ถ้าผมเข้าใจไม่ผิดนะครับ
e-power ของ Nissan นี้มันคือรถไฟฟ้านะครับ
ถ้าจะเปรียบเทียบระหว่าง รถดั้งเดิมขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์สันดาปภายใน(ICE) vs รถไฟฟ้า vs รถ hybrid ตามความเข้าใจของผม แบบคนที่ไม่ได้รู้เรื่องรถอะไร ได้แต่เข้ามาอ่านๆ ฟังๆ จาก Guru มากมายในเว๊บนี้ คือ
1. รถทั่วไปที่เราใช้อยู่ ที่ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์เบนซิน ดีเซล จะมีระบบขับเคลื่อนด้วยการใช้การทำงานจากการหมุนของเครื่องยนต์เบนซิน หรือดีเซลก็แล้วแต่ ผ่านระบบส่งกำลัง โดยใช้เกียร์เป็นตัวช่วยควบคุมอัตราทด และมีการส่งกำลังผ่านเพลาถ้าเครื่องกับระบบขับเคลื่อนไม่ได้อยู่ด้านเดียวกัน ซึ่งการทำงานด้าน mechanic เหล่านี้จะพบว่าเสียง และความร้อนมากมาย ออกมา นั้นคือการสุญเสียพลังงานไป หมายถึงพลังงานจากการเผาไหม้จากห้องเครื่อง 100 ส่วนจะถึงล้อจริงๆกี่ส่วน ผมว่าน่าแค่ครึ่งเดียวมั้งอย่างมาก เพราะมีการส่วนเสียพลังงงานจากความเครียดความเค้นผ่านเนื้อวัสดุในระบบส่งกำลังมหาศาล จนเราต้องมีระบบหล่อลื่นมากมายและต้องเปลี่ยนมันปล่อยๆตามสภาวะการใช้งาน
2. รถไฟฟ้า คือรถที่ใช้พลังงานที่มีไปขับมอเตอร์ที่ต่อกับล้อโดยตรง ใช้ครับมีการสูญเสียพลังงานที่มอเตอร์ไปหมุนล้อ ที่จะมีความร้อน เหมือนใช้พัดลมนั้นแหละครับ ถ้าไม่นับพฤติกรรม การขับรถ การจะสูญเสียความร้อนจากการทำงานมอเตอร์รถ หลักมาจากประสิทธิภาพของมอเตอร์ และ โปรแกรมที่เขียนมาควบคุมว่าเขียนดีมีประสิทธิภาพแค่ไหน ลองนึกดูนะครับว่า พลังงานที่จะสูญเสียมีแค่ตรงมอเตอร์เป็นหลักจุดเดียวนะครับ เทียบกับระบบรถดั้งเดิม ที่มีจากห้องเครื่องกว่าไปถึงล้อผ่านอะไรกี่จุด
3. รถไฟฟ้า hybrid คือผมมองว่า คือรถแบบดั้งเดิม ที่มีเครื่องยนต์ มีเกียร์ ระบบส่งกำลัง และ มีระบบไฟฟ้ามาช่วยเสริม ช่วยให้กำลังรถ หรือ ช่วยประหยัดพลังงานด้วยวิธีต่างๆ มาเสริมเข้าไปในรถด้้งเดิมดังกล่าว เช่น นำพลังงานจากการเบรคกลับมาป้อนเข้าแบตเตอรี่เพื่อใช้พลังงานใหม่ หรือช่วงที่รถวิ่งไม่เร็วก็ใช้พลังงานจากแบตเตอรี่ที่สะสมไว้ ช่วยไม่ให้รถเครื่องยนต์ หรือ อาจใช้เครื่องยนต์ที่รอบต่ำลง
มาถึง e-power ของ Nissan ผมมองว่ามันคือ รถไฟฟ้า (ผมเดานะว่าระบบขับเคลื่อนน่าจะใช้ motor ไปขับเคลื่อนล้อโดยตรง มันไม่น่าจะเอาต้องมีระบบส่งกำลังแล้ว) เพราะแบบนี้จะลดและประหยัดชิ้นส่วนกว่ามาก และตามความเข้าใจผม
