ผู้เขียน หัวข้อ: ถ้ารถไฟฟ้าเข้ามาขายกันเยอะ ๆ แล้วคนส่วนใหญ่รับค่าซ่อมกันไหวหรือเปล่า  (อ่าน 6185 ครั้ง)

ออฟไลน์ Auto

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 4,652
  อย่าง BMW i3   
    สำหรับแบตเตอรี่ 1 แพคนั้นมีอยู่ 8 โมดูล สามารถแยกเปลี่ยนแต่ละโมดูลได้ (ราคาโมดูลละประมาณ 30,000 บาท) ทำให้ไม่ต้องเสียเงินเปลี่ยนแบตเตอรี่ทั้งลูก ซึ่งมีราคาแพงมาก      ถ้าเปลี่ยนทีเดียวก็ 240,000  บาท ทยอยเปลี่ยนก็เหมือนกันเพราะคงเสียในเวลาใกล้ ๆ กัน    ยังไม่นับอุปกรณ์ส่วนควบอื่น  ๆ   จะมีราคาแพงกว่ารถที่ใช้เครื่องยนต์สันดาปแน่นอน ในการเปลี่ยนอะไหล่   

ออฟไลน์ 6162002

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 5,085
อุปกรณ์อื่นๆ จะแพงกว่ารถปกติได้ยังไงครับ?

ผมคุยกับผู้ใหญ่ที่เปิดศูนย์รถ หลายๆศูนย์ พูดตรงกันหมด ว่ารถไฟฟ้า จะทำให้รายได้ศูนย์ลดลง เพราะชิ้นส่วนมันน้อยลงเยอะ

ที่คุณพูดมานั่นมันแบตอย่างเดียว  ซึ่งกว่าจะหมดประกัน 10 ปี ป่านนั้นแบตทั้งลูก คงเหลือไม่กี่หมื่นละครับ  ทำไมถึงคิดว่ามันจะพังเดือนหน้าล่ะครับ?



ออฟไลน์ mamaman

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 6,419
    • อีเมล์


มีแต่ มอเตอร์ กับ อุปกรณ์ ควบคุม มันจะ ซ่อมแพงอะไร
ก็ทำเทรินแบตต ทุก สี่ ห้า ปี ก็จบ ศูนยืเจ้ง

ออฟไลน์ bravo

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,478
    • อีเมล์
แบตเตอรี่ ของรถไฟฟ้าที่จะยายกันเยอะๆ ราคามันเท่ากับแบต i3 หรือเปล่าล่ะครับ

ถ้าใช้กันเยอะๆ ราคาต่อหน่วยมันก็จะลดลงเยอะ

และค่าบำรุงรักษา ซึ่งรถสันดาป ต้องจ่ายทุกๆ 10,000 กม. แต่รถไฟฟ้าไม่ต้องจ่าย ค่าน้ำมันเชื้อเพลิงก็ต้องเอามาหักกลบ ลบกันด้วยนะครับ

ออฟไลน์ mamaman

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 6,419
    • อีเมล์
แบตเตอรี่ ของรถไฟฟ้าที่จะยายกันเยอะๆ ราคามันเท่ากับแบต i3 หรือเปล่าล่ะครับ

ถ้าใช้กันเยอะๆ ราคาต่อหน่วยมันก็จะลดลงเยอะ

และค่าบำรุงรักษา ซึ่งรถสันดาป ต้องจ่ายทุกๆ 10,000 กม. แต่รถไฟฟ้าไม่ต้องจ่าย ค่าน้ำมันเชื้อเพลิงก็ต้องเอามาหักกลบ ลบกันด้วยนะครับ

สมมุติ จ่ายค่าน้ำมันเกียร์ ทุก 40000 โล = 2500
จ่ายค่า น่ำมันเครื่องทุก 10000 โล   = 2000

100000 โล จ่าย = 2500+2500+1250+20000  = 26250 บาท
200000 โล =  26250X2  = 52500

อ้าว ถ้าแบต ลูกละสัก 80000  ไม่แพงเลยครับ ได้ประหยัดน้ำมันอีก

ออฟไลน์ Visual

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 763
1. ผมเชื่อว่าถ้ามัน mass กว่านี้โดยเฉพาะเมื่อ Toyota ลงมาเล่นเต็มตัว ราคาแบตมันจะถูกกว่านี้พอสมควร
2. แบบที่หลายท่านว่าไปแล้ว เมื่อคำนวณส่วนต่างค่าใช้จ่ายแฝงอื่นๆที่ไม่ต้องจ่ายแบบเครื่องยนต์สันดาปแล้ว ก็ไม่ถือว่าแพงอะไร

