ผู้เขียน หัวข้อ: ฝากเว็บ Headlightmag ทำวิเคราะห์เรื่องสำคัญเรื่องนึงของตลาด ECOCar & 1500cc Car  (อ่าน 7654 ครั้ง)

ออฟไลน์ TNP

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 436
    • อีเมล์
" Toyota จะเลิกผลิต-เลิกขาย Vios ในไทยหรือไม่ "

ผมว่า เป็นหัวข้อที่น่าสนใจดี โดยเฉพาะในช่วงนี้

ออฟไลน์ propo

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 286
ว่างมาก ไม่ลองทำเองล่ะ คริคริ

ออฟไลน์ locomotive

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 792
ถ้าเลิกขาย Vios 1.5 คนที่ได้โยชน์เต็มๆ คือ Honda ถ้า Jazz City ตัวต่อไป ยังใช้ 1.5 จบเลย

ออฟไลน์ rtong

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 3,177
    • อีเมล์
รายกาวิทยุสัปดาห์ก่อน พี่J!MMY พูดว่า
daihatsu-dn-f-sedan-concept  อาจจะกลายร่างเป็น vios รุ่นถัดไปและจะเปิดตัวในปี 2019
อาจจะพอมีทางที่จะได้ไปต่อ
รอสรุปรายงานใหม่ NEW CARS IN THAILAND ที่เวปทำก็น่าจะมีข้อมูลให้อ่าน

ออฟไลน์ Dark Overlord

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 4,804
  • Hail to the darkside
รายกาวิทยุสัปดาห์ก่อน พี่J!MMY พูดว่า
daihatsu-dn-f-sedan-concept  อาจจะกลายร่างเป็น vios รุ่นถัดไปและจะเปิดตัวในปี 2019
อาจจะพอมีทางที่จะได้ไปต่อ
รอสรุปรายงานใหม่ NEW CARS IN THAILAND ที่เวปทำก็น่าจะมีข้อมูลให้อ่าน

ขอบคุณสำหรับข้อมูลครับ

แต่มันก็มีที่หลายปีก่อนคุณจิมมี่บอกว่า Toyota จะเอา Agya ของ Daihatsu
มาเป็น eco car และจะไม่มี Yaris ตัวต่อไปอีกแล้ว แต่เอาเข้าจริงๆ ดันกลายเป็น
Yaris ก็มีตัวใหม่ แถมมาเป็น Eco car ด้วยไม่ใช่ Agya อย่างที่บอก

อย่างไรก็ดีคุณจิมมี่รู้จักคนวงในเยอะ และทฤษฎีนี้ก็น่าสนใจ
ขอคอยเก็บข้อมูลเรื่อยๆ ไปก่อนแล้วกันครับ
แต่มันน่างงตรงที่ Daihatsu เชี่ยวชาญรถ budget ขนาดเล็กราคาถูก
แต่จะได้มาออกแบบและผลิต B sedan 1500 ให้ Toyota แล้วจะสู้
City / Jazz ที่เป็น Honda แท้ๆ ได้หรือ ส่วน Toyota ดันขยับลงไป
ผลิตรถ 1200 เป็นหลักซะงั้น  ;D

ออฟไลน์ mothsan

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,559
รายกาวิทยุสัปดาห์ก่อน พี่J!MMY พูดว่า
daihatsu-dn-f-sedan-concept  อาจจะกลายร่างเป็น vios รุ่นถัดไปและจะเปิดตัวในปี 2019
อาจจะพอมีทางที่จะได้ไปต่อ
รอสรุปรายงานใหม่ NEW CARS IN THAILAND ที่เวปทำก็น่าจะมีข้อมูลให้อ่าน

ขอบคุณสำหรับข้อมูลครับ



แต่มันก็มีที่หลายปีก่อนคุณจิมมี่บอกว่า Toyota จะเอา Agya ของ Daihatsu
มาเป็น eco car และจะไม่มี Yaris ตัวต่อไปอีกแล้ว แต่เอาเข้าจริงๆ ดันกลายเป็น
Yaris ก็มีตัวใหม่ แถมมาเป็น Eco car ด้วยไม่ใช่ Agya อย่างที่บอก

อย่างไรก็ดีคุณจิมมี่รู้จักคนวงในเยอะ และทฤษฎีนี้ก็น่าสนใจ
ขอคอยเก็บข้อมูลเรื่อยๆ ไปก่อนแล้วกันครับ
แต่มันน่างงตรงที่ Daihatsu เชี่ยวชาญรถ budget ขนาดเล็กราคาถูก
แต่จะได้มาออกแบบและผลิต B sedan 1500 ให้ Toyota แล้วจะสู้
City / Jazz ที่เป็น Honda แท้ๆ ได้หรือ ส่วน Toyota ดันขยับลงไป
ผลิตรถ 1200 เป็นหลักซะงั้น  ;D
นั้นสิครับ ผมว่ามันสลับตลาดกันยังไงก็ไม่รู้
จริงๆ Daihatsu ควรเป็น Eco car
และ Toyota ก็ทำ Vios ต่อไป

น้องจาก Toyota ห่วงว่าจะแพ้ตลาดรวมรถนั่งของตัวเองไป เลยต้องเก็บยอด eco car ไว้กับตัวเองให้มั่นคงที่สุด และครองที่ 1
เอาจริงๆ คงเป็นไปได้ยากนะครับ ถ้าเจอ Honda eco car ตัวใหม่ อาจจะเจ็บก็ได้ เดาล้วนๆ

ออฟไลน์ ariazero

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 621
ไม่น่าอ่ะ

ไม่ใช่นิสัย Toyota

คือมันควรจะเป็นแบบนี้ครับ เพิ่มเป็น My 2017หรือ 2018 เพิ่มoption ให้มันเท่าๆ Yaris Ativ เปิดตัวหลัง Ativ Hatchback

แต่ผมว่า VIOS เนี่ยถ้าจะยกเลิกจริงๆนะ ATIV ก็จะต้องมีเครื่อง 1.5 ครับ

คือ B-Segment SEDAN ต้องยอมรับนะครับ ตลาดในไทยใหญ่มาก มาก.... มาก มากกกกกกกกกกก  ::)

 มันใหญ่จนเป็นอันดับ 2  ของประเทศเลย ไม่ใช่ ECO CAR  รองแค่กระบะ ที่ขายกันหลักแสนๆคัน (บ้าพลังมาก)

การถอนตลาด B-Segment เครื่อง 1.5 นี้ออกไป แล้วไปลงเล่น ตลาด ECO CAR ที่กำลังก้ำกึงระหว่าง "เอ้ะ 1200cc จะพอมั้ยนะ?" กับ "รถคันแรกของผม"

สังเกตได้จากยอดจอง Motor show เห็นผลมาก มาทีไร 1.5L B-Segment จะต้องแรงทุกรอบ จน Yaris ต้องหันมอง "นี่ ECO CAR เองงงง ห่างกัน 300cc ราคาถูกกว่านา"

ถ้าเป็นกลุ่มตลาดรอง...ก็Ok (เอาที่พอจะไปรอด)

แต่กับToyota นี่เป็นเรื่องที่... บ้าไปหน่อย

ยังไม่นับเด็กวัยมหาลัย ที่ยอดECO Car ถูกแบ่งออกไปเป็น Honda Jazz Civic Mazada 3 Mini...กราบรถเราด้วย และ บรรดา CLA GLA C E S 3 5 7 9 11 และ ITV :-[ (ขับมาวันละคันเลยเลยมะ? )  :-\

