จากข่าวนี้ครับ
http://www.headlightmag.com/nissan-low-price-ev-news/อ่านแล้วอิจฉาครับที่รัฐบาลเขาวางแผนจับเทรนด์ตรงนี้ไว
แต่ของเราค่อนข้างจะช้ามาก และยังไม่มีเป้าที่ชัดเจน
คือถ้าทำได้ มันก็จะพาเศรษฐกิจเจริญก้าวหน้าไปด้วยครับ
แต่มันต้องผ่านกำแพงแบริเออร์ไปให้ได้ก่อน
ผมว่า ตัวเราเองจะใช้หรือไม่ใช้มันก็เรื่องหนึ่งครับ
แต่เรื่องที่ไม่ควรอคติกับมันๆ ก็อีกเรื่องนึง คือเราไม่มีเหตุผลอะไรที่จะไปต้านมัน
โดยเฉพาะภาครัฐที่ควรจะมีวิสัยทัศน์
ผมว่าเราเลยผ่านยุคที่เถียงกันเรื่อง คุ้มไม่คุ้มกับเรื่องกำจัดขยะสารพิษจากแบตไปไกลแล้ว
ตอนนี้มาถึงเฟสที่ว่าจะช่วยกันคิดยังไง ให้มันสามารถเกิดขึ้นได้ในประเทศ
เพราะถ้ามันผ่านจุดที่หนึ่งไปได้ ถัดไปคือชิ้นส่วนพวกนี้มันจะถูกลงเรื่อยๆ
แต่ใจนึงผมก็ยังคิดว่าไม่ไหวนะ ที่จะต้องมาคอยคำนวนระยะทาง
ระยะเวลาที่ต้องชาร์จไฟ เผื่อเวลาชาร์จไฟนานๆ และต้องวางแผนการเดินทางตลอด
ผมถึงคิดว่าถ้ารถยังคงเติมน้ำมันได้อยู่ก็คงจะดีนะ
ถ้า e-power มาก็คงเข้าใกล้ความเป็นจริงที่สุดมั้ง จนกว่าจะมีแท่นชาร์จ
ไปทั่วแบบปั้มน้ำมัน และอีกอย่างที่ยังยากคือ เราจะหาไฟ้ามากมายมาใช้เติมให้รถจากไหน
ซึ่งหลายคนบ่นถึงจุดนี้ ดังนั้นอนาคตอันใกล้ที่น่าจะเป็นไปได้ในทันทีก็คงเป็นรถ
ที่เป็นแนวๆ ปั่นไฟเพิ่มในตัวเองจากกำลังของเครื่องยนต์สันดาปไปก่อนอีกนานเลยทีเดียว
คิดว่ายังไงบ้างครับ