ออฟไลน์ Symphonic

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,717
นั่นแหละคือประเด็น อะไรก็ตามที่ยังไม่เข้ามาขายเราก็อยากให้มา แต่พอมาจริง ๆ ก็กล้า ๆ กลัว ๆ
มองจากรถไฮบริดเป็นหลัก  สิ่งที่คนไทยเรากลัว
1.ชิ้นส่วนที่เป็นไฟฟ้าแพง, 2.ค่าน้ำมันที่ประหยัดได้ไม่คุ้มค่าซ๋อม, 3.ขายต่อราคาตก

แล้วรถไฟฟ้าล่ะ เราจะกลัวเหมือนกันมั้ย

1.ชิ้นส่วนที่เป็นไฟฟ้าแพง ถ้าขนาดรถไฮบริดยังกลัวแล้วรถไฟฟ้าที่วิ่งได้ด้วยสิ่งนี้เป็นหลักไม่ใช่ส่วนเสริม
   เหมือนรถไฮบริด ดังนั้นอุปกรณ์พวกนี้จะเป็นอุปกรณ์ที่มีกำลังสูงกว่า ขนาดใหญ่กว่า ราคาย่อมแพงกว่าแน่นอน

2.ค่าน้ำมันที่ประหยัดได้ไม่คุ้มค่าซ่อม เอาจริง ๆ นะ ถ้าค่าไฟฟ้าที่ต้องจ่ายต่อกม.มันไม่ถูกได้อย่างที่คิด
   ประเด็นนี้มาแน่นอน  นั่งคิดเล่น ๆ ขนาดอยู่บ้านเรายังไม่เปิดแอร์ เปิดเครื่องใช้ไฟฟ้าเละเทะเพราะเปลืองค่าไฟ
   แล้วมอเตอร์ที่ขับรถที่หนักเป็นตัน ๆ ให้วิ่งได้เร็วเป็นร้อย ๆ กม.ต่อชม. นั้นจะกินไฟจิ๊บ ๆ งั้นหรือ

3.ราคาขายต่อ ????

เอาเข้าจริง ตอนที่รถไฟฟ้าเพิ่งเริ่มต้นในบ้านเราก็คงนิยมในกลุ่มที่ข้ามผ่าน 3 ข้อข้างบนนี่แหละครับ
เป็นคนที่ไม่ได้ใช้รถไฟฟ้าเป็นคันเดียวของบ้าน เป็นคนที่ชื่นชอบเทคโนโลยีใหม่ ๆ และไม่ได้ซื้อรถคันนี้เพราะ
ความคุ้มค่าทางด้านการเงินแน่ ๆ  แนว ๆ ตลาดนิช

และคงต้องรอเวลาให้มันนิยมมาก ๆ ในตลาดโลกจนทำให้ค่าตัวอะไหล่เหล่านี้ถูกลงจนถึงระดับที่คนทั่วไปที่
ซื้อเพราะความคุ้มค่าทางเม็ดเงินยอมรับได้ มันถึงจะลงมาสู่ตลาดแมสจริง ๆ ครับ

ออฟไลน์ alpha14

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,109
น้ำมันก็ไม่ต้องเติม น้ำมันเครื่อง ของเหลวต่างๆ สายพาน หัวเทียน มอเตอร์พัดลมหม้อน้ำ (อีกมากมาย) ก็ไม่ต้องเปลี่ยนต้องซ่อมไม่มีค่าใช้จ่าย..............กับเรื่องแบตอีก5-10ปีราคาคงถูกมากโข ไม่ต้องพะวงเลยครับ และได้ข่าวว่าโรงงานผลิตแบตฯจะมาตั้งโรงงานในประเทศ ก็สบายใจได้ครับ

ออฟไลน์ ps000000

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 7,768
ถ้ามันเยอะๆๆๆจริงๆ น่าจะมีค่าบำรุงไม่สูงเกินไป

ออฟไลน์ bravo

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,478
    • อีเมล์
ผมมองว่า เราในฐานะผู้ใช้รถ ที่จะต้องเปลี่ยนไปใช้รถไฟฟ้า ( เมื่อถึงเวลานั้น ) ไม่ค่อยจะมีอะไรน่ากังวลมากนัก

แต่คนที่ประกอบอาชีพ อยู่ในห่วงโซ่ของรถสันดาปนั่นแหละ ที่ต้องกังวลและเตรียมปรับตัว รับมือกับการเปลี่ยนแปลงให้ได้

คงต้องเปลี่ยนอาชีพ เหมือนกับหลายธุรกิจ ที่ต้องล้มหายตายจาก เช่น นิตยสาร ร้านขายหนังสือ เป็นต้น

ออฟไลน์ mamaman

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 6,419
    • อีเมล์
1. ผมเชื่อว่าถ้ามัน mass กว่านี้โดยเฉพาะเมื่อ Toyota ลงมาเล่นเต็มตัว ราคาแบตมันจะถูกกว่านี้พอสมควร
2. แบบที่หลายท่านว่าไปแล้ว เมื่อคำนวณส่วนต่างค่าใช้จ่ายแฝงอื่นๆที่ไม่ต้องจ่ายแบบเครื่องยนต์สันดาปแล้ว ก็ไม่ถือว่าแพงอะไร

