เกียร์ DSG , DCT , Dual Clutch , Twin Clutch , PDK ก็คือตัวเดียวกันแหละครับ แล้วแต่บริษัทรถจะเรียกแบบไหนครับ
แต่ก็จะมีแยกไปว่า เป็นแบบคลัตช์เปียกหรือแห้งครับ แต่หลักการทำงานของชุดเกียร์ทั้งหมดก็คือๆกันครับ
ถ้าจะให้ผมนิยาม เกียร์ DCT มันคือเกียร์ธรรมดานั่นแหละครับ เพียงแต่เป็นเกียร์ธรรมดาที่เปลี่ยนจังหวะเกียร์ได้เร็วกว่า
เกียร์ธรรมดาแบบดั้งเดิม (MT) 3-5เท่าตัวครับ (เพราะอะไรถึงเร็วกว่า ให้ดูหลักการทำงานของเม้นท่านบนได้ครับ ผมจะได้ไม่ต้องบอกซ้ำ 555)
เกียร์ธรรมดาดั้งเดิมที่มีมาเป็นร้อยปี (MT) เป็นระบบส่งกำลังที่ส่งกำลังแรงม้าแรงบิดได้เต็มเม็ดเต็มหน่วยที่สุดในโลกครับ
เพราะใช้ชุดคลัตช์ธรรมดา(เวลาทำงาน จะจับกับฟลายวีลสนิท ไม่มีการสลิปใดๆ) และใช้ชุดเฟืองเกียร์แบบ traditional หมุนผ่านเฟือง 4ตัว ก็ออกไปหาเฟืองท้ายเลย ส่วนน้ำมันเกียร์ ก็เทลงไปอยู่ในห้องเกียร์เลยครับ เอาเฟืองจุ่มไว้ เดี้ยวตอนเฟืองหมุนมันก็ตีๆกันขึ้นมาหล่อลื่นทั่วกันไปหมดเอง
เป็นระบบส่งกำลังที่ง่ายๆเบาๆ ลื่น ไม่ซับซ้อนครับ มันเลยส่งกำลังได้แบบเต็มที่ไม่มีตกหล่นครับ ทำให้ได้อัตราเร่งและความเร็วที่ดี รวมถึงประหยัดน้ำมัน
ต่างจากเกียร์ออโต้ที่ใช้ชุด torque converter ครับ ตรงจุดนี้จะมีการสูญเสียงกำลังไปบ้างครับ แล้วข้างๆลูกทอร์ค จะมีการต่อโซ่ไปขับปั๊มน้ำมันเกียร์ด้วย ทำให้เสียกำลังไปอีกนิดนึง หลังจากนั้น ยังต้องส่งกำลังไปผ่านชุดเกียร์แบบ planetary ที่ยุ่งยาก ใหญ่ หนัก ซับซ้อนกว่าเฟืองเกียร์ของเกียร์ธรรมดามาก (ถ้าเป็นเป็น CVT จะไม่มีชุดเกียร์แบบ planetary แต่ก็ยังใช้ torque converter ในการส่งกำลังอยู่)
จึงทำให้การส่งกำลัง มีแรงม้าแรงบิดตกหล่นไปมากกว่าเกียร์ธรรมดาครับ ถ้าสังเกตุ ถ้าหากมีรถรุ่นเดียวกัน ต่างกันแค่เป็น เกียร์ MT กับ AT
โดยที่อัตราทดเกียร์เท่ากัน และจำนวนเกียร์เท่ากัน (ย้ำอีกทีว่าอัตราทดเท่ากัน) เกียร์ MT จะมีอัตราเร่ง ความเร็ว และความประหยัดน้ำมัน ดีกว่า AT อย่างเห็นได้ชัด (แต่ในโลกความเป็นจริง สมัยนี้ผู้ผลิตรถส่วนมากมักเอาใจคนใช้ AT ด้วยการทำจำนวนอัตราทดมามากว่า และอัตราทดเกียร์สุดท้ายต่ำกว่า ใช้รอบต่ำกว่า) แถมเกียร์ MT มี Engine Brake มากกว่า คือมีแบบเต็มๆ ทำให้การเบรก การชลอรถง่ายกว่า ประหยัดผ้าเบรกกว่าเกียร์ AT มาก
แต่เกียร์ธรรมดามีข้อเสียคือความเร็วในการเข้าเกียร์ ทำได้แค่ตามความสามารถคนครับ คือมีจำกัด และการจะขับเกียร์ธรรมดาให้ได้ประสิทธิภาพสูงสุด (ทั้งความเร็ว ความสมูท และความประหยัด) ต้องใช้ผู้ขับขี่ที่มีทั้งความรู้ทักษะและความเข้าใจที่สูงครับ ซึ่งผู้ขับขี่ประเภทนี้มี % น้อยมากๆครับ ไหนจะความ error ของคน ที่เกิดขึ้นได้ตลอด
เพราะฉะนั้นเค้าก็เลยพัฒนาเกียร์ขึ้นมาใหม่ เพื่อลบข้อด้อยอย่างเดียวของ MT ครับ นั้นก็เลยเกิดเป็นเกียร์ DCT ขึ้นมาครับ
โดยพื้นฐานนั้นก็มาจาก MT ดั้งเดิม (เพื่อรักษาข้อดีของ MT ไว้ทั้งหมด) แต่เปลี่ยนชุดคลัตช์เป็นแบบคลัตช์คู่
สั่งงานด้วยไฟฟ้า ECU แทน (อย่างที่ได้เห็นในเม้นข้างท่านบน) ทำให้การเปลี่ยนเกียร์นั้นเร็วกว่าเกียร์ MT หลายเท่า
และแม่นยำเหมือนกันในทุกๆครั้ง ไม่มีความ error ของมนุษย์ มันก็เลยเป็นเกียร์ที่"เทพ"ครับ
แต่ข้อเสียก็คือ"แพง"ครับ ถ้าเสียแล้วซ่อมทีก็คงกระอักเหมือนกันครับ 555+
ปล. ขออภัยครับ ยาวหน่อย แค่อยากให้รู้ที่มาที่ไปอย่างละเอียดนะครับ