิตก็เป็นสุขแล้ว .... แต่สำหรับเจ้าของธุรกิจ สิ่งที่ต้องทำคือ ปรับตัวหาสิ่งใหม่มาทดแทนธุรกิจเดิมที่ไม่ก่อรายได้ ทั้งปัจจุบันและอนาคต คำว่าสู้ ใช้ได้ แต่อย่าสู้ผิดวิธี อย่าไปสู้กับธุรกิจที่เรามองว่า ตันแล้ว ให้ไปสู้กับธุรกิจใหม่ มั่นใจที่จะทำครับ ผมเชื่อว่า คนที่ทำธุรกิจส่วนตัวหรือเจ้าของกิจการเนี่ย เก่งทุกคนครับ ประสบการมีมากมาย เพียงแต่บางที ธุรกิจที่มองอาจใหญ่ไปและสร้างกำไรน้อย ... ลองมองธุรกิจเล็ก แต่กำไรมาก มีเยอะนะครับ .... ถ้าทุกคนทำตัวเองไม่มีหนี รักษารายได้และคงมีเงินเก็บไว้ใช้จ่ายยามที่ต้องใช้ ผมว่า เท่านี้ เศรษฐกิจของประเทศภาพรวม ก็จะดีขึ้น ไม่สร้างหนี้เพิ่มครับ อย่างเช่น มีเงินเดือน 20,000 แต่คิดจะผ่อนรถเดือนละ 10,000 ใครคิดแบบนี้ พลาดมากๆครับ ......
จะเรียนอะไร ที่ไหน อย่างไร ก็ได้ ขอให้คนที่เรียนคิดเป็น ทำเป็น มองการณ์ไกลเป็น วางแผนอนาคตข้างหน้าของตนเองเป็น แค่นี้ก็เอาตัวรอดแล้วสายสามัญ สายวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ ฟิสิกส์ การเรียนสายเหล่านี้ ข้อมูล วิชาการต้องเข้ม เพราะต้องเอากฏของฟิสิกส์ ทุกอย่างมาประยุกต์เพื่อ สร้างนวัตกรรมใหม่ขึ้นมาบนโลกนี้ หรือ เป็นงานวิจัยชิ้นใหม่ ค้นพบ ชิ้นใหม่ อะไรก็ได้ ที่ไม่ใช่ไป ลอก ก๊อบปี้เขามา ถ้าเรียนมาสายนี้ แล้วทำได้ตามนี้ถือว่า ประสบความสำเร็จ สายอาชีพ วิชาการ วิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์จะซอร์ฟลง แต่จะเน้นเชิงช่าง การจดจำ การถอดประกอบ การทำตามคู่มือตำรา คนเรียนสายนี้ ต้องฝึกตนเองให้ชำนาญ ควบคุมเครื่องจักรกลสมัยใหม่ได้ ซ่อมแซมชิ้นส่วน ยานยนต์สมัยใหม่ได้ เข้าใจการทำงานหรือหาวิธีการแก้ปัญหาเครื่องจักรที่มีปัญหาได้ และหาทาง เพื่อสร้างกิจการขึ้นมาจากสิ่งที่ตนเองถนัดต่อไปทุกอาชีพด้านบน ต้องผ่านการเรียน การฝึก การค้นคว้า เพื่อให้เกิดการเรียนรู้ และเข้าใจอย่างถ่องแท้ และสร้างจินตนาการเพื่อหาช่องทางให้ตนเอง ดำเนินไปถึงจุดปลายทางที่ต้องการได้แต่หาก เรียนอย่างเดียว แต่ขาดจินตนาการ ไปรู้ว่าจะกำหนดเป้าหมายของตนเอง ให้เดินไปสู่เป้าหมายได้อย่างไร ก็จะไปได้ ครึ่งๆ กลาง ทำงานไปเรื่อยๆ ทำงานไป เรียนไปเรื่อยๆ การที่เทคโนโลยีการสื่อสาร เข้าถึงทุกคนในโลกนี้ได้อย่างง่ายดาย และ ยิ่งเด็กเล็ก เข้าถึง เครื่อข่ายนี้ตั้งแต่เด็ก ก็ยิ่งทำให้เด็ก มองเห็นแต่คนอื่น ว่าคนอื่นเขาทำอะไร ตนเองก็อยากทำตามเขา ได้สบายเหมือนเขา รวยเหมือนเขา โดยขาดการเรียนรู้ตนเอง ว่าตนเอง เก่งอะไร ชอบอะไร ชำนาญอะไร การไปทำตามเขา ก็คือ การไปเดินตามเขา โอกาสประสบความสำเร็จยากกว่า แสวงหาแนวทางของตนเองครับ