ดูยอดขายรถ ทั่วโลกก็รู้ครับ ว่าทำไม หลายๆ ค่ายรถ ยัง นิ่งๆ กับ Full EV
เพราะตอนนี้ น้ำมันมัน หน้าโรงกลั่นแค่ 14 บาทเอง
ยิ่งบ้านเราก็บ้าดีเซล จับดีเซล ยิ่งหากมาลงเก๋ง 18 โล/ลิตร มีให้เห็น แทบไม่มองไฮบริดเลย


รถไฟฟ้า น่าใช้ครับ แต่ยังไม่ถึงเวลา ที่จะมาแทนรถน้ำมัน ตอนนี้

ยอดขาย รถไฟฟ้า (BEV) ทั่วโลก ปี 2016
https://cleantechnica.com/2017/02/04/tesla-model-s-clocked-as-worlds-best-selling-electric-car-in-2016/
อันดับหนึ่ง EV 2016  คือ  Tesla Model S = 50,935 คัน
ยอดขาย BEV  ( Full Battery ) ทั้งโลก ปี 2016 = 773,563

ยอดขาย รถทั่วโลก
http://focus2move.com/world-best-selling-car/
อันดับหนึ่ง รถทั่วโลก  2016 Colola = 1,311,413 คัน   รุ่นเดียวขายได้มากกว่า  BEV ทั้งโลก  แค่นี้ ก็ไม่มีโรงงานผลิตทันเแล้ว

ยอดขายรถ ทั้งโลก เยอะมาก บวกเอง นับ คร่าวๆ ได้  66 ล้านคัน
http://www.best-selling-cars.com/international/2016-full-year-international-worldwide-car-sales/

BEV/ยอดขายรถทั้งโลก

0.7/66  =  1 %

OEM มีสมองครับ หรือ การเอาตัวรอด ในธุรกิจ
PHEV ที่ หลายๆ ค่ายถืออยู่  ก็สามารถ เปลี่ยนมาเป็น BEV ได้เสมอ เมื่อถึงเวลาของมัน

ผู้ผลิต เครื่องยนต์ น้ำมันเครื่อง ใน อุตสหกรรม น้ำมัน และ ชิ้นส่วนเครื่องยนต์ คง ดิ้นๆ กันอยู้

อ้อ ผมไม่ได้เกี่ยวข้องกับ พวก ห่วงโซ่ ของรถน้ำมัน นั้น เขวาะ ผมก็ไม่ได้เดือดร้อนครับ


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: พฤษภาคม 06, 2017, 17:00:49 โดย mamaman »

ออฟไลน์ bravo

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,478
    • อีเมล์
1. ผมเชื่อว่าถ้ามัน mass กว่านี้โดยเฉพาะเมื่อ Toyota ลงมาเล่นเต็มตัว ราคาแบตมันจะถูกกว่านี้พอสมควร
2. แบบที่หลายท่านว่าไปแล้ว เมื่อคำนวณส่วนต่างค่าใช้จ่ายแฝงอื่นๆที่ไม่ต้องจ่ายแบบเครื่องยนต์สันดาปแล้ว ก็ไม่ถือว่าแพงอะไร

ดูยอดขายรถ ทั่วโลกก็รู้ครับ ว่าทำไม หลายๆ ค่ายรถ ยัง นิ่งๆ กับ Full EV
เพราะตอนนี้ น้ำมันมัน หน้าโรงกลั่นแค่ 14 บาทเอง
ยิ่งบ้านเราก็บ้าดีเซล จับดีเซล ยิ่งหากมาลงเก๋ง 18 โล/ลิตร มีให้เห็น แทบไม่มองไฮบริดเลย


รถไฟฟ้า น่าใช้ครับ แต่ยังไม่ถึงเวลา ที่จะมาแทนรถน้ำมัน ตอนนี้

ยอดขาย รถไฟฟ้า (BEV) ทั่วโลก ปี 2016
https://cleantechnica.com/2017/02/04/tesla-model-s-clocked-as-worlds-best-selling-electric-car-in-2016/
อันดับหนึ่ง EV 2016  คือ  Tesla Model S = 50,935 คัน
ยอดขาย BEV  ( Full Battery ) ทั้งโลก ปี 2016 = 773,563

ยอดขาย รถทั่วโลก
http://focus2move.com/world-best-selling-car/
อันดับหนึ่ง รถทั่วโลก  2016 Colola = 1,311,413 คัน   รุ่นเดียวขายได้มากกว่า  BEV ทั้งโลก  แค่นี้ ก็ไม่มีโรงงานผลิตทันเแล้ว

ยอดขายรถ ทั้งโลก เยอะมาก บวกเอง นับ คร่าวๆ ได้  66 ล้านคัน
http://www.best-selling-cars.com/international/2016-full-year-international-worldwide-car-sales/

