สวัสดีครับเพื่อนๆพี่ๆชาว Headlightmag ทุกท่าน
ตอนนี้ผมกำลังมองหารถมาใช้งานครับ ตอนนี้ใช้รถกระบะดีเซลแคป เกียร์ธรรมดาอยู่ อยากเปลี่ยนเป็นรถ 4-5 ที่นั่ง
ผู้โดยสารจะได้นั่งสบายมากขึ้น และเผื่ออนาคตให้ลูกด้วยครับ
โดยจะซื้อมาใช้ร่วมกันกับแฟน ขับในเมืองและนอกเมืองคิดเป็นสัดส่วนเท่าๆกัน 50-50
ถ้าวันไหนแฟนผมใช้รถ ก็จะวิ่งหาลูกค้าในเมืองเป็นหลัก สลับกับชานเมืองบ้าง มีเพื่อนที่ทำงานนั่งไปเป็นคู่อีกคน
บางครั้งอาจจะต้องไปค้างต่างจังหวัดหรือต่างอำเภอ อาชีพแฟนเป็นเซลล์ก็จะมีพวกของรางวัลสมนาคุณลูกค้ารวมถึงเอกสารต่างๆติดรถไปพอสมควร
ส่วนถ้าวันไหนผมใช้รถก็จะขับคนเดียววิ่งไป-กลับที่ทำงาน อย่างละ 30 กม. รวมเป็น 60 กม. เส้นทางซุปเปอร์ไฮเวย์วิ่งข้ามเขตรอยต่อจังหวัด
ไปถึงที่ทำงานแล้วก็จอดยาวจนถึงเย็น
วันหยุดก็จะเข้าเมือง ขึ้นห้าง กินข้าวดูหนังหรือไปเที่ยวนอกเมือง ไปทีละ 2 คนบ้าง บางครั้งก็มีเพื่อนไปอีก 2-3 คน
กลับบ้านต่างจังหวัดนั่งกับแฟน 2 คน เดือนละ 1-2 ครั้ง ขนตะกร้าเสื้อผ้าส่วนตัวและของฝากพวกขนม เครื่องใช้ในบ้านไปฝากบ้าง ระยะทาง 150-200 กม.
เส้นทางขึ้นลงเขาคดเคี้ยว วิ่งบนเขาสองเลนสวนกันบางครั้งก็อาจจะมีเร่งแซงรถสิบล้อเป็นช่วงๆ ถึงบ้านก็พาครอบครัวไปกินข้าวซื้อของ
นิสัยการขับขี่ทั้งสองคนวิ่งทางดำเป็นหลัก ถ้าในเมืองก็วิ่งตามคันหน้าไปเรื่อยๆ แต่วิ่งทางหลวงถ้าปกติก็ 80-120 กม./ชม. ไม่เกินนี้
คิดเฉลี่ยแล้วใช้รถปีละ 25,000 กม.
มีงบดาว์นรถ 250,000 บาท จากลักษณะการขับขี่ของผมและแฟนควรจะเลือกตัวไหนดีครับ
1. รถ Eco Car มือหนึ่ง Mitsubishi Attrage ตัวท็อป ราคา 599,000 บาท
2. รถ B-segment มือหนึ่ง City V 649,000 บาท หรือ Jazz V 654,000 บาท
3. รถ C-segment มือสองไปเจอมาถูกใจคือ Altis 2.0V โฉมหน้าแบน ตัวไมเนอร์เชนจ์ เครื่อง Dual เกียร์ CVT ปี 2012 ไมล์ 6 หมื่น ราคา 490,000 บาท อีกทั้งยังมอง Altis หน้าแบนตัว 1.8 หรือเป็น Civic FD 1.8/2.0 อันนี้เก็บไว้พิจารณาอีกทีครับ
อยากจะขอถามทุกท่านว่าตามลักษณะการขับขี่ ควรจะเลือกข้อไหนดีครับ เรื่องอัตราเร่งจากเดิมที่ขับกระบะเวลาเร่งแซง ขึ้นเขาถือว่าทันใจดี
แต่ถ้าเปลี่ยนมาเป็นเก๋งเบนซินผมคิดว่าผมสามารถปรับเปลี่ยนพฤติกรรมได้ไม่มีปัญหาใดๆ ส่วนความสบายจากช่วงล่างคิดว่าผมคงจะรู้สึกดีขึ้นเพราะกระบะที่ขับอยู่ก็เด้งๆดีดๆจนชินแล้ว เพียงแค่ต้องการมองหาความสบายให้ผู้้โดยสารตอนหลัง และการใช้สอยที่บางครั้งเวลาเอาคนนั่งเต็มที่นั่งแล้วต้องเอาสัมภาระไปวางตากแดดตากฝนอยู่หลังกระบะ (ของบางอย่างเปียกไม่ได้ คนต้องออกไปนั่งตากฝนแทนก็เคยนะครับ 55+) เรื่องอัตราบริโภคน้ำมันขอมองกลางๆครับ เอาเป็นว่างบเติมน้ำมัน
ปัจจุบันที่รับได้ประมาณเดือนละ 3-4 พันบาท
ขอขอบพระคุณชาว Headlightmag มา ณ โอกาสนี้ด้วยครับ
**ปล.**
ที่มี Altis มือสองมาด้วยเพราะว่าในตอนแรกมองหารถมือสองอย่างเดียวครับและโดยส่่วนตัวคิดว่าสมรถถนะของรถ C-segment น่าจะทำได้ระดับที่ดี
และเบาะหลัง Altis พับได้ 60:40 แต่เอาไปเอามาคิดว่ารถมือหนึ่งก็ควรเป็นตัวเลือกที่ไม่น่ามองข้ามไปในเรื่องของการบำรุงรักษาและดอกเบี้ยที่ถูกกว่า
ตอนนี้ไปคุยกับเซลล์ของ Mitsubishi มาแล้วแต่ยังไม่ได้ลองขับ ซึ่งในระดับนี้มี Nissan Almera เป็นอีกตัวเลือกหนึ่ง
แต่แฟนผมเธอไม่ชอบรูปทรงเป็นการส่วนตัว และทาง Attrage ก็ให้ออพชั่นที่ดีกว่าคือ ระบบความปลอดภัยกันลื่นกันไถล เตือนชนด้านหน้า ครูซคอนโทรล
ได้ส่วนลด 45,000 บาท, น้ำมันเต็มถัง, คูปองน้ำมัน 2000, สปอยเลอร์, ที่พักแขน, ฟรีค่าแรง 10 ระยะ, เช็ค 1000 กม.แรกฟรี
รับประกัน 5 ปีหรือแสนโล ส่วนของแถมมาตราฐานอื่นๆ เช่น ป.1 พรบ. ทะเบียน คิ้วกันสาด ฟิล์ม ยางปูพื้น พรมปูพืน กรอบป้าย ก็ได้ตามปกติ
แถมยังได้ลำโพงบลูทูธเอามาฟังเพลงเวลาพ่อบ้านอย่างผมล้างจาน ถูบ้าน ซักผ้า
ส่วน City และ Jazz ยังไม่ได้คุยกับเซลล์เรื่องรายละเอียดต่างๆ เพียงแค่ไปลองลูบๆคลำๆมา ก็ถือว่าภายในทำมาได้ดีทั้งคู่ City ก็ได้พื้นที่เก็บของกระโปรงหลัง
Jazz ก็ดีตรงที่พับเบาะได้ราบ เอาผ้าปูนอนได้เลย เผลอๆอาจตั้งวงจั่วไพ่ได้ด้วยซ้ำ!!!