...ซึ่งจะสังเกตว่าตลาดใหญ่ๆแค่ไหนแต่ก็มีคนทำนะครับ เยอะแยะ

- Nissan Sunny /  >>>> Almera 

-Mitsubishi Lancer เลิกขายและ ลงมาเป็น แอดตลาด (Attrage)

บางยี่ห้อก็ indy มีทั้งคู่เลยอ่ะ

Mazada 2 ไงที่ยอดกำลังเป็นรูปเป็นร่างสวยเลยอ่ะคุณ (ซึ่งยอด 1.3 Gasoline อ่ะผมว่ามันแซง Almera นานแล้วแหละ)

ยอด CR-V กับ HR-V และ Civic เป็นตัวบ่งบอกเลยว่า Honda จับกลุ่มคนประเภทไหนอ่ะ  เขาทำได้ดีในยุคของเขา ณ จุดๆ นี้แล้ว (ที่ 3) 

ถ้าตัดยอดกระบะออกไป บางทีคุณก็จะพบว่า Toyota บางทีก็อาจจะโดนที่ 4 สอยได้ซักวัน...

But!? who cares? ตอนนี้ เขามี "REVO!!!" เรื่องอื่นๆไม่ใช่ประเด็นช่างมันก่อน  8)

Toyota กำลังจะเป็นค่ายรถที่ ทำรถออกมา มากมายเกินไป จนไม่รู้แล้วเนี่ยว่าจะไปจับหลักตรงไหนดี?
เพราะฉะนั้น ก็เลยไม่น่าจะยกเลิกครับ (ดูดิขนาด Innova ยังเอามาขายเลย แสดงว่ามีตลาด Taxi ให้ทำ )

VIOS ยังเป็นทั้ง รถเช่าที่เหมือน Default Choice สำหรับ คนลงจากเครื่อง ณ หัวเหมืองของประเทศและไม่รู้ว่าจะเลือกรถแบบไหน ขับข้ามเมืองในจังหวัดนั้นๆ

ก็เอาเป็น 1,500cc ที่ราคากลางๆและกัน ราคาก็กำลังดีในการเช่าต่อวัน เครื่องมีกำลังเพียงพอจะเร่งแซง และก็คล้อง คล่องตัว พูดเรื่อง 1,500cc ทีไร ประโยคนี้จะต้องหลุดออกมาทุกๆที

ขนาดว่า เทรนโลก SUV กำลังมา แต่ตัวยอดในไทย SUV กับ PPV กลับไม่เพิ่มขนาดนั้น แสดงว่า ราคาของ PPV หรือ SUV  หรือแม้กระทั่ง HR-V  ก็ดั้น มีผลกับการซื้อของเราอี้กกกกกกก (ปาดเหงื่อกันแปป) 

Forturner ก็เพิ่มรุ่นออกมาเยอะๆ เอาใจคนซื้อแล้ว (ยอดตกลงนะ PPV ปีนี้)

เพราะงั้น ยกเลิก 1.5L สำหรับ Toyota ผิดวิสัย Toyota เกินเหตุจริงๆครับ

ยกเว้นมันมี Plug-in Hybrid




 




 

'8X Familia, '91 TFR ,
'94 Sunny B13, '98 520i (E28), '99 Sunny B14,
'08 Vios, '08 C200, '08 Vitara
'15 Vios, '17Accord G9 MC, '17 X1 18i

ออฟไลน์ lay

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,270
..........."เพราะงั้น ยกเลิก 1.5L สำหรับ Toyota ผิดวิสัย Toyota เกินเหตุจริงๆครับ

ยกเว้นมันมี Plug-in Hybrid "


แฮะๆชอบประโยคนี้จัง

ออฟไลน์ Staples

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,668
..........."เพราะงั้น ยกเลิก 1.5L สำหรับ Toyota ผิดวิสัย Toyota เกินเหตุจริงๆครับ

ยกเว้นมันมี Plug-in Hybrid "


แฮะๆชอบประโยคนี้จัง

เอาจริงๆ ความเห็นส่วนตัว ผมไม่เชื่อยอดขายรายเดือน ที่มาจากแหล่ง Toyota มานานแล้ว ยอดอันดับ 1-2 ตลอดมา จู่ๆ มาเลิกขาย ผมว่ามันไม่ make sense ผมมองว่าความเป็นจริง ยอดมันน้อยมานานแล้ว Vios ก่อน Minor ป้ายแดงนี่หายากจริงๆ พอหลังจากรถคันแรกเท่านั้นแหละ หาแทบไม่เจอ นี่คหสต ผมล้วนๆ

ออฟไลน์ No Trespassing

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,616
    • อีเมล์
ผมใช้รถ 1.5 มาตั้งแต่ยุค E-Car ปี 2537 จนกระทั่งขายแล้วซี้อวีออสเห็บหมา ปี 2550
ที่บ้านไม่ต้องการอัตราเร่งอะไรมากมาย 94 แรงม้ากับแรงบิด 12.9 กก.ม ก็สามารถพาไปได้ทุกที่

สมัยนั้น 1.5 ยังไม่บูมมาก ก็มีแค่ฮอนด้า EG และ นิสสัน B13 เท่านั้นที่ลงมาเล่น (B13 แค่ 1.4 ด้วยเถอะ) ส่วนโตโยต้ายังสนุกกับเครื่อง 1.6 และ 1.3 อยู่

- ยุคปี 2540 คนมองเห็นว่า 1.5 ก็ทำงานได้ดีไม่แพ้ 1.6 ตลาดจึงเริ่มบูมมากขึ้น รถขนาดเล็กกึ่งกลางตัวหลักทุกคันต้องมี 1.5 อยู่ในสายการผลิต เช่น EK/B14/CK/AE110

รวมถึงพิษต้มยำกุ้ง หลายคนต้องขายรถใหญ่เพื่อเอาตัวให้รอด แล้วซี้อรถเล็กแทน

- ยุคปี 2545-2553 เครื่อง 1.5 พัฒนาดีและแรงขึ้นจนเทียบเท่า 1.6 ก็กลายเป็นเครื่องหลักที่ทุกคนใช้ได้ รวมถึงการเดินทางสะดวกสบายมากขึ้น 1.5 จึงเป็นรถที่อยากไปไหนก็ไป ไม่ต้องง้อ 1.6 เหมือนเมื่อก่อน

- ยุคปี 2553 เริ่มมีโครงการ Ecology Car ใส่เครื่อง 1.2 แรกๆคนก็ปรามาทว่าจะแซงได้หรือ มันอืดนะ แต่ก็พิสูจน์แล้วว่ามันไปได้จริง ช้าหน่อยแต่ก็ถึงที่หมายเหมือนกัน คนก็เริ่มแห่กันไปซี้อมากขึ้น สังคมเริ่มเปลื่ยน คนใช้ชีวิตในเมืองมากกว่าเดิม ชั่วโมงทำงานมากขึ้น โอกาสไปเที่ยวต่างจังหวัดน้อยลง ถ้าไปก็นั่งเครื่อง ไม่ก็กลับช่วงเทศกาลไปเลย รถติดมากกว่าวิ่ง โอกาสใช้รถสมรรถนะสูงเริ่มน้อยลง