BEV/ยอดขายรถทั้งโลก

0.7/66  =  1 %

OEM มีสมองครับ หรือ การเอาตัวรอด ในธุรกิจ
PHEV ที่ หลายๆ ค่ายถืออยู่  ก็สามารถ เปลี่ยนมาเป็น BEV ได้เสมอ เมื่อถึงเวลาของมัน

ผู้ผลิต เครื่องยนต์ น้ำมันเครื่อง ใน อุตสหกรรม น้ำมัน และ ชิ้นส่วนเครื่องยนต์ คง ดิ้นๆ กันอยู้

อ้อ ผมไม่ได้เกี่ยวข้องกับ พวก ห่วงโซ่ ของรถน้ำมัน นั้น เขวาะ ผมก็ไม่ได้เดือดร้อนครับ

แขวะ หมายถึง ? ครับ

ออฟไลน์ Jacob

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,803
รถไฮบริดหรือ plug-in hybrid พวกนี้ได้แค่ประหยัดน้ำมัน เหมาะกับคนรักษ์โลก (หรือซื้อเพราะอัตราเร่งดี) แต่ค่าบำรุงรักษาแพงแน่เพราะมีทั้งเครื่องยนต์+ไฟฟ้า ระบบก็ซับซ้อน
ส่วนรถยนต์เครื่องเล็กเทอร์โบ หรือดีเซล.. ในยุคนี้ตอบโจทย์กว่าเรื่องค่าบำรุงรักษาและประหยัดน้ำมัน
แต่แนวโน้มในอนาคตรถไฟฟ้าล้วน(EV) ถูกกว่าแน่นอน หลายการศึกษาก็ออกมาแบบนั้น ตอนนี้ก็ได้แต่รอแบตราคาถูกลง (ปัญหาจริงๆที่คนยังไม่นิยมกันทั่วไปเพราะระยะทางสูงสุดกับความเร็วยังไม่ตอบโจทย์ จะมีเทสล่า chevrolet bolt ที่วิ่งได้ไกลแต่ราคายังเกินเอื้อม)

เอาเป็นว่าอย่าวิตกกังวลเลย บ้านเราไม่มีบังคับแบบเนเธอร์แลนด์ซะหน่อย อยากใช้รถอะไรก็ใช้ไปสิ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: พฤษภาคม 06, 2017, 20:39:55 โดย Jacob »

ออฟไลน์ OHMMY

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 494
    • อีเมล์
ในอนาคตผมกลับมองว่ามันจะเป็นเหมือนเครื่องใช้ไฟฟ้าอย่างนึง ซึ่งจะมีวิธีการซ่อมที่ราคาถูกลงเรื่อยๆ
ส่วนเรื่องตัวถังหรือช่วงล่าง ราคาก็ไม่น่าจะหนีจากรถปกติ

ออฟไลน์ GoatGoat

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 896
คนส่วนใหญ่ในบ้านเราคงมาใช้ตอนราคารถและค่าซ่อมสมเหตุสมผลเองแหละครับ
แต่ปัจจุบันนี้ Prius ผมเห็นราคาอะไหล่แล้วไม่ค่อยสมราคารถเท่าไหร่ นี่ยังไม่รวมพวกเบนซ์ไฟฟ้า เพื่อนเอาบิลค่าซ่อมมาให้ดู มันยังบอกรู้งี้กรูซื้อเครื่องดีเซลดีกว่า ขายต่อก็เจ็บหนัก
แต่ก็อย่างว่าครับ ใครชอบอยากใช้ก็ตามสบาย เงินใครเงินมันครับ

ออฟไลน์ MUK

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,997
ผมว่า พวกอุปกรณ์ไฟฟ้า ทำของเทียบได้ง่ายกว่า นะครับ
และถ้าใช้กันแบบว่าเยอะ ผลิตเยอะ ราคาน่าจะถูกลง
และเรื่องแบตและอุปกรณ์ควบต่างๆ อาจจะกลายเป็นเรื่องเล็กไปเลย
แต่สิ่งที่น่าคิดมากกว่าคือเราจะหาไฟฟ้ามาชาร์จจากที่ไหนให้เพียงพอ
ผมว่า เราอาจจะต้องจ่ายค่าไฟสำหรับชาร์จมากกว่าน้ำมันก็ได้ครับ ทุกวันนี้ค่าไฟ ก็ขึ้นเอาแล้วแต่จะขึ้น
 :)

Nonlamer

  • บุคคลทั่วไป
ไหวสิครับ ค่าซ่อมถูกลงอยู่แล้วครับถ้าใช้กันเยอะ ผมว่าค่าซ่อมบำรุงโดยรวมอาจถูกกว่ารถที่ใช้กันอยู่ในปัจจุบันอีกครับ

