« ตอบกลับ #29 เมื่อ: กรกฎาคม 23, 2017, 11:28:45 »
ถ้าต้องให้ขับแบบอัดบ้าง ผมว่า คงไม่ถูกต้องนักสำหรับการใช้รถยนต์ทั่วๆไป มีหลายคนที่เขาไม่ได้ขับรถเร็วเกิน 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงและขับไปทำงาน แค่ไม่กี่กิโลเมตร ก็คงจะไม่สามารถใช้ มาสด้า 2 ดีเซลได้ใช่หรือไม่ เพราะก็จะทำให้เจอปัญหาเหมือนหลายๆ ท่านใช่ไหมครับ ถ้าจะซื้อคงไปตัวเบนซินที่ไม่มีปัญหาเหมือนกัน ซึ่ง ราคาก็ถูกว่าด้วย
จะว่ายังงั้นก็ได้ คือขับน้อยไม่ค่อยไ้ด้ใช้รถเยอะ หรือต้องการพละกำลังแรงบิดช่วงต้น ๆ ขนาดนั้น ไม่จำเป็นต้องซื้อดีเซลเลย เก็บเงินส่วนต่างหลักแสนไปเติมน้ำมันดีกว่า
ปิคอัพก็เหมือนกันแต่ปิคอัพวัสดุใหญ่กว่าและไม่ซับซ้อนเท่านี้ พวกที่ผมเห้นรีวิวการใช้งานหลายคนวิ่งกันเยอะมาก บางคนวิ่งเยอะมากเครื่องยนต์ไม่พังกันง่าย ๆ นะครับ ปิคอัพวิ่งทะลุ 1 ล้านกิโลเมตรมีเยอะไป แต่รถดีเซลที่จอดไว้ไม่ค่อยได้ใช้มักไปเจออู่ซ่อมเร็วกว่า
ตัวผมเองใช้ Fortuner2.7 เบนซินเป็นหลัก 10 ปีแล้วรถวิ่ง 245,000 กิโลเมตรเท่านั้นเอง หลายคนบอกว่าเอาดีเซลดีกว่ารถ PPV ขึ้นเขาแรงบิดดีดีกวว่ากำลังเหลือเฟือกว่า แต่ผมใช้ตัวเบนซิน 2.7 มันก็ไม่เห็นมีปัญหาอะไร ทำความเร็วได้ดีแรงบิดดีกว่าเครื่องเบนซินรถเก๋งเล็ก ๆ และดีเซลปิคอัพสมัยก่อนอีก แค่นี้ก็เพียงพอแล้ว เพราะขึ้นเขาขึ้นดอยระดับภูทับเบิก หรือดอยตามภาคเหนือผมว่าสบายทีเดียวเทียบกับแรงบิดรถเก๋ง ตอนผมซื้อสมัย 10 ปีที่แล้วระหว่างดีเซล 3.0 กับเบนซิน 2.7 ผมเลือกเบนซิน 2.7 เพราะเหตุผลเลยคือ
1. ดีเซลแพงกว่าตัวเบนซิน 1 แสนบาท
2.ไม่มีเงินค่าน้ำมันดีเซล ตกโลล่ะ 3 บาทคำณวนราคาน้ำมันตอนนั้น เีทียบกับเอา 2.7 เบนซินมาติดแก๊สถูกกว่ากัน 1 บาท
3.ผมเป็นคนใช้รถน้อยแบบนี้ละ ไม่เยอะเกินไป กลัวค่าซ่อมเครื่องดีเซล ตอนนั้นเงินเดือนไม่มาก ถ้าซ่อมเทอรโบ หัวฉีด คอมมอนเรลคิดว่าแพงเกินความจำเป็๋น เลยเอาเบนซิน 2.7 ดีกว่าภาระค่าซ่อมน้อยกว่า
แต่ตอนนี้ถ้าเลือกได้คงจะเลือกดีเซลครับ เหตุผลหลัก ๆ เลย ตอนนี้มีเงินครับ เลยไม่กลัวทั้งค่าน้ำมันและค่าซ่อมสำหรับรถตลาดคิดว่ารับไหว ซื้อดีเซลมาเพื่ออินเทรนด์โดยเฉพาะ