- ยุคปี 2557 - ปัจจุบัน เครื่อง 1.2 สามารถวิ่งได้ทั่วไทยได้ถ้าใจกล้าพอ ใช้ในเมืองก็ประหยัด นอกเมืองก็โอเค ถ้าเบื่อรถก็ซี้อตั๋วเครื่องบินผ่านเน็ต โอกาสใช้รถน้อยลง คนจึงมองว่า 1.5 มันเริ่มเกินความจำเป็น ก็เหมือนยุคปี 2540 ที่เครื่อง 1.6 เริ่มเกินความจำเป็น ก็กลายเป็น 1.2 ขายดีขึ้น สังเกตจากยอดขายของทางเว็บดูก็ได้ ทำไมยาริสถึงได้ขายดีมาตลอด ทั้งๆที่พี่ชายวีออสเครื่องแรงกว่า ทุกอย่างดีกว่า แต่กลับขายได้น้อยกว่า

หลายๆคนชอบอุปกรณ์ภายในและความปลอดภัยมากกว่าตัวเครื่อง เพราะขอแค่ติดเครื่องได้ เหยียบคันเร่งรถก็ออกตัวเหมือนกัน แล้วฉันจะต้องจ่ายแพงกว่าทำไม ไปแค่โลตัส บิ๊กซีซี้อของ ตอนเย็นขับรถไปรับลูก หรือ คนทำงานในเมือง เช้ารถติด ถึงที่ทำงานก็จอด เย็นกลับมาติดเครื่อง หาข้าวกิน แล้วกลับบ้าน/คอนโด/หอพักนอน วันหยุดอาจจะไปห้างบ้าง ไปเที่ยวน้ำตกบ้าง ใช้รถไม่ไกลจากจุดที่อยู่มาก

เค้าก็ไม่จำเป็นต้องใช้ 1.5 เพราะไม่ได้ไปไหนไกล เดี๋ยวห้าปีเจ็ดปีก็เปลื่ยนรถใหม่แล้ว ดูจากเว็บขายรถมือสองก็เห็นๆกันอยู่ ใช้ไม่นาน ไมล์ก็น้อย สภาพก็ดี
แล้วเด็กจบใหม่ก็อยากได้รถป้ายแดงเล็กๆซักคันเอาไว้ทำงานและเที่ยวบ้าง พอทำงานมีเงินมากขึ้นก็เปลื่ยนรถ มันก็วนเป็นวัฏจักรแบบนี้ไปเรื่อยๆ

เทรนด์ตลาดมันเริ่มเปลื่ยนแล้วครับ คนใช้รถเครื่องเก๋งเครื่อง 1.5 เริ่มน้อยลง และอนาคตถ้า 1.2 ทำออกมาดี 1.5 ก็อาจถึงเวลาของมัน

ซึ่งผมคิดว่าคงยังไม่ใช่ตอนนี้ แต่ไม่รู้เมื่อไร
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: สิงหาคม 27, 2017, 00:46:30 โดย No Trespassing »

ออฟไลน์ Dark Overlord

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 4,804
  • Hail to the darkside
ผมใช้รถ 1.5 มาตั้งแต่ยุค E-Car ปี 2537 จนกระทั่งขายแล้วซี้อวีออสเห็บหมา ปี 2550
ที่บ้านไม่ต้องการอัตราเร่งอะไรมากมาย 94 แรงม้ากับแรงบิด 12.9 กก.ม ก็สามารถพาไปได้ทุกที่

สมัยนั้น 1.5 ยังไม่บูมมาก ก็มีแค่ฮอนด้า EG และ นิสสัน B13 เท่านั้นที่ลงมาเล่น (B13 แค่ 1.4 ด้วยเถอะ) ส่วนโตโยต้ายังสนุกกับเครื่อง 1.6 และ 1.3 อยู่

- ยุคปี 2540 คนมองเห็นว่า 1.5 ก็ทำงานได้ดีไม่แพ้ 1.6 ตลาดจึงเริ่มบูมมากขึ้น รถขนาดเล็กกึ่งกลางตัวหลักทุกคันต้องมี 1.5 อยู่ในสายการผลิต เช่น EK/B14/CK/AE110

รวมถึงพิษต้มยำกุ้ง หลายคนต้องขายรถใหญ่เพื่อเอาตัวให้รอด แล้วซี้อรถเล็กแทน

- ยุคปี 2545-2553 เครื่อง 1.5 พัฒนาดีและแรงขึ้นจนเทียบเท่า 1.6 ก็กลายเป็นเครื่องหลักที่ทุกคนใช้ได้ รวมถึงการเดินทางสะดวกสบายมากขึ้น 1.5 จึงเป็นรถที่อยากไปไหนก็ไป ไม่ต้องง้อ 1.6 เหมือนเมื่อก่อน

- ยุคปี 2553 เริ่มมีโครงการ Ecology Car ใส่เครื่อง 1.2 แรกๆคนก็ปรามาทว่าจะแซงได้หรือ มันอืดนะ แต่ก็พิสูจน์แล้วว่ามันไปได้จริง ช้าหน่อยแต่ก็ถึงที่หมายเหมือนกัน คนก็เริ่มแห่กันไปซี้อมากขึ้น สังคมเริ่มเปลื่ยน คนใช้ชีวิตในเมืองมากกว่าเดิม ชั่วโมงทำงานมากขึ้น โอกาสไปเที่ยวต่างจังหวัดน้อยลง ถ้าไปก็นั่งเครื่อง ไม่ก็กลับช่วงเทศกาลไปเลย รถติดมากกว่าวิ่ง โอกาสใช้รถสมรรถนะสูงเริ่มน้อยลง

- ยุคปี 2557 - ปัจจุบัน เครื่อง 1.2 สามารถวิ่งได้ทั่วไทยได้ถ้าใจกล้าพอ ใช้ในเมืองก็ประหยัด นอกเมืองก็โอเค ถ้าเบื่อรถก็ซี้อตั๋วเครื่องบินผ่านเน็ต โอกาสใช้รถน้อยลง คนจึงมองว่า 1.5 มันเริ่มเกินความจำเป็น ก็เหมือนยุคปี 2540 ที่เครื่อง 1.6 เริ่มเกินความจำเป็น ก็กลายเป็น 1.2 ขายดีขึ้น สังเกตจากยอดขายของทางเว็บดูก็ได้ ทำไมยาริสถึงได้ขายดีมาตลอด ทั้งๆที่พี่ชายวีออสเครื่องแรงกว่า ทุกอย่างดีกว่า แต่กลับขายได้น้อยกว่า

หลายๆคนชอบอุปกรณ์ภายในและความปลอดภัยมากกว่าตัวเครื่อง เพราะขอแค่ติดเครื่องได้ เหยียบคันเร่งรถก็ออกตัวเหมือนกัน แล้วฉันจะต้องจ่ายแพงกว่าทำไม ไปแค่โลตัส บิ๊กซีซี้อของ ตอนเย็นขับรถไปรับลูก หรือ คนทำงานในเมือง เช้ารถติด ถึงที่ทำงานก็จอด เย็นกลับมาติดเครื่อง หาข้าวกิน แล้วกลับบ้าน/คอนโด/หอพักนอน วันหยุดอาจจะไปห้างบ้าง ไปเที่ยวน้ำตกบ้าง ใช้รถไม่ไกลจากจุดที่อยู่มาก