MacH1

  • บุคคลทั่วไป
คหสต. ผมยอมซื้อ full ev มากกว่า พวก half breed แบบไฮบริด และเครื่องสันดาป polluter อย่างดีเซลครับ

อย่าง Tesla model S มันน่าจัดกว่า พวก S-Klasse hybrid มากมาย

และอีกไม่นาน model 3 จะมาเบียดพวก executive car ใน price tier ช่วงประมาณ 3ปลาย-5 ล้านบาท

ออฟไลน์ e:smart Hybrid

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 3,703
ผมห่วงอย่างว่าเราจะเอาไฟจากไหนมาปั้นมากขนาดนั้นคับ

คือถ้าต้องสร้างโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติ หรือดีเซล หรือถ่านหิน ผมว่ามันไม่ต่างกันเลย

ตราบใดถ้ายังตอบตรงนี้ไม่ได้ ผมคงใช้ เครื่องเล็ก ประหยัดน้ำมันต่อดีกว่า รักโลกไม่ต้องมีแบตหรือมีก็ไม่ใหญ่ (แบบ Mild hybrid suzuki)

ออฟไลน์ Jacob

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,803
tesla model Y ก็จะตามมาอีก แต่หน้าตาเป็นไงยังไม่รู้
ตลาดเมกานี่รถไฟฟ้าโตเร็วมาก
ปล.แต่ก่อนไม่ห่วงเรื่องไฟฟ้าเมืองไทย แต่พอแค่ถ่านหินยังประท้วง เริ่มกังวลว่าต่อไปจะอยู่กันยังไง

ปล.2 ระหว่างโรงไฟฟ้าต้องสะอาด 100% แต่บ้านเมืองถนนหนทางมีแต่รถควันดำ
กับโรงไฟฟ้าสะอาด 90% แต่บ้านเมืองถนนหนทางไม่มีควันดำ
เลือกแบบไหน
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: พฤษภาคม 07, 2017, 01:57:50 โดย Jacob »

ออฟไลน์ BenzParagon

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 671
  • . . .
ในอนาคตผมกลับมองว่ามันจะเป็นเหมือนเครื่องใช้ไฟฟ้าอย่างนึง ซึ่งจะมีวิธีการซ่อมที่ราคาถูกลงเรื่อยๆ
ส่วนเรื่องตัวถังหรือช่วงล่าง ราคาก็ไม่น่าจะหนีจากรถปกติ

มโนถึงโทรศัพท์มือถือสมัยก่อนเทียบกับสมัยปัจจุบันเลย ::)

Hybrid Battery Of Mercedes-Benz Thailand https://goo.gl/3nn9sk

มาตรา 157 https://goo.gl/lIGkMt

lim n = 0 , n -> ...

0 = 1

?

ออฟไลน์ SM.

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 27,508
รถไฟฟ้าน่าสนครับ ปัญหาน่าจะน้อยกว่า hybrid แต่โครงสร้างต่างๆ เพื่อรองรับรถไฟฟ้า บ้านเรายังไม่พร้อมเลย

ออฟไลน์ Norwood2

  • Newbie
  • *
  • กระทู้: 23
ลองอ่านพวกเว็ปตปท.ที่เกี่ยวกับรถยนต์ไฟฟ้า มีรายการกันมากมายเกี่ยวกับอายุใช้งานแบตฯ
เช่น Nissan Leaf ที่ผลิตช่วง 2011-2014 แบตฯมีปัญหามากๆ คือ เสื่อมไปเกิน 50% ณ ปัจจุบัน 2017
ส่วน Leaf ที่ผลิตตั้งแต่ 2015 ก็ไม่พบปัญหาดังกล่าวอีก เพราะเค้าพัฒนาเรื่องการระบายความร้อน
ส่วน Tesla ที่ขายๆกันมานั้น เค้าทำมาดีแต่แรกเรื่องการระบายความร้อนออกจากแบตฯ ทำให้อายุใช้งานยาวนาน
มีหลายๆๆๆรายงานแสดงตัวเลขจริงว่า พวก Tesla ที่วิ่งกันมา 4-5 ปี ระยะวิ่งขนาด 200,000 miles (320,000 km)
แบตฯเสื่อมไป 10-15% เช่นเริ่มแรกตอนออกรถใหม่ชาร์ทเต็มวิ่งได้ 400 km พอวิ่งผ่านไป 3.2 แสนกม. ชาร์ทเต็มวิ่งได้เหลือ 340-360 km
ไม่กี่วันมานี้มีข่าวว่า Tesla ได้จด Patent สำหรับเทคโนโลยีใหม่สำหรับแตฯ ให้เสื่อมไม่เกิน 5% ที่ระยะวิ่ง > 300,000 miles