อ้างจาก: apinui ที่ พฤษภาคม 01, 2017, 10:50:22อ้างจาก: winit2014 ที่ พฤษภาคม 01, 2017, 10:32:33 แก้ที่นักการเมืองก่อน นักการเมืองก็แก้ไม่ได้ครับ การคัดเลือกเข้าเป็นข้าราชการ ภาค ก ภาค ข ไม่ว่าจะหน่วยงานไหน ก็ใช้วิธีสอบวัดผลการขอทุน ก็สอบ การคัดเลือกเข้ามหาวิทยาลัย ก็สอบ บางบริษัทฯ ที่ใหญ่ๆ การคัดเลือกเข้าทำงานก็ยังต้องสอบเลยครับ ....เพราะฉะนั้น การวัดผลความรู้จากการทำข้อสอบ เพื่อคัดเลือกบุคลากรมันยังเป็นสิ่งที่ยังคงอยู่ .... ยังไง การศึกษาไทยก็ไม่พ้นการเรียนการสอนแบบในปัจจุบันนี่หรอกครับ+1 ถ้าคิดจะแก้ ให้แก้ที่ตัวเราครับ แก้ที่ประชาชนอย่างเรา ๆ ท่าน ๆ นี่แหละอย่าไปโยนทุกอย่างให้คนอื่นแก้โดยที่เราไม่ได้ช่วยแก้ไขอะไรเลย...ถ้าพวกเราทุกคนช่วยกันคนละไม้คนละมือ สักวันหนึ่งสังคมเรา ประเทศเรามันต้องดีขึ้นอย่างแน่นอนครับ
ท่าจะอึดอัดมากนะครับ ปัญหาที่เหมือนวัฐจักร ไม่สามารถแก้ไขได้ (เหมือนจะได้นะ แต่อีก 10-20ปีข้างหน้า ผมว่าก็ยังเป็นแนวนี้อยู่ดี ถึงจะมีปรับอยู่บ้าง หลายอย่างเริ่มจากการเห็นแก่ประโยชน์ส่วนตัวมากกว่าส่วนรวม
ต้องแยกเป็นประเด็นๆ ครับ ไม่งั้นมันดูสับสนมากเลย ถ้าคิดรวมๆ กันแล้วโยงกันไปหมดแบบนี้ อ้างถึงผมขอใช้คำว่าฟุ้งซ่าน (ขอโทษนะครับถ้า จขกท ไม่ได้ฟุ้งซ่าน)ไม่เป็นไรครับ ยินดีอย่างยิ่งครับ ในทุกวรรคที่เขียนถึงเรื่องๆ หนึ่ง มันสามารถแยกประเด็นออกมาได้อีก 2-3 ประเด็นซึ่งสิ่งที่เขียนมาเอามาผสมกัน แล้วทำให้รู้สึกว่ามันเป็นสีดำ มันเป็นความไม่ถูกต้องผมเข้าใจว่า จขกท ต้องการสื่อให้เห็นถึงความไม่ถูกต้องแต่ผมก็รู้สึกว่าเหมือนการบ่นในสิ่งที่คนทั่วไปรู้อยู่แล้วไม่ได้ทำให้คนฉลาดขึ้น ไม่ได้เป็นข้อมูลให้ขบคิดเท่ากับการบ่นและไม่มีข้อมูลอ้างอิงใดๆ เหมือนเป็นการคิดเองเออเองผมอยากจะตอบนะครับ แต่ขอเอาสักประเด็นจริงๆ ที่ต้องการแชร์ความรู้กันผมกำลังจะพิมพิ์ตอบแล้วแต่รู้สึกว่า พิมพิ์ไปก็เหมือนลงไปอยู่ในน้ำวนที่ผสมหลายๆอย่างไว้ด้วยกัน เลยขอไม่ตอบ แต่เป็นการวิจารณ์เรื่องนี้แทนดีกว่าวิธีการเขียนเหมือนจะเป็นคอล้มน์ชวนให้คิดใน นสพ.มากกว่าในกระทู้ด้วยครับซึ่งอ้างถึงผมว่ามันไม่เหมาะ และไม่ได้ประโยชน์อะไร ครับ อ้างถึง(กดปุ่มส่งแล้วทำใจรอถูกด่าเละจากทุกฝ่ายที่อ่านแล้วขุ่นเคือง)
ผมขอใช้คำว่าฟุ้งซ่าน (ขอโทษนะครับถ้า จขกท ไม่ได้ฟุ้งซ่าน)ไม่เป็นไรครับ ยินดีอย่างยิ่งครับ
ผมว่ามันไม่เหมาะ และไม่ได้ประโยชน์อะไร ครับ
(กดปุ่มส่งแล้วทำใจรอถูกด่าเละจากทุกฝ่ายที่อ่านแล้วขุ่นเคือง)