เค้าก็ไม่จำเป็นต้องใช้ 1.5 เพราะไม่ได้ไปไหนไกล เดี๋ยวห้าปีเจ็ดปีก็เปลื่ยนรถใหม่แล้ว ดูจากเว็บขายรถมือสองก็เห็นๆกันอยู่ ใช้ไม่นาน ไมล์ก็น้อย สภาพก็ดี
แล้วเด็กจบใหม่ก็อยากได้รถป้ายแดงเล็กๆซักคันเอาไว้ทำงานและเที่ยวบ้าง พอทำงานมีเงินมากขึ้นก็เปลื่ยนรถ มันก็วนเป็นวัฏจักรแบบนี้ไปเรื่อยๆ

เทรนด์ตลาดมันเริ่มเปลื่ยนแล้วครับ คนใช้รถเครื่องเก๋งเครื่อง 1.5 เริ่มน้อยลง และอนาคตถ้า 1.2 ทำออกมาดี 1.5 ก็อาจถึงเวลาของมัน

ซึ่งผมคิดว่าคงยังไม่ใช่ตอนนี้ แต่ไม่รู้เมื่อไร

วิเคราะห์กันดีทุกท่านเลยครับ
ของคุณ No Trespassing ทำให้เห็นประวิติศาสตร์เลย

ผมว่า ณ ตอนนี้อนาคตเครื่อง 1500 ค่อนข้างจะอยู่ในมือของ Honda
แล้วครับ ถ้า Honda ร่วมลงตลาด 1200 ด้วย อนาคตรถ 1500 ที่เป็นเก๋งเบนซิน
ก็คงจบสิ้นลง แต่เราจะได้เห็นเครื่องดีเซล รถ Crossover มาอยู่ตลาดนี้กัน
ผมว่าภายใน Toyota ก็คงรอจ้อง Honda อยู่ และไม่แน่เขาอาจจะเห็นไพ่กันหมด
แล้วก็ได้ครับ

ออฟไลน์ แมวดราม่า

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,573
  • แมวบ้า(ขับ)รถ
ค่ายใหญ่โดดลงมา ตอนที่คนเริ่มยอมรับได้เรื่องเครื่องเล็กจริงๆ ครับ

หรืออีกนัยหนึ่ง บนตลาดสารขัณฑ์ อาจจะเป็น พอค่ายใหญ่ลงมา คนเลยเพิ่งมายอมรับได้ ก็ได้ 💧
Dare to Drama! | Original Nissan X-Trail Club Thailand: http://www.facebook.com/groups/180634121979355/

ออฟไลน์ apinui

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 3,954
    • อีเมล์
คิดอะไรมากครับ

Eco car มันเสียภาษีสรรพสามิต น้อยกว่า เครื่อง 1.5 ที่ปล่อยไอเสียเกิน 100กรัม/ก.ม.

ใครๆก็อยากลงมาจับตลาด Ecocar  และ กระบะ เพราะภาษีสรรพสามิตถูก กำไรต่อคันสวยหรูกว่า รถ segment อื่นเท่านั้นแหละ

Ecocar ปล่อยไอเสีย ไม่เกิน 100 กรัม/ก.ม. เสียภาษี 14%
กระบะ แคป Co2 ต่ำกว่า 200 เสียภาษี 5 % และ 4ประตู แค่ 12%

ในขณะที่ รถ segment อื่น ยกตัวอย่างง่ายๆเช่น เครื่อง 1.5 เครื่อง 2.0 แต่ไม่เกิน 3.0 เสียภาษีที่ 30,35,40% ตามลำดับ ... หรือถ้าสามารถใช้ E85 ได้ ก็ยังโดนภาษี เริ่มต้นที่ 25-35% อยู่ดี ...

ดังนั้น ไม่ต้องคิดเยอะว่า พฤติกรรมคนเปลี่ยนหรืออะไรหรอกครับ ... ถ้า Ativ จะผลิตออกมาขายมากกว่า Vios และ หลายๆยี่ห้อ เลือกทำตลาดเพียงแค่  Ecocar หรือ กระบะเท่านั้น ...

เพราะเงินมันดี ..... ผู้ผลิตเค้าเลยพยายามเปลี่ยนตลาดและกำหนดทิศทางไปตามแนวทางที่เค้าอยากให้เป็น แค่นั้นแหละ .....

Ativ เสียสรรพสามิตเท่านี้ แต่ขายตัว TOP 619,000 หลายคนบอกถูก ... ผมนี่ งง เหมือนกัน .... ซึ่งจริงๆมันควรถูกกว่านี้มากๆครับ ...

ออฟไลน์ Dark Overlord

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 4,804
  • Hail to the darkside
คิดอะไรมากครับ

Eco car มันเสียภาษีสรรพสามิต น้อยกว่า เครื่อง 1.5 ที่ปล่อยไอเสียเกิน 100กรัม/ก.ม.

ใครๆก็อยากลงมาจับตลาด Ecocar  และ กระบะ เพราะภาษีสรรพสามิตถูก กำไรต่อคันสวยหรูกว่า รถ segment อื่นเท่านั้นแหละ

Ecocar ปล่อยไอเสีย ไม่เกิน 100 กรัม/ก.ม. เสียภาษี 14%
กระบะ แคป Co2 ต่ำกว่า 200 เสียภาษี 5 % และ 4ประตู แค่ 12%

ในขณะที่ รถ segment อื่น ยกตัวอย่างง่ายๆเช่น เครื่อง 1.5 เครื่อง 2.0 แต่ไม่เกิน 3.0 เสียภาษีที่ 30,35,40% ตามลำดับ ... หรือถ้าสามารถใช้ E85 ได้ ก็ยังโดนภาษี เริ่มต้นที่ 25-35% อยู่ดี ...

ดังนั้น ไม่ต้องคิดเยอะว่า พฤติกรรมคนเปลี่ยนหรืออะไรหรอกครับ ... ถ้า Ativ จะผลิตออกมาขายมากกว่า Vios และ หลายๆยี่ห้อ เลือกทำตลาดเพียงแค่  Ecocar หรือ กระบะเท่านั้น ...

เพราะเงินมันดี ..... ผู้ผลิตเค้าเลยพยายามเปลี่ยนตลาดและกำหนดทิศทางไปตามแนวทางที่เค้าอยากให้เป็น แค่นั้นแหละ .....

Ativ เสียสรรพสามิตเท่านี้ แต่ขายตัว TOP 619,000 หลายคนบอกถูก ... ผมนี่ งง เหมือนกัน .... ซึ่งจริงๆมันควรถูกกว่านี้มากๆครับ ...

ขอบคุณครับ
ข้อมูลช่วยให้ฉุกคิดดีครับ

ออฟไลน์ SLuang

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,816
Vios 1.2 Turbo
กินเรียบ

ออฟไลน์ SM.

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 27,435
เห็นมีคำถามเรื่องนี้กันจัง ผมว่า toyota จะตัด vios ทิ้งทำไม ชื่อติดหูขนาดนี้ ก็ทำต่อสิครับ รถรุ่นล่างกว่า option มาเต็มก็ดีแล้ว vios จะได้ปรับตามด้วย แค่นั้นเอง

แค่ยอดขายไม่ได้เป็นที่ 1 ในกลุ่ม มันจะอะไรนักหนา กำไรก็ยังดี อยู่ได้สบายๆ

ออฟไลน์ cloud

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 668
    • อีเมล์
คิดอะไรมากครับ

Eco car มันเสียภาษีสรรพสามิต น้อยกว่า เครื่อง 1.5 ที่ปล่อยไอเสียเกิน 100กรัม/ก.ม.