ส่วนตัว ใช้รถยนต์มาแล้ว 5 คัน ยังไม่เคยมีซักคันที่วิ่งเกิน 2 แสนกม. เพราะขายทิ้งเปลี่ยนรถก่อนตลอด
จึงไม่ห่วงเลยเรื่องว่าแบตฯมันจะเสื่อม เพราะมันเสื่อมไม่ทันผมใช้แน่ๆ
แต่พอเอาเข้าจริง ราคาแบตฯลิเธียม ลดลงกว่า 50% ในช่วง 3-4 ปีที่ผ่านมา
เช่น จากปี 2013 ราคา > 220 $/Kwh ปัจจุบันเหลือแค่ 130 $/kWh
เค้าว่ากันว่าปีหน้านี้ ราคาจะเหลือต่ำกว่า 100 $/kWh ดังนั้นไม่ต้องไปพูดถึงอีก 5-6 ปี ว่าราคาจะเหลือเท่าใหร่
พวกรถไฮบริดบ้านเรา เช่น คัมรี่ มันไม่ได้ใช้แบตฯลิเธียม มันเลยเสื่อมไว แถมราคาแพง

ออฟไลน์ Koong

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 993
เรื่องค่าใช้จ่ายเมื่อถึงจุดนั้นผมไม่กังวลนะ
แต่กังวลเรื่องเดียวเลยคือ กลัวแบตระเบิด ไม่ว่าจะตอนชาร์ต หรือตอนเกิดอุบัติเหตุ หรือตอนจอดอยู่แล้วฝนตกน้ำท่วมไฟลัดวงจร   


ออฟไลน์ bahamu

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 685
รถใส่ถ่าน ส่วนขับไฟฟ้าไม่ต่างจากสามห่วงไฮบริด อะไหล่แพงมาก
แถมมีปัญหาความต้านทานที่แผงวงจร ซึ่งยังแก้ไม่ได้ ได้แค่ลดคอขวด
รอให้ซุปเปอร์ คอนฯ อุณหภูมิห้องก่อนถึงสำเร็จ
ไม่งั้นหัวกระสุนลอยเหนือราง วิ่งแทนมีล้อไปแล้ว เร็วกว่า400กม. ในอุโมงค์แรงดันต่ำ600กม.ขึ้น

ปัญหาที่แก้ยากในบ้านเรา

ถ่าน น้ำกรดเดือดง่าย ระเหยเร็ว ทำให้ไส้เสื่อมเร็ว ยิ่งวิ่งยาวๆ หรือรถติดมากๆ
ส่วนธาตุลิเธียม มีแนวว่าต้องเปลี่ยนเป็นอย่างอื่นแทน เนื่องจากหายากและสัปทานแพง
ความชื้นสูง เกิดสนิมและน้ำกรดไม่เสถียร แก็สแรงดันไม่คงที่ ถ่านเสื่อมไว

ระบบไฟac อินเวอร์เตอร์ มอเตอร์ขับ ต้องมีน้ำมันหล่อลื่น กับสารหล่อเย็น
ถ่ายบ่อยประมาณน้ำมันเกียร์ ส่วนราคาไม่น่าถูก ชุดซ่อมไม่มีเปลี่ยนอย่างเดียว

ปั้มabs ทำงานแทนหม้อลมเบรค ราคาหลักแสน

เกียร์ไฟฟ้า ทำงานร่วมกับมอเตอร์ ขับสี่มีสองลูก มักมีสองจังหวะ เครื่องคิดแทนคน
ยังไม่เคยเห็นชุดซ่อม ต้องถ่ายน้ำมันเกียร์ ระบบประมาณ ม้าff ถ้าขับสี่
มอเตอร์ที่เกียร์ กับที่ดุมจะอยู่ที่ขนาดและแรงม้าของรถ ลุยน้ำท่วมทีมีเสียว
เพลาขับรูดถึงมอเตอร์ได้ เพราะไม่มีเฟืองท้าย ถ้าพวกมีเกียร์อาจซ่อมถูกหน่อย

โช้คธรรมดา สบายกระเป๋า แต่ถุงลมขับดีกว่า กินไฟกว่า ราคาแพงมาก สองแสนขึ้น
ถนนไทยๆคงรอดยาก

เซ็นเซอร์รอบคัน หรือโคตรไอไดร์พ เสียต้องเปลี่ยน กันส่าย กันหลับ กันตกถนนฯ
ต้องรีเซ็ทระบบ เป็นระยะๆ จิ้มทีหลักพัน เปลี่ยนอะไหล่ทีรีเซ็ทที

ค่าเนท สำหรับระบบรถขับเอง ยังไม่รวมบริการเสริมต่างๆอีก ไม่น่าถูก

ไปๆมาๆกลัวจะกลายเป็นเช่ารถขับ ดาว์นไปผ่อนไป ค่าซ่อมกินหมด
ขายทีเป็นซาก เพราะอะไหล่ใหม่ใส่ไม่ได้ บังคับให้ซื้อคันใหม่
อย่างรถไฮบริด เก่าแล้วเก่าเลย อัพเกรดไม่ได้

