ผู้เขียน หัวข้อ: ภาษีใหม่รถ Hybrid ถ้าจัดให้ตัวธรรมดาเป็นรุ่น low ส่วนที่เหลืออีก 3-4 รุ่นเป็น HV จะช่วยยอด HV มั้ย  (อ่าน 6021 ครั้ง)

ออฟไลน์ Dark Overlord

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 4,804
  • Hail to the darkside
ถามถึงความคิดเห็นของท่านว่าคนทั่วไปจะหันมาซื้อรถ Hybrid กันมากขึ้นมั้ย
ถ้าค่ายรถจัดให้ตัวธรรมดาเป็นรุ่น low ส่วนที่เหลืออีก 3-4 รุ่นเป็น HV ล้วน
วัตถุประสงค์เพื่อการบอกผู้บริโภคว่าเรากำลังเข้าสู่ยุคไฟฟ้าแล้วนะ
โดยราคารุ่น Hybrid ดูคุ้มเมื่อเทียบกับรุ่นเครื่องธรรมดาตอนก่อนภาษีใหม่

เช่นของเดิม
Camry HV top 1.85 ล้าน
Camry HV 1.65 ล้าน
Camry 2.5G 1.6 ล้าน
Camry 2.0 Extremo 1.5 ล้าน
Camry 2.0G 1.4 ล้าน

เปลี่ยนเป็น

Camry HV top 1.75 ล้าน
Camry HV Extremo 1.55 ล้าน
Camry HV 1.45 ล้าน
Camry 2.0G 1.4 ล้าน

รุ่นใหม่เช่น CH-R ก็ประมาณ

CH-R HV top 1.2 ล้าน (อาจจะ 4WD)
CH-R HV TRD Sportivo 1.1 ล้าน
CH-R HV standard 9.5 แสน
CH-R 1.8 cvt 8.5 แสน

กระทู้นี้ไม่ใช่ว่าผมเชียร์ HV จนขึ้นสมองนะครับ แค่อยากจะรู้ว่า
ถ้าค่ายรถออกแบบมาแบบนี้ ดูเป็นแกมบังคับหน่อย ผู้บริโภคทั่วไปจะหันมา
สนใจ HV มากขึ้น หรือว่า เปลี่ยนไปซื้อรุ่นอื่นแทน 555

แต่ใน scenario ที่ว่าก็เท่ากับว่าในราคาเท่าๆ กัน ก็จะได้เครื่องธรรมดาของรุ่นอื่นนะครับ

และคำถามถัดมา
ถ้าเกิดเป็นมากกว่าแค่ค่ายบางค่าย แต่เป็นกันหมดทุกค่าย
ที่ทำรุ่น top รุ่นรองทุกรุ่น เป็น HV หมด เหลือรุ่น low ไว้เป็นเครื่องปกติ
ไว้ให้รักษาน้ำใจเล็กน้อย (สมมติพวกญี่ปุ่นจับเข่านั่งประชุมหารือกันว่าจะเปลี่ยนพร้อมกัน)
คิดว่าจะสามารถหันเหผู้บริโภคส่วนใหญ่ได้หรือไม่ เหมือนที่คนหันมานิยม iPhone แสนแพง
ทั้งๆ ที่มีไม่กี่คนที่ใช้งานมันได้เต็มที่ ซึ่งกระแสนี้สร้างโดยสตีฟ จ็อบซึ่งเขาพูดอยู่เสมอประมาณว่า
เขาไม่สนใจว่าคนซื้อกำลังต้องการอะไร แต่เขารู้ว่าคนซื้อจะต้องการอะไร (หมายถึง ผู้ผลิตเป็นผู้
สร้างกระแสในตลาด ไม่ใช่แค่ทำตามสิ่งที่ผู้บริโภคต้องการหรือกระแสที่สร้างขึ้นโดยผู้บริโภค)