ใครๆก็อยากลงมาจับตลาด Ecocar  และ กระบะ เพราะภาษีสรรพสามิตถูก กำไรต่อคันสวยหรูกว่า รถ segment อื่นเท่านั้นแหละ

Ecocar ปล่อยไอเสีย ไม่เกิน 100 กรัม/ก.ม. เสียภาษี 14%
กระบะ แคป Co2 ต่ำกว่า 200 เสียภาษี 5 % และ 4ประตู แค่ 12%

ในขณะที่ รถ segment อื่น ยกตัวอย่างง่ายๆเช่น เครื่อง 1.5 เครื่อง 2.0 แต่ไม่เกิน 3.0 เสียภาษีที่ 30,35,40% ตามลำดับ ... หรือถ้าสามารถใช้ E85 ได้ ก็ยังโดนภาษี เริ่มต้นที่ 25-35% อยู่ดี ...

ดังนั้น ไม่ต้องคิดเยอะว่า พฤติกรรมคนเปลี่ยนหรืออะไรหรอกครับ ... ถ้า Ativ จะผลิตออกมาขายมากกว่า Vios และ หลายๆยี่ห้อ เลือกทำตลาดเพียงแค่  Ecocar หรือ กระบะเท่านั้น ...

เพราะเงินมันดี ..... ผู้ผลิตเค้าเลยพยายามเปลี่ยนตลาดและกำหนดทิศทางไปตามแนวทางที่เค้าอยากให้เป็น แค่นั้นแหละ .....

Ativ เสียสรรพสามิตเท่านี้ แต่ขายตัว TOP 619,000 หลายคนบอกถูก ... ผมนี่ งง เหมือนกัน .... ซึ่งจริงๆมันควรถูกกว่านี้มากๆครับ ...

+1

ออฟไลน์ TNP

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 436
    • อีเมล์
คิดอะไรมากครับ

Eco car มันเสียภาษีสรรพสามิต น้อยกว่า เครื่อง 1.5 ที่ปล่อยไอเสียเกิน 100กรัม/ก.ม.

ใครๆก็อยากลงมาจับตลาด Ecocar  และ กระบะ เพราะภาษีสรรพสามิตถูก กำไรต่อคันสวยหรูกว่า รถ segment อื่นเท่านั้นแหละ

Ecocar ปล่อยไอเสีย ไม่เกิน 100 กรัม/ก.ม. เสียภาษี 14%
กระบะ แคป Co2 ต่ำกว่า 200 เสียภาษี 5 % และ 4ประตู แค่ 12%

ในขณะที่ รถ segment อื่น ยกตัวอย่างง่ายๆเช่น เครื่อง 1.5 เครื่อง 2.0 แต่ไม่เกิน 3.0 เสียภาษีที่ 30,35,40% ตามลำดับ ... หรือถ้าสามารถใช้ E85 ได้ ก็ยังโดนภาษี เริ่มต้นที่ 25-35% อยู่ดี ...

ดังนั้น ไม่ต้องคิดเยอะว่า พฤติกรรมคนเปลี่ยนหรืออะไรหรอกครับ ... ถ้า Ativ จะผลิตออกมาขายมากกว่า Vios และ หลายๆยี่ห้อ เลือกทำตลาดเพียงแค่  Ecocar หรือ กระบะเท่านั้น ...

เพราะเงินมันดี ..... ผู้ผลิตเค้าเลยพยายามเปลี่ยนตลาดและกำหนดทิศทางไปตามแนวทางที่เค้าอยากให้เป็น แค่นั้นแหละ .....

Ativ เสียสรรพสามิตเท่านี้ แต่ขายตัว TOP 619,000 หลายคนบอกถูก ... ผมนี่ งง เหมือนกัน .... ซึ่งจริงๆมันควรถูกกว่านี้มากๆครับ ...

ผมว่า ... คิดอะไรผิด / เข้าใจอะไรผิด หรือเปล่า ?

1. รถ ECOCAR โดนคิดภาษีสรรพสามิต 2 อัตรานะครับ
- ถ้า CO2 ไม่เกิน 100 g/km  เสีย 14% จริงๆ  ปัจจุบันมีแค่ Mazda 2 ทั้ง 2 เครื่องยนต์เท่านั้น ที่โดนคิดภาษีอัตรานี้
- CO2 เกิน 100 g/km ขึ้นมา โดนคิด 17% เหมือนเดิม ตั้งแต่ March ปี 2010 มาทุกรุ่น แม้แต่ Yaris 5 ประตู และ Yaris Ativ ก็โดนอัตรานี้ เพราะ CO2 = 117 g/km

2. คุณจำได้มั้ย สมัยนายกปู ออกนโยบายรถคันแรก ลดภาษีไม่เกิน 1 แสนบาท
พวก 1.5 ลิตรทุกรุ่นที่ได้ยกเว้นภาษี ได้ลดกัน 1 แสนบาททุกรุ่น
แต่พวก ECOCAR รุ่นที่เสียภาษีแพงสุด (ได้เงินคืนเยอะสุด) จะประมาณ 75,000 ได้มั้ง
ถ้าดูจาก อัตราภาษี สมัยนั้น  ECOCAR 17% , 1500cc ภาษี 25%  แสดงว่า  8% ที่ต่างกัน ก็น่าจะราวๆ 3x,xxx นี่แหละ (ไม่เป๊ะ แต่น่าจะใกล้เคียง)

ฉนั้น ถ้า Yaris Ativ ตัวแพงสุด 619,000 โดนบวกอีก 40,000 จะเป็น 659,000  ต่างกับ Vios 1.5 ท็อป ที่ราคา 789,000  อีก 130,000 ซึ่งผมก็เดาไม่ออกว่า เป็นค่าอะไรนักหนา

สรุป  ใน คห.ผม ผมว่า Toyota ตั้งราคา Ativ มาต่ำผิดปกติ ผิดวิสัย Toyota ค่อนข้างมาก  แต่ไม่รู้ว่า เป็นเพราะ...ต้องการจะสร้างกระแสความนิยม เอาชนะคู่แข่งร่วม 10 รุ่น หรือจะเพราะ ... จะยกเลิก Vios 1.5 จริงๆ

แล้ว...อีกนิด  สมมติว่า  Altis โฉมต่อไป (น่าจะอีกปีครึ่ง ก็ออกแล้ว)  เอารุ่น 1.6 ทำรุ่นราคาถูก เป็น Altis 1.6 J ตั้งราคาเริ่มต้น 750,000  หรือจะเลิกรุ่น 1.6 มาใส่เครื่อง 1.5 แทน เอามาจับตลาดแข่งกับ Honda City , Mazda 2 diesel

คิดว่า เป็นไปได้มั้ย ?

ออฟไลน์ Dark Overlord

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 4,804
  • Hail to the darkside
คิดอะไรมากครับ

Eco car มันเสียภาษีสรรพสามิต น้อยกว่า เครื่อง 1.5 ที่ปล่อยไอเสียเกิน 100กรัม/ก.ม.