ถ่านเก่ากำจัดที่ไหน มลพิษมาก ต้องมีโรงงานกำจัด

ค่าไฟจากการอัดไฟที่บ้าน ถ้าค่าftขึ้น แล้วคนไม่มีรถทำไมต้องจ่ายเพิ่มด้วย
ต้องเก็บค่าft บ้านคนมีรถไฟฟ้าต่างจากคนไม่มี

ถ้ามีโรงไฟฟ้านิวเคลียร์คงรักษ์โลกไม่ยาก แต่ถ้าซื้อไฟเขาใช้
ใครจะผลิตไฟเองก็ห้าม น้ำมัน e100 ไบโอดีเซล ไอเสียสะอาดแน่นอนกว่า

พวกไฮบริดแรงๆ ต้องดูต่อไปว่ามือสองยังแพงได้อีกนานแค่ไหน
ถ้าอัพเกรดได้ ยังมีอนาคต
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: พฤษภาคม 08, 2017, 14:12:01 โดย bahamu »

MacH1

  • บุคคลทั่วไป
รถใส่ถ่าน ส่วนขับไฟฟ้าไม่ต่างจากสามห่วงไฮบริด อะไหล่แพงมาก
แถมมีปัญหาความต้านทานที่แผงวงจร ซึ่งยังแก้ไม่ได้ ได้แค่ลดคอขวด
รอให้ซุปเปอร์ คอนฯ อุณหภูมิห้องก่อนถึงสำเร็จ
ไม่งั้นหัวกระสุนลอยเหนือราง วิ่งแทนมีล้อไปแล้ว เร็วกว่า400กม. ในอุโมงค์แรงดันต่ำ600กม.ขึ้น

ปัญหาที่แก้ยากในบ้านเรา

ถ่าน น้ำกรดเดือดง่าย ระเหยเร็ว ทำให้ไส้เสื่อมเร็ว ยิ่งวิ่งยาวๆ หรือรถติดมากๆ
ส่วนธาตุลิเธียม มีแนวว่าต้องเปลี่ยนเป็นอย่างอื่นแทน เนื่องจากหายากและสัปทานแพง
ความชื้นสูง เกิดสนิมและน้ำกรดไม่เสถียร แก็สแรงดันไม่คงที่ ถ่านเสื่อมไว

ระบบไฟac อินเวอร์เตอร์ มอเตอร์ขับ ต้องมีน้ำมันหล่อลื่น กับสารหล่อเย็น
ถ่ายบ่อยประมาณน้ำมันเกียร์ ส่วนราคาไม่น่าถูก ชุดซ่อมไม่มีเปลี่ยนอย่างเดียว

ปั้มabc ทำงานแทนหม้อลมเบรค ราคาหลักแสน

เกียร์ไฟฟ้า ทำงานร่วมกับมอเตอร์ ขับสี่มีสองลูก มักมีสองจังหวะ เครื่องคิดแทนคน
ยังไม่เคยเห็นชุดซ่อม ต้องถ่ายน้ำมันเกียร์ ระบบประมาณ ม้าff ถ้าขับสี่
มอเตอร์ที่เกียร์ กับที่ดุมจะอยู่ที่ขนาดและแรงม้าของรถ ลุยน้ำท่วมทีมีเสียว
เพลาขับรูดถึงมอเตอร์ได้ เพราะไม่มีเฟืองท้าย ถ้าพวกมีเกียร์อาจซ่อมถูกหน่อย

โช้คธรรมดา สบายกระเป๋า แต่ถุงลมขับดีกว่า กินไฟกว่า ราคาแพงมาก สองแสนขึ้น
ถนนไทยๆคงรอดยาก

เซ็นเซอร์รอบคัน หรือโคตรไอไดร์พ เสียต้องเปลี่ยน กันส่าย กันหลับ กันตกถนนฯ
ต้องรีเซ็ทระบบ เป็นระยะๆ จิ้มทีหลักพัน เปลี่ยนอะไหล่ทีรีเซ็ทที

ค่าเนท สำหรับระบบรถขับเอง ยังไม่รวมบริการเสริมต่างๆอีก ไม่น่าถูก

ไปๆมาๆกลัวจะกลายเป็นเช่ารถขับ ดาว์นไปผ่อนไป ค่าซ่อมกินหมด
ขายทีเป็นซาก เพราะอะไหล่ใหม่ใส่ไม่ได้ บังคับให้ซื้อคันใหม่
อย่างรถไฮบริด เก่าแล้วเก่าเลย อัพเกรดไม่ได้

ถ่านเก่ากำจัดที่ไหน มลพิษมาก ต้องมีโรงงานกำจัด

ค่าไฟจากการอัดไฟที่บ้าน ถ้าค่าftขึ้น แล้วคนไม่มีรถทำไมต้องจ่ายเพิ่มด้วย
ต้องเก็บค่าft บ้านคนมีรถไฟฟ้าต่างจากคนไม่มี