ออฟไลน์ xman2029

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,350
    • อีเมล์
ผมว่า อาจจะเกิดก็ได้ ในกรณีc-hr ถ้าทำราคาอย่างที่บอกได้ แต่ต้องดูออฟชั่นด้วย ถ้าออฟชั่นโล้นๆตามนิสัย โตโยต้า แล้วราคาเท่านี้แต่มีระบบไฮบริดมาให้ ก็เกิดยาก ถ้าอยากแจ้งเกิดระบบไฮบริดจริงออฟชั่นต้องเท่ากับ hr-v แล้วมีระบบไฮบริด ผมว่ายังพอมีโอกาสเกิด เพราะคนรุ่นใหม่ๆ เขาสนใจเรื่องออฟชั่นกับราคา สิ่งไก้มาเมื่อเทียบกับค่ายรองๆมาเป็นตัวแปรในการเลือกใช้รถเหมือมกัน ไม่เหมือนคนรุ่นเก่าที่ต้องเจ้าตลาดเท่านั้น

ออฟไลน์ h0661036

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 927
คนที่ไม่อยากได้  ยังไงก็ไม่อยากได้ครับ  เช่นผมเป็นต้น สาเหตุเพราะผมใช้รถน้อย ไม่รู้จะเสียเงินเพิ่มไปใช้ hybrid ทำไม  ราคาน้ำมันก็คงไม่แพงเหมือนในอดีตแล้ว  ตอนที่ผมซื้อ camry ผมอยากได้ option ที่เพิ่มขึ้น  แต่ option ดันไปอยู่ใน HV   สุดท้ายก็ต้องเอา 2.0 G แทน

ออฟไลน์ lay

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,270
น่าสนใจนะครับ  และอยู่ที่ความจริงใจของผู้ผลิตด้วย  ว่าจะให้ผลประโยชน์ทางด้านภาษีถึงมือผู้ซื้ออย่างเต็มที่

ออฟไลน์ GOBBS

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,033
ตัดมาเฉพาะ CHR ที่เสนอมานะครับ
ผมเอา 1.8cvt ไปแต่งเป็น TRD 55555 ส่วนต่างหลายแสนเลยนิ
น้ำมัน มันไม่ได้แพงจัดเหมือนยุคก่อนครับ และราคามือสองไฮบริดตอนนี้มันร่วงจนกลัวกันหมด 1.8+cvt ของโตตัวนี้ก็ไม่ได้ซดมากมายอะไรด้วย
และเอาเข้าจริงๆ พลังของ 1.8CVT มันก็กดได้เกินกฎหมายกำหนดไปได้ไม่ยาก(และผมก็ขับช้าไม่ได้ใช้ด้วย) จนคิดว่า จะเอาพลังที่มากกว่าของไฮบริดทำไม
และผมก็ไม่ได้ใช้รถถึงหลัก 3-4หมื่นโลต่อปี ที่ไฮบริดพอจะคุยได้เรื่องความคุ้มของค่าน้ำมันด้วยสิ...
ถ้า CHR ออกมาแบบนี้ HV ไม่เกิดครับ ภาษีเหลือ 5 ต้องดัมพ์ลงมามากกว่านี้หนะครับ Xtrail Hybrid ราคาต่างกับตัว2.0 ไม่ถึงแสนนิครับ ถ้าจำไม่ผิด
และผมว่า ถ้าโต ไม่ทำเครื่องธรรมดา top option ตลาดตรงนี้ก็จะเสร็จ HRV - CX3 เอานะครับ
.....2006 honda jazz idsi
.....2015 mazda2 skyD
..ใช้รถเท่าที่จำเป็นกันเถอะครับ...รถมันติด