ใครๆก็อยากลงมาจับตลาด Ecocar  และ กระบะ เพราะภาษีสรรพสามิตถูก กำไรต่อคันสวยหรูกว่า รถ segment อื่นเท่านั้นแหละ

Ecocar ปล่อยไอเสีย ไม่เกิน 100 กรัม/ก.ม. เสียภาษี 14%
กระบะ แคป Co2 ต่ำกว่า 200 เสียภาษี 5 % และ 4ประตู แค่ 12%

ในขณะที่ รถ segment อื่น ยกตัวอย่างง่ายๆเช่น เครื่อง 1.5 เครื่อง 2.0 แต่ไม่เกิน 3.0 เสียภาษีที่ 30,35,40% ตามลำดับ ... หรือถ้าสามารถใช้ E85 ได้ ก็ยังโดนภาษี เริ่มต้นที่ 25-35% อยู่ดี ...

ดังนั้น ไม่ต้องคิดเยอะว่า พฤติกรรมคนเปลี่ยนหรืออะไรหรอกครับ ... ถ้า Ativ จะผลิตออกมาขายมากกว่า Vios และ หลายๆยี่ห้อ เลือกทำตลาดเพียงแค่  Ecocar หรือ กระบะเท่านั้น ...

เพราะเงินมันดี ..... ผู้ผลิตเค้าเลยพยายามเปลี่ยนตลาดและกำหนดทิศทางไปตามแนวทางที่เค้าอยากให้เป็น แค่นั้นแหละ .....

Ativ เสียสรรพสามิตเท่านี้ แต่ขายตัว TOP 619,000 หลายคนบอกถูก ... ผมนี่ งง เหมือนกัน .... ซึ่งจริงๆมันควรถูกกว่านี้มากๆครับ ...

ผมว่า ... คิดอะไรผิด / เข้าใจอะไรผิด หรือเปล่า ?

1. รถ ECOCAR โดนคิดภาษีสรรพสามิต 2 อัตรานะครับ
- ถ้า CO2 ไม่เกิน 100 g/km  เสีย 14% จริงๆ  ปัจจุบันมีแค่ Mazda 2 ทั้ง 2 เครื่องยนต์เท่านั้น ที่โดนคิดภาษีอัตรานี้
- CO2 เกิน 100 g/km ขึ้นมา โดนคิด 17% เหมือนเดิม ตั้งแต่ March ปี 2010 มาทุกรุ่น แม้แต่ Yaris 5 ประตู และ Yaris Ativ ก็โดนอัตรานี้ เพราะ CO2 = 117 g/km

2. คุณจำได้มั้ย สมัยนายกปู ออกนโยบายรถคันแรก ลดภาษีไม่เกิน 1 แสนบาท
พวก 1.5 ลิตรทุกรุ่นที่ได้ยกเว้นภาษี ได้ลดกัน 1 แสนบาททุกรุ่น
แต่พวก ECOCAR รุ่นที่เสียภาษีแพงสุด (ได้เงินคืนเยอะสุด) จะประมาณ 75,000 ได้มั้ง
ถ้าดูจาก อัตราภาษี สมัยนั้น  ECOCAR 17% , 1500cc ภาษี 25%  แสดงว่า  8% ที่ต่างกัน ก็น่าจะราวๆ 3x,xxx นี่แหละ (ไม่เป๊ะ แต่น่าจะใกล้เคียง)

ฉนั้น ถ้า Yaris Ativ ตัวแพงสุด 619,000 โดนบวกอีก 40,000 จะเป็น 659,000  ต่างกับ Vios 1.5 ท็อป ที่ราคา 789,000  อีก 130,000 ซึ่งผมก็เดาไม่ออกว่า เป็นค่าอะไรนักหนา

สรุป  ใน คห.ผม ผมว่า Toyota ตั้งราคา Ativ มาต่ำผิดปกติ ผิดวิสัย Toyota ค่อนข้างมาก  แต่ไม่รู้ว่า เป็นเพราะ...ต้องการจะสร้างกระแสความนิยม เอาชนะคู่แข่งร่วม 10 รุ่น หรือจะเพราะ ... จะยกเลิก Vios 1.5 จริงๆ

แล้ว...อีกนิด  สมมติว่า  Altis โฉมต่อไป (น่าจะอีกปีครึ่ง ก็ออกแล้ว)  เอารุ่น 1.6 ทำรุ่นราคาถูก เป็น Altis 1.6 J ตั้งราคาเริ่มต้น 750,000  หรือจะเลิกรุ่น 1.6 มาใส่เครื่อง 1.5 แทน เอามาจับตลาดแข่งกับ Honda City , Mazda 2 diesel

คิดว่า เป็นไปได้มั้ย ?

ถ้าเป็นแบบนั้นได้ ผมเฮเลยครับ คือเอา Altis มาใส่ 1.5 มันเป็นอะไรที่
มีความคิดสร้างสรรค์มาก ตบมือให้เลย

อยากรู้นิด ที่คุณจิมบอกว่ารถ Daihatsu จะมาเป็น Vios
อยากทราบว่ามีเหตุผลอะไรประกอบ ผมชอบอะไรที่เป็นเหตุผล
ไม่อยากเชื่อๆๆ แล้วของจริงออกมามันไม่ใช่ครับ

ขนาด Avanza คนยังด่าว่าเป็นรถกระป๋องของ Daihatsu
แล้วจะมาทำ Vios โดยหวังให้ Daihatsu เกิด คือยากให้เขาได้ลอง
กับรถยอดนิยมจะได้เกิดได้ด้วยชื่อ Vios รึเปล่า

ออฟไลน์ Symphonic

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,705
คิดอะไรมากครับ

Eco car มันเสียภาษีสรรพสามิต น้อยกว่า เครื่อง 1.5 ที่ปล่อยไอเสียเกิน 100กรัม/ก.ม.

ใครๆก็อยากลงมาจับตลาด Ecocar  และ กระบะ เพราะภาษีสรรพสามิตถูก กำไรต่อคันสวยหรูกว่า รถ segment อื่นเท่านั้นแหละ

Ecocar ปล่อยไอเสีย ไม่เกิน 100 กรัม/ก.ม. เสียภาษี 14%
กระบะ แคป Co2 ต่ำกว่า 200 เสียภาษี 5 % และ 4ประตู แค่ 12%

ในขณะที่ รถ segment อื่น ยกตัวอย่างง่ายๆเช่น เครื่อง 1.5 เครื่อง 2.0 แต่ไม่เกิน 3.0 เสียภาษีที่ 30,35,40% ตามลำดับ ... หรือถ้าสามารถใช้ E85 ได้ ก็ยังโดนภาษี เริ่มต้นที่ 25-35% อยู่ดี ...

ดังนั้น ไม่ต้องคิดเยอะว่า พฤติกรรมคนเปลี่ยนหรืออะไรหรอกครับ ... ถ้า Ativ จะผลิตออกมาขายมากกว่า Vios และ หลายๆยี่ห้อ เลือกทำตลาดเพียงแค่  Ecocar หรือ กระบะเท่านั้น ...

เพราะเงินมันดี ..... ผู้ผลิตเค้าเลยพยายามเปลี่ยนตลาดและกำหนดทิศทางไปตามแนวทางที่เค้าอยากให้เป็น แค่นั้นแหละ .....

Ativ เสียสรรพสามิตเท่านี้ แต่ขายตัว TOP 619,000 หลายคนบอกถูก ... ผมนี่ งง เหมือนกัน .... ซึ่งจริงๆมันควรถูกกว่านี้มากๆครับ ...

ผมว่า ... คิดอะไรผิด / เข้าใจอะไรผิด หรือเปล่า ?

1. รถ ECOCAR โดนคิดภาษีสรรพสามิต 2 อัตรานะครับ
- ถ้า CO2 ไม่เกิน 100 g/km  เสีย 14% จริงๆ  ปัจจุบันมีแค่ Mazda 2 ทั้ง 2 เครื่องยนต์เท่านั้น ที่โดนคิดภาษีอัตรานี้
- CO2 เกิน 100 g/km ขึ้นมา โดนคิด 17% เหมือนเดิม ตั้งแต่ March ปี 2010 มาทุกรุ่น แม้แต่ Yaris 5 ประตู และ Yaris Ativ ก็โดนอัตรานี้ เพราะ CO2 = 117 g/km

2. คุณจำได้มั้ย สมัยนายกปู ออกนโยบายรถคันแรก ลดภาษีไม่เกิน 1 แสนบาท
พวก 1.5 ลิตรทุกรุ่นที่ได้ยกเว้นภาษี ได้ลดกัน 1 แสนบาททุกรุ่น
แต่พวก ECOCAR รุ่นที่เสียภาษีแพงสุด (ได้เงินคืนเยอะสุด) จะประมาณ 75,000 ได้มั้ง
ถ้าดูจาก อัตราภาษี สมัยนั้น  ECOCAR 17% , 1500cc ภาษี 25%  แสดงว่า  8% ที่ต่างกัน ก็น่าจะราวๆ 3x,xxx นี่แหละ (ไม่เป๊ะ แต่น่าจะใกล้เคียง)

ฉนั้น ถ้า Yaris Ativ ตัวแพงสุด 619,000 โดนบวกอีก 40,000 จะเป็น 659,000  ต่างกับ Vios 1.5 ท็อป ที่ราคา 789,000  อีก 130,000 ซึ่งผมก็เดาไม่ออกว่า เป็นค่าอะไรนักหนา

สรุป  ใน คห.ผม ผมว่า Toyota ตั้งราคา Ativ มาต่ำผิดปกติ ผิดวิสัย Toyota ค่อนข้างมาก  แต่ไม่รู้ว่า เป็นเพราะ...ต้องการจะสร้างกระแสความนิยม เอาชนะคู่แข่งร่วม 10 รุ่น หรือจะเพราะ ... จะยกเลิก Vios 1.5 จริงๆ

แล้ว...อีกนิด  สมมติว่า  Altis โฉมต่อไป (น่าจะอีกปีครึ่ง ก็ออกแล้ว)  เอารุ่น 1.6 ทำรุ่นราคาถูก เป็น Altis 1.6 J ตั้งราคาเริ่มต้น 750,000  หรือจะเลิกรุ่น 1.6 มาใส่เครื่อง 1.5 แทน เอามาจับตลาดแข่งกับ Honda City , Mazda 2 diesel

คิดว่า เป็นไปได้มั้ย ?

พี่ครับ ขอแย้งข้อ 2 ครับ

คือนโยบายรถคันแรกเค้าคืนภาษีสรรพสามิตให้สูงสุด 1 แสนบาท  แต่มันไม่ได้แปลว่ารถคันนั้นเสียภาษีสรรพสามิตแค่ 1 แสนบาทนะครับ

จริง ๆ แล้วรถรุ่นนั้นจะมีค่าภาษีสรรสามิตเท่าไหร่ไม่รู้  อาจจะเป็น 1.2 แสน, 1.5 แสน หรือ สองแสนกว่าก็เป็นได้ แต่โครงการนี้เขาคืน
สูงสุดแค่ 1 แสนไงครับ  ส่วนที่เกินกว่านั้นทางรัฐก็เก็บไว้น่ะครับ

ดังนั้นส่วนต่างภาษีสรรพสามิตระหว่างรถ ECO กับ รถ 1.5 จึงมากกว่า สามหมื่นกว่าบาท (ไปเยอะ) แน่ ๆ ครับ

ยิ่งไปกว่านั้น นอกจากภาษีสรรพสามิตแล้ว ฐานราคาของรถคันนั้นยังเอาไปคิดภาษีมหาดไทยอีก 10%
แล้วตัวเลขทั้งหมดคือ ฐานราคารถ + ภาษีสรรพสามิต + ภาษีมหาดไทย รวมกันแล้วยังเอาไปคิด VAT 7% อีก

ดังนั้นฐานราคารถที่ต่างกันไม่มาก แต่พอเจออัตราภาษีที่ต่างกัน +นั่น +นี่ x VAT อีก มันก็ทำให้ราคาป้ายหน้าโชว์รูมต่างกันเยอะ
ทำให้พวกผู้ผลิตรถยนต์ถึงพยายามลงมาเล่นกับพวกที่อยู่ในกลุ่มภาษีต่ำลงไงครับ 5%, 10% (E85 มั่ง, CO2 ต่ำ ๆ มั่ง)
ก็เอาแล้ว  พวกนี้ก็ทำให้ราคาขายต่างกันเป็นหลักหมื่นแล้วครับ (ทั้ง ๆ ที่ตัวรถที่จับต้องได้มันคือคันเดียวกัน)

ออฟไลน์ apinui

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 3,954
    • อีเมล์
คิดอะไรมากครับ

Eco car มันเสียภาษีสรรพสามิต น้อยกว่า เครื่อง 1.5 ที่ปล่อยไอเสียเกิน 100กรัม/ก.ม.

ใครๆก็อยากลงมาจับตลาด Ecocar  และ กระบะ เพราะภาษีสรรพสามิตถูก กำไรต่อคันสวยหรูกว่า รถ segment อื่นเท่านั้นแหละ

Ecocar ปล่อยไอเสีย ไม่เกิน 100 กรัม/ก.ม. เสียภาษี 14%
กระบะ แคป Co2 ต่ำกว่า 200 เสียภาษี 5 % และ 4ประตู แค่ 12%

ในขณะที่ รถ segment อื่น ยกตัวอย่างง่ายๆเช่น เครื่อง 1.5 เครื่อง 2.0 แต่ไม่เกิน 3.0 เสียภาษีที่ 30,35,40% ตามลำดับ ... หรือถ้าสามารถใช้ E85 ได้ ก็ยังโดนภาษี เริ่มต้นที่ 25-35% อยู่ดี ...

ดังนั้น ไม่ต้องคิดเยอะว่า พฤติกรรมคนเปลี่ยนหรืออะไรหรอกครับ ... ถ้า Ativ จะผลิตออกมาขายมากกว่า Vios และ หลายๆยี่ห้อ เลือกทำตลาดเพียงแค่  Ecocar หรือ กระบะเท่านั้น ...

เพราะเงินมันดี ..... ผู้ผลิตเค้าเลยพยายามเปลี่ยนตลาดและกำหนดทิศทางไปตามแนวทางที่เค้าอยากให้เป็น แค่นั้นแหละ .....

Ativ เสียสรรพสามิตเท่านี้ แต่ขายตัว TOP 619,000 หลายคนบอกถูก ... ผมนี่ งง เหมือนกัน .... ซึ่งจริงๆมันควรถูกกว่านี้มากๆครับ ...

ผมว่า ... คิดอะไรผิด / เข้าใจอะไรผิด หรือเปล่า ?