ถ้ามีโรงไฟฟ้านิวเคลียร์คงรักษ์โลกไม่ยาก แต่ถ้าซื้อไฟเขาใช้
ใครจะผลิตไฟเองก็ห้าม น้ำมัน e100 ไบโอดีเซล ไอเสียสะอาดแน่นอนกว่า

พวกไฮบริดแรงๆ ต้องดูต่อไปว่ามือสองยังแพงได้อีกนานแค่ไหน
ถ้าอัพเกรดได้ ยังมีอนาคต

ยังไงก็หยุด full ev ไม่ได้หรอกครับ ประเทศอื่นทยอยใช้หมด หรือไทยแลนด์จะอยู่ในกะลาน้ำมัน อาจแย่กว่านั้นหัวทิ่มจมไปกับ fool cell ตามคำแถรายวันของเจ้าตลาดรายนึง?

ส่วนพวกทำชิ้นส่วน ถ้าไม่ adapt adapt ไม่ได้ก็ die ครับ

ออฟไลน์ Jacob

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,803
ปัญหาตอนนี้คือทำยังไงให้ชาร์จหนึ่งครั้งวิ่งได้เกิน 200 miles มากกว่า ปีนี้ที่ขายกันยังมีไม่กี่ค่ายที่ทำได้ แต่อีกหลายค่ายกำลังพัฒนาอยู่ อย่างฮุนไดก็มาแรงนะพัฒนาไปไกล
คิดว่าปี 2018 จะได้เห็นรถใหม่ๆอีกเพียบ เรื่องราคาเค้าก็ต้องพัฒนาให้ถูกลงควบคู่กัน ไม่งั้นก็ขายไม่ออก

ปล.ส่วน fuel cell สูญพันธุ์แน่นอน เพราะรถไฟฟ้าล้วนคุ้มกว่าเยอะ
ปล.2 คลิปเทสล่าลุยน้ำก็มีให้เห็นเยอะแยะ ทำเรื่องแบตกันน้ำมันไม่ยากหรอก ขนาด nissan leaf ยังลุยได้ 70 ซม. เก๋งสันดาปมีค่ายไหนลุยได้ขนาดนี้บ้าง
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: พฤษภาคม 08, 2017, 14:16:05 โดย Jacob »

ออฟไลน์ paulmoderndog

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,780
    • อีเมล์
ไม่ต้องห่วงไฟฟ้าไม่พอครับ  ตอนนี้ tv led ประหยัดไฟกว่าเมื่อก่อน  คนใช้แต่ tablet คอมก็notebook ซื่งประหยัดไฟฟ้ากว่าdesktop pc แอร์ประหยัดไฟกว่าแต่เปิดมากขึ้นหน่วยก็อาจจะเท่าเดิม ผมว่าไฟฟ้ามันไม่พอเพราะโรงงานมันมากขึ้นครับ แถมโรงงานจ่ายrate ค่าไฟถูกว่าอีกครับ ตอนนี้ลาวขายพลังงานมาอีกมากมาย ผมเชื่อว่ายังไงมันก็พอครับ

ออฟไลน์ คุณพ่อหาเงิน

  • Jr. Member
  • **
  • กระทู้: 101
ไฟฟ้า ก็ติดโซล่าเซลล์ที่บ้าน แล้วต่อเข้ารถ และยังมีคนทำหลังคารถโซล่าเซลล์อีก ออกไปข้างนอกก็ต้องเสียเงินเป็นธรรมดา
ถ้าเป็นผม ผมทำสถานีชาร์ทไฟฟ้าจากโซล่าเซลล์ หรือกังหันลมครับ

หรือให้ชาร์ทฟรีแล้วขายของเหมือน ปตท. ก็ได้นะครับ ทำจุดพักรถแบบ บ้านสวนซะเลย

ออฟไลน์ mamaman

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 6,419
    • อีเมล์
ไฟฟ้า ก็ติดโซล่าเซลล์ที่บ้าน แล้วต่อเข้ารถ และยังมีคนทำหลังคารถโซล่าเซลล์อีก ออกไปข้างนอกก็ต้องเสียเงินเป็นธรรมดา
ถ้าเป็นผม ผมทำสถานีชาร์ทไฟฟ้าจากโซล่าเซลล์ หรือกังหันลมครับ

หรือให้ชาร์ทฟรีแล้วขายของเหมือน ปตท. ก็ได้นะครับ ทำจุดพักรถแบบ บ้านสวนซะเลย

ที่ แพงมากกว่าแบตรถ ก็พวก โซล่าเซลล์ และ  ระบบพวกนี้ละครับ
ลองเช็ค ราคา ระบบที่ใช้งาน สำหรับ จ่ายไฟให้ขับรถได้จริงดู ครับ แพงกว่ารถอีก