ออฟไลน์ Dark Overlord

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 4,804
  • Hail to the darkside
ตัดมาเฉพาะ CHR ที่เสนอมานะครับ
ผมเอา 1.8cvt ไปแต่งเป็น TRD 55555 ส่วนต่างหลายแสนเลยนิ
น้ำมัน มันไม่ได้แพงจัดเหมือนยุคก่อนครับ และราคามือสองไฮบริดตอนนี้มันร่วงจนกลัวกันหมด 1.8+cvt ของโตตัวนี้ก็ไม่ได้ซดมากมายอะไรด้วย
และเอาเข้าจริงๆ พลังของ 1.8CVT มันก็กดได้เกินกฎหมายกำหนดไปได้ไม่ยาก(และผมก็ขับช้าไม่ได้ใช้ด้วย) จนคิดว่า จะเอาพลังที่มากกว่าของไฮบริดทำไม
และผมก็ไม่ได้ใช้รถถึงหลัก 3-4หมื่นโลต่อปี ที่ไฮบริดพอจะคุยได้เรื่องความคุ้มของค่าน้ำมันด้วยสิ...
ถ้า CHR ออกมาแบบนี้ HV ไม่เกิดครับ ภาษีเหลือ 5 ต้องดัมพ์ลงมามากกว่านี้หนะครับ Xtrail Hybrid ราคาต่างกับตัว2.0 ไม่ถึงแสนนิครับ ถ้าจำไม่ผิด
และผมว่า ถ้าโต ไม่ทำเครื่องธรรมดา top option ตลาดตรงนี้ก็จะเสร็จ HRV - CX3 เอานะครับ

ผมคิดว่า Hybrid นี่ไม่ควรชูโปรโมทเรื่องความประหยัดเลยครับ เพราะ
จะโดนด่าสวนกลับเรื่องค่า part Hybrid ที่แพงโคตร (ตั้งแต่แสนถึงสองสามแสน)
คงอวดได้แค่เรื่องเทคโนโลยีอย่างเดียวแหล่ะครับ และก็ต้องลง ads เรื่องสิ่งแวดล้อมพวก
มลพิษในเมืองบ่อยๆ ทำโฆษณาเป็นเด็กๆ เดินในเมืองที่มีควันพิษก็ได้ จับใส่หน้ากากกันแก๊สพิษ
เลย แล้วพอรถ HV วิ่งมา อากาศก็โล่งขึ้น อธิบายต่อเลย อากาศดี สมองดี ไม่มีมะเร็งร้าย ให้
หมอโอ้คมา present เลย 555
รถ HV กับบ้านเรา ยังไงก็ใช้ไม่คุ้มครับ ไม่ประหยัดหรอก แต่ที่มันดีคือมันไม่พ่นควันตอน
รถติดๆ ที่โหมด EV มันทำงาน แล้วก็อาจจะได้เป็น EV ตลอด ถ้ารถไม่ติดแหงกจนไฟหมดซะก่อน
ถ้าบังคับใช้ในเมืองได้จริงๆ อากาศบริสุทธิ์แน่ๆ ครับ ผมแค่ส่งแม่ลงตรงใกล้สี่แยกพัฒนาการ
นั่นก็ไม่ค่อยในเมืองเท่าไหร่นะครับ ประตูเปิดแป้บเดียว โอ้ว แม่เจ้า กลิ่นควันพิษโคตะระเหม็นเข้า
มาเต็มๆ เลยครับ ลูกเล็กผมก็นั่งในรถสองคน ต่อมาเลยไม่ส่งตรงใกล้ๆ สี่แยกแล้ว
ผมคิดว่ารัฐบาลบังคับได้ก็ควรบังคับครับ เด็กไทยสอบ PISA ได้ที่ 55 จาก 70 ประเทศ
เวียดนามได้ที่ 8 สิงคโปร์ได้ที่ 1 OECD บอกว่าคะแนนต่ำกว่ามาตรฐาน
ค่าเฉลี่ยไอคิวเด็กทั้งประเทศก็ต่ำกว่ามาตรฐาน ถ้าผมเป็นรัฐบาล เอาสองเรื่องนี้มาอ้างปุ๊บ
สั่งบังคับทันทีตั้งเป้าหมายไปทางรถ EV, Hybrid เต็มที่ภายในปีไหน
เพราะมันหนีไม่พ้นแล้วครับ จริงๆ อากาศมันสูดไม่ได้ตั้งแต่ 20 กว่าปีที่แล้ว
ตอนผมเด็กๆ ไป กลับ รร. เอง

เพิ่มเติม แต่รัฐควรออกกฏหมายควบคุมราคาอะไหล่ Hybrid กับรถไฟฟ้าด้วยนะ
ห้ามเกินกี่% แล้วต้องลดราคาชิ้นส่วนที่แพงทุกปีๆ กี่% ถือว่าเป็นการปกป้องผู้บริโภคด้วย
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: สิงหาคม 01, 2017, 17:29:37 โดย Dark Overlord »

ออฟไลน์ NINENOI

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 5,732
  • Nine & Knight
Re: ภาษีใหม่รถ Hybrid ถ้าจัดให้ตัวธรรมดาเป็นรุ่น low
« ตอบกลับ #6 เมื่อ: สิงหาคม 01, 2017, 17:31:18 »
ผมใช้รถแค่ปีละหมื่นโลเยอะสุดก็หมื่นสาม ไม่เคยคิดสนใจระบบไฮบริดเลยต่อให้ประหยัด 50 โลลิตรก็เฉยๆเพราะค่าน้ำมันผมแค่ปีละสองหมื่นห้าเองประหยัดได้อย่างมาก็ปีละหมื่นแต่ค่าบำรุงรักษาค่าประกันคงมากเกินกว่านี้ไหนจะเรื่องดอกเบี้ยที่เสียเพิ่มกับส่วนต่างราคามือสองอีก (แม้ไม่ขายใช้ยาวๆก็ถือเป็นมูลค่าของมันขณะนั้นๆ)

ถ้าจะให้หันมามองต้องคุ้มค่าที่จะใช้ซะก่อนหรือไม่มีตัวเลือกในตลาดแล้ว
ถ้าเราซื้อของที่ไม่จำเป็น สุดท้ายเราต้องขายของที่จำเป็น

ออฟไลน์ MUK

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,999
CHR จะมาราคาประมาณนี้จริงหรือครับผม

ออฟไลน์ XaNaX

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 589
    • อีเมล์
เพิ่มการรับประกันไฮบริดเป็น 15 ปีหรือตลอดอายุการใช้งาน รับรองยอดกระจาย

ออฟไลน์ XyteBlaster

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,293
    • อีเมล์
http://jalopnik.com/electric-and-hybrid-cars-might-produce-as-many-toxins-a-1775747577

สื่ออีกกระแสนึง ก็อาจจะเป็นแหล่งได้ว่า ... ev , hybrid ก็ไม่ได้รักษ์โลกนะครับ

ออฟไลน์ Chris Evn

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,155
คิดว่า ราคาเท่าเดิมแล้วเพิ่ม option

ออฟไลน์ Dark Overlord

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 4,804
  • Hail to the darkside
http://jalopnik.com/electric-and-hybrid-cars-might-produce-as-many-toxins-a-1775747577

สื่ออีกกระแสนึง ก็อาจจะเป็นแหล่งได้ว่า ... ev , hybrid ก็ไม่ได้รักษ์โลกนะครับ

อ่านแล้วดูเหมือนมีสาระ แต่พอมองเหลี่ยมจริงๆ แล้ว
เหมือนหัวข้อกระตุ้นให้ผู้อ่านอยากอ่านเฉยๆ ครับ ฝรั่งชอบทำแบบเนี่ย  ;D

ออฟไลน์ vitavas

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 273
    • อีเมล์
ถ้ามีการรับประกันราคาขายต่อ ก็คงจะขายได้ดีขึ้นครับ เช่น รับซื้อคืนในราคา 50% ถ้ารถไม่เกิน 5ปี

แต่คงเป็นไปได้ยากครับ

ออฟไลน์ SM.

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 27,435
คนไม่กล้าใช้ เพราะกลัวปัญหาตามมา

ผมว่า บ.รถ ก็ยังไม่กล้าขนาดบังคับกันทุกรุ่นย่อย สุดท้ายยอดขายจะเป็นตัวบอกเองว่า ผู้บริโภคคิดยังไง

ออนไลน์ PAN

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,934
ไม่ก็ทำตัวHybridเป็นตัวล่างๆแต่รุ่นท็อปHybridราคาตำกว่าเบนซินเทอร์โบ(สมมุติ) แบบอย่างที่lexusทำราคา

ออฟไลน์ punn

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,599
  • may the force lead your way ...
กลับกันจากเดิม ถ้าใช้แนวรักษ์โลกไม่ได้
งั้นก็เซ็ทเป็นรุ่นบ้าพลังไปเลย ประมาณว่าราคาใกล้ๆกันแต่ perfomance กินขาด

เหมือน note e-power ยอมรับว่าเห็นตัวเลขอัตราเร่งแล้วตะลึงไปบ้าง  ;D
เป็นคนโลกปกติธรรมดา :)
ไม่โลกสวย และไม่โลกมืด อยู่กับความเป็นจริงและพลังงานบวก ..

ปราชญ์สอนสิ่งไหน คนก็จะจำสิ่งนั้น
ประสบการณ์เจอแบบไหน คนก็จะคิดทางนั้น
ต่างคนต่างประสบการณ์เรียนรู้สิ่งเดียวกัน ก็จะออกมาแตกต่างกันไปครับ

ออฟไลน์ Dark Overlord

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 4,804
  • Hail to the darkside
กลับกันจากเดิม ถ้าใช้แนวรักษ์โลกไม่ได้
งั้นก็เซ็ทเป็นรุ่นบ้าพลังไปเลย ประมาณว่าราคาใกล้ๆกันแต่ perfomance กินขาด

เหมือน note e-power ยอมรับว่าเห็นตัวเลขอัตราเร่งแล้วตะลึงไปบ้าง  ;D

แหวกแนวดีครับ

ไม่ก็ทำตัวHybridเป็นตัวล่างๆแต่รุ่นท็อปHybridราคาตำกว่าเบนซินเทอร์โบ(สมมุติ) แบบอย่างที่lexusทำราคา

น่าทำไปอีกแบบครับ

ออฟไลน์ Mr. RO

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 183
    • อีเมล์
คนจะซื้อรถ ส่วนใหญ่คงเน้นว่า เรื่องค่าใช้จ่ายที่ต้องเสียไปของตนเองเป็นส่วนใหญ่นะครับ คงมีส่วนน้อยคิดเรื่องโลกร้อน ,มลพิษ คนส่วนใหญ่คิดว่าเป็นเรื่องส่วนรวม  ดังนั้นถ้ารถไฟฟ้าหรือ Hybrid ถ้าซื้อแล้วมีต้นทุนโดยรวมสูงกว่า ก็คงจะยากที่คนจะซื้อใช้เยอะ
แต่ต้นทุนโดยรวมที่สูงมาจากอะไรบ้าง ราคาตัวรถ+ค่าเชื้อเพลิงหรือพลังงาน+ค่าใช้จ่ายในการซ่อมบำรุง( ค่าวัสดุสิ้นเปลืองในการดูแลรักษา เช่น ไส้กรอง,น้ำมันหล่อลื่น, อื่นๆ + ราคาอะไหล่ + ค่าใช้จ่ายในการซ่อมบำรุง + ต้นทุนเวลาในการซ่อมบำรุง(หาช่างยากไหม ซ่อมจบไหม))
จากข้างต้นจะเห็นว่า
รถ  hybrid  จะดีแค่ ค่าเชื้อเพลิงหรือพลังงานที่น้อยกว่า
และถ้าเป็นรถ ที่ขับเคลื่อนด้วยระบบไฟฟ้าล้วนๆ ค่าวัสดุสิ้นเปลืองในการดูแลรักษา เช่น สารพักน้ำมันหล่อลื่น ก็จะหายไป

ในขณะที่ณวันนี้ ต้นทุนค่าใช้จ่ายอื่นๆ รถไฟฟ้า และรถ hybrid สู้รถขับเคลื่อนด้วย ICE ไม่ได้เลย ด้วย ราคาต่อหน่วยของ ชิ้นส่วนหลายอย่างยังไม่ได้ คือมีจำนวนน้อย และเทคโนโลยีเชิงพาณิชย์ยังไม่ได้เช่น แบตเตอรี่ ขณะนี้ปี 2016-2017 ราคาต้นทุนต่อ 1 kWh ยังราว 145$  แต่เห็นเขาว่าต้นทุนที่จะทำให้ดูคุ้มค่าสู้รถ ICE (Internal Combustion Engine) ได้ต้องมีระดับราคาที่ต่ำกว่า 100$ ซึ่งคงต้องรอประมาณปี 2020 ไปแล้ว
แต่สิ่งสำคัญคือ บุคลากร และ ระบบพื้นฐานที่รองรับ เช่น สถานีชาร์ตไฟฟ้า ระบบ Smart Grid ของการไฟฟ้า เพื่อให้รองรับการใช้งานรถไฟฟ้าจำนวนมาก ต้องมีแต่ของพวกนี้ไม่ได้เสกได้เลย ต้องใช้เวลาพัฒนาสัก 3-4 ปี นะ มันเลยเป็นปัญหาไก่ กับ ไข่ คือ demand & supply
    ตอนนี้ขาด supply ที่จะรองรับคนที่ใช้รถไฟฟ้า หรือ hybrid  ที่เป็น demand  แต่ถ้าไม่มีคนใช้รถไฟฟ้าหรือ hybrid น้อยมากกๆ จะมี คนที่ไหนลงทุน จะมาเป็นช่างซ่อมรถไฟฟ้า  hybrid หรือจะมีสถานีรองรับชาร์ตรถไฟฟ้า หรือจะผลิตอะไหล่ชิ้นส่วนสำหรับรถไฟฟ้า หรือ hybrid ให้มีตัวเลือกและราคาที่ไม่แพงได้
    ผมว่ารัฐต้องเป็นผู้กระตุ้น เพราะการที่ต้องไปใช้รถไฟฟ้า ในสังคมไทยมองว่าคือภาพรวมหรือส่วนรวม เพื่ออุตสาหกรรมรถยนต์ของไทยยังคงอยู่ และช่วยรักษาสิ่งแวดล้อมจากการรถมลพิษในอากาศ (แต่อาจมีมลพิษจาก กากแบตเตอรี่ ถ้าไม่รัฐไม่ควบคุมบริหารจัดการดีๆ) และรัฐได้ออกมาตรการส่งเสริม ภาคเอกชน ที่จะลงทุนในอุตสาหกรรมรถยนต์แล้ว แต่ รัฐยังไม่ได้มีมาตรการที่เป็นแรงจูงใจให้ประชาชนใช้รถ ไฟฟ้า หรือรถ hybrid เท่าที่ควร เลย เพราะคนส่วนใหญ่มองว่า คนใช้รถไฟฟ้า และรถ hybrid น่าจะมีต้นทุนการใช้รถยนต์ที่สูงกว่า
โดยเฉพาะ ก่อนที่ราคา แบตเตอรี่จะถูกลงมาต่ำกว่า 100$ ต่อ 1kWh และเริ่มมีอะไหล่ และช่างที่สามารถซ่อม รถไฟฟ้า และรถ hybrid ในตลาดได้มากพอ จนรู้สึกว่า ต้นทุนในการซ่อมบำรุง หรือเปลี่ยนอะไหล่ รถยนต์ไฟฟ้า หรือรถยนต์ hybrid ไม่ใช่เรื่องยากและแพงอีกต่อไป ซึ่งคงจะอีก 3-5 ปี เป็นอย่างน้อย
    ดังนั้นถ้ารัฐอยาก ให้คนรู้สึกว่ามันคุ้มค่าที่จะต้องเสี่ยง มาใช้รถไฟฟ้า หรือรถยนต์ hybrid รัฐควรมีมาตรการจูงใจที่ ทำให้ประชาชนรู้สึกว่าต้นทุนในการซื้อรถยนต์ ไฟฟ้าหรือรถยนต์ hybrid ไม่สูง หรือคุ้มค่ากว่าการใช้รถ ICE แบบเดิม เช่น รัฐอาจใช้นโยบายเหมือนในต่างประเทศ เช่น สนับสนุนผู้ซื้อรถยนต์ไฟฟ้า หรือ hybrid เช่น นำค่าซื้อรถยนต์ไฟฟ้า หรือ hybrid มาลดหย่อยภาษีได้กี่% ของราคารถ หรือ ยกเว้นค่าภาษีต่อทะเบียนรถยนต์ไฟฟ้า หรือ hybrid เป็นต้น
    แต่จะจำนวนเท่าไรอย่างไร รัฐควรไปคำนวณว่า ต้นทุนที่ประชาชนส่วนใหญ่รู้สึกว่า ต้นทุนในการใช้(ซ่อมบำรุง)รถไฟฟ้า หรือ hybrid ผู้ใช้งานคิดว่าสูงรถ ICE แบบเดิมอย่างไร และก็นำข้อมูลดังกล่าว ไปช่วยในการออกแบบว่าจะกำหนดมาตรการส่งเสริม อย่างไรเท่าไรเพื่อให้ประชาขนผู้ใช้งานรู้สึกคุ้มค่า  ถ้าทำแบบนั้นคงกระตุ้นตลาดรถไฟฟ้า หรือ รถhybrid ได้มากขึ้น
    ส่วนตัวตอนนี้รัฐคงยังไม่กระตุ้นนะ เพราะผมว่้ารัฐยังกลัวปัญหาด้านพลังงานอยู่ เพราะ กฟผ จะตั้งรง ไฟฟ้าตามแผนตนเองไม่สำเร็จอ่ะ
ต้องรอให้ รัฐ คิดว่าสามารถวางแผนบริหารจัดการปัญหาด้านพลังงานได้ก่อนนะครับ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: สิงหาคม 02, 2017, 18:44:08 โดย Mr. RO »

ออฟไลน์ Dark Overlord

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 4,804
  • Hail to the darkside
สุดยอดครับ Mr.RO เป็นข้อมูลที่ไม่ธรรมดาเลย
ผมคิดว่าถ้ารัฐยังไม่กระตุ้นเพราะกำลังกังวลเรื่อง
ประสิทธิภาพและปริมาณในการผลิตไฟฟ้าของโรงงานไฟฟ้าเพื่อรองรับรถไฟฟ้า
ผมเกรงว่าจะเป็นการผัดผ่อนออกไปก่อนแบบช้าเกินไปทั้งๆ ที่เป็นเรื่องที่ต้องเริ่มที่จะต้อง
กังวลไปพร้อมๆ กันครับ เพราะคนยังไงๆ ก็ไม่ได้เปลี่ยนมาใช้รถไฟฟ้าเพียงข้ามคืน
ต้องรอทั้งความคุ้นชิน ดูกระแสให้แน่ใจ ต้องใช้รถที่ซื้อมาก่อนหน้าให้คุ้มก่อน 5-10 ปี
ถ้ารัฐรอเรื่องกำลังผลิตไฟฟ้านี่คงจะช้ามากถึงมากที่สุดเลยครับ  :'(