1. รถ ECOCAR โดนคิดภาษีสรรพสามิต 2 อัตรานะครับ
- ถ้า CO2 ไม่เกิน 100 g/km  เสีย 14% จริงๆ  ปัจจุบันมีแค่ Mazda 2 ทั้ง 2 เครื่องยนต์เท่านั้น ที่โดนคิดภาษีอัตรานี้
- CO2 เกิน 100 g/km ขึ้นมา โดนคิด 17% เหมือนเดิม ตั้งแต่ March ปี 2010 มาทุกรุ่น แม้แต่ Yaris 5 ประตู และ Yaris Ativ ก็โดนอัตรานี้ เพราะ CO2 = 117 g/km

2. คุณจำได้มั้ย สมัยนายกปู ออกนโยบายรถคันแรก ลดภาษีไม่เกิน 1 แสนบาท
พวก 1.5 ลิตรทุกรุ่นที่ได้ยกเว้นภาษี ได้ลดกัน 1 แสนบาททุกรุ่น
แต่พวก ECOCAR รุ่นที่เสียภาษีแพงสุด (ได้เงินคืนเยอะสุด) จะประมาณ 75,000 ได้มั้ง
ถ้าดูจาก อัตราภาษี สมัยนั้น  ECOCAR 17% , 1500cc ภาษี 25%  แสดงว่า  8% ที่ต่างกัน ก็น่าจะราวๆ 3x,xxx นี่แหละ (ไม่เป๊ะ แต่น่าจะใกล้เคียง)

ฉนั้น ถ้า Yaris Ativ ตัวแพงสุด 619,000 โดนบวกอีก 40,000 จะเป็น 659,000  ต่างกับ Vios 1.5 ท็อป ที่ราคา 789,000  อีก 130,000 ซึ่งผมก็เดาไม่ออกว่า เป็นค่าอะไรนักหนา

สรุป  ใน คห.ผม ผมว่า Toyota ตั้งราคา Ativ มาต่ำผิดปกติ ผิดวิสัย Toyota ค่อนข้างมาก  แต่ไม่รู้ว่า เป็นเพราะ...ต้องการจะสร้างกระแสความนิยม เอาชนะคู่แข่งร่วม 10 รุ่น หรือจะเพราะ ... จะยกเลิก Vios 1.5 จริงๆ

แล้ว...อีกนิด  สมมติว่า  Altis โฉมต่อไป (น่าจะอีกปีครึ่ง ก็ออกแล้ว)  เอารุ่น 1.6 ทำรุ่นราคาถูก เป็น Altis 1.6 J ตั้งราคาเริ่มต้น 750,000  หรือจะเลิกรุ่น 1.6 มาใส่เครื่อง 1.5 แทน เอามาจับตลาดแข่งกับ Honda City , Mazda 2 diesel

คิดว่า เป็นไปได้มั้ย ?

พี่ครับ ขอแย้งข้อ 2 ครับ

คือนโยบายรถคันแรกเค้าคืนภาษีสรรพสามิตให้สูงสุด 1 แสนบาท  แต่มันไม่ได้แปลว่ารถคันนั้นเสียภาษีสรรพสามิตแค่ 1 แสนบาทนะครับ

จริง ๆ แล้วรถรุ่นนั้นจะมีค่าภาษีสรรสามิตเท่าไหร่ไม่รู้  อาจจะเป็น 1.2 แสน, 1.5 แสน หรือ สองแสนกว่าก็เป็นได้ แต่โครงการนี้เขาคืน
สูงสุดแค่ 1 แสนไงครับ  ส่วนที่เกินกว่านั้นทางรัฐก็เก็บไว้น่ะครับ

ดังนั้นส่วนต่างภาษีสรรพสามิตระหว่างรถ ECO กับ รถ 1.5 จึงมากกว่า สามหมื่นกว่าบาท (ไปเยอะ) แน่ ๆ ครับ

ยิ่งไปกว่านั้น นอกจากภาษีสรรพสามิตแล้ว ฐานราคาของรถคันนั้นยังเอาไปคิดภาษีมหาดไทยอีก 10%
แล้วตัวเลขทั้งหมดคือ ฐานราคารถ + ภาษีสรรพสามิต + ภาษีมหาดไทย รวมกันแล้วยังเอาไปคิด VAT 7% อีก

ดังนั้นฐานราคารถที่ต่างกันไม่มาก แต่พอเจออัตราภาษีที่ต่างกัน +นั่น +นี่ x VAT อีก มันก็ทำให้ราคาป้ายหน้าโชว์รูมต่างกันเยอะ
ทำให้พวกผู้ผลิตรถยนต์ถึงพยายามลงมาเล่นกับพวกที่อยู่ในกลุ่มภาษีต่ำลงไงครับ 5%, 10% (E85 มั่ง, CO2 ต่ำ ๆ มั่ง)
ก็เอาแล้ว  พวกนี้ก็ทำให้ราคาขายต่างกันเป็นหลักหมื่นแล้วครับ (ทั้ง ๆ ที่ตัวรถที่จับต้องได้มันคือคันเดียวกัน)

ตามที่คุณSymphonic ว่ามาล่ะครับ ....

ถ้ายังนึกภาพไม่ออก (เรื่องตัวเลขภาษีผมขอไม่พูดถึงละกัน มันเป็นเพียงการยกตัวอย่างภาพรวมของผมเท่านั้น) ลองมองย้อนไปตอนที่ โตโยต้า จะออก Yaris ตัวปัจจุบันนี้มาขายสิครับ

ก่อนเปิดตัว หลายคนเห็นหน้าตาตัวรถแล้ว และต่างคิดกันว่า น่าจะมาในเครื่อง 1.5 ....
แต่สุดท้าย โตโยต้าเปิดตัวในถานะ Ecocar แทน เพียงแค่ ยัดเครื่อง 1.2 ลงไปแทนที่เครื่อง 1.5 ...

ทำไมล่ะ ... ถ้าคิดว่าเรทภาษีไม่มีผลต่อกำไร ทำไมโตโยต้าถึงไม่ทำตลาด Yaris ในเครื่อง 1.5 ต่อไป ... แล้วกระโดนลงมาเล่น Ecocar  ทำไม....


ออฟไลน์ TNP

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 436
    • อีเมล์
คิดอะไรมากครับ

Eco car มันเสียภาษีสรรพสามิต น้อยกว่า เครื่อง 1.5 ที่ปล่อยไอเสียเกิน 100กรัม/ก.ม.
...

Ativ เสียสรรพสามิตเท่านี้ แต่ขายตัว TOP 619,000 หลายคนบอกถูก ... ผมนี่ งง เหมือนกัน .... ซึ่งจริงๆมันควรถูกกว่านี้มากๆครับ ...

ผมว่า ... คิดอะไรผิด / เข้าใจอะไรผิด หรือเปล่า ?

1. รถ ECOCAR โดนคิดภาษีสรรพสามิต 2 อัตรานะครับ
...

แล้ว...อีกนิด  สมมติว่า  Altis โฉมต่อไป (น่าจะอีกปีครึ่ง ก็ออกแล้ว)  เอารุ่น 1.6 ทำรุ่นราคาถูก เป็น Altis 1.6 J ตั้งราคาเริ่มต้น 750,000  หรือจะเลิกรุ่น 1.6 มาใส่เครื่อง 1.5 แทน เอามาจับตลาดแข่งกับ Honda City , Mazda 2 diesel

คิดว่า เป็นไปได้มั้