มันจะเป็นการใช้พล้งงานที่มีประสิทธิภาพสูงกว่าด้วย เพียงแต่พลังงานจากแบตเตอรี่ไม่ได้มาจากการชาร์ตไฟ มันมาจากการหาเครื่องยนต์มาปั่นไฟเข้าแบตเตอรี่ ถ้าคุณไม่ใช้ตีนผี เหยียบคันเร่งมิดตลอดนะครับ ผมว่า รถแบบนี้เครื่องยนต์ที่ติดตั้งสามารถเดินที่รอบเดินเบาสม่ำเสมอ ไปได้เรื่อยได้สบาย แถมอาจจะเครื่องยนต์แค่ ขนาด 600-1200 cc ก็น่าจะพอเหลือ หรือเต็มที่ 1000 cc Turbo ถ้าสมมติรถหนักไม่ถึง 1.5 ตันนะครับ อันนี้ผมกะเอาเองนะครับ รถที่ระบบแบบนี้ เรียกเป็นแบบ สามัญว่า Range Extender ที่ผมได้ยินครั้งแรกจากการฟังคุณแพน จากรายการวิทยุของ Headlightmag นี้แหละ ตอนแรกก็สงสัยว่าทำไมคุณแพนถึงว่ามันน่าจะดีและน่าสนใจ พอฟังๆไปและอ่านไปเรื่อยก็เห็นด้วยอย่างยิ่งครับว่า ผมว่านี้นะน่าจะเป็นระบบ Interim ระหว่างเครื่องยนต์สันดาป และ ไฟฟ้า แบบที่พอเพียง ระหว่างรอที่แบตเตอรี่จะถูกและสามารถผลิตและกำจัดได้อย่างปลอดภัยไม่เป็นมลพิษจริงนะครับ เพราะว่า รถที่เป็น Range Extender สามารถวิ่งระยะทางได้ไกลมากพอควร คือน่าถึง 600-1000 กิโลเมตรต่อน้ำมัน 1 ถังที่อยู่ระหว่าง 20-40 ลิตร ได้สบายๆ และที่สำคัญมันคือรถไฟฟ้า ที่คนใช้ บริษัท และช่างซ่อม ได้สัมผัส และได้มีประสบการณ์การใช้ การดูแลรักษา กับรถไฟฟ้าอย่างจรืงจัง (คนใช้ได้รู้ว่า ประสิทธิภาพ การประหยัดจากการใช้งาน และ การบำรุงรักษาเป็นอย่างไร, บริษัท รู้ว่าต้องสื่อสารอะไร และเตรียมการผลิต ชิ้นส่วนอะไร เท่าไรดี, และช่างซ่อม ได้รู้ว่าต่อไปต้องเรียนรู้ระบบ และรู้จักปัญหาที่ต้องแก้ไขยังไง)
>>> แต่ไปอ่านในเว็บ เขาก็ให้ระบุว่า e-power เป็น Series Hybrid นะครับ (ผมเป็นการนิยามว่าที่มองว่า ถ้ารูปการใช้พลังงานกับการขับเคลื่อนไม่ได้มาจากแหล่งเดียวกัน หรือมีมากกว่า1 ในแต่ละมิติเขาจัดเป็น hybrid นะครับ แต่ในมุมที่ผมพูดไปก่อนหน้าเป็นการเน้น ระบบอะไรที่ไปทำให้ล้อรถหมุนนะครับ)
และผมไปอ่านพบอีกว่ามีการทดสอบ โดยยกตัวอย่างประสิทธิภาพ ของ Electrical Motor Generator (ในส่วนมอเตอร์ที่ใช้ไฟ ไปหมุนล้อ) ของรถ Prius ในปี 2004 มีประสิทธิภาพ อยู่ระหว่าง 77-93% นั้นหมายถึงตอนที่วิ่งในโหมด EV ประสิทธิภาพการใช้พลังงานจะสูงเกิน 70% หรือ อาจไป 85-90% เลยเชียวนะครับ และที่ความเร็วรอบของมอเตอร์ระหว่าง 1200-5000 มีประสิทธิภาพ ระหว่าง 85-93% สำหรับความต้องการ torque น้อยกว่า 200 Nm ซึ่งผมว่าประสิทธิภาพน่าดีกว่า ของระบบ ICE ที่กว่าพลังงานจากต้นทางมาถึงล้อรถยนต์นะครับ
ปล. ข้อมูลตัวเลขดูคร่าวจากบทความนี้นะครับ
https://www.greenoptimistic.com/electric-cars-gears/#.WXGsF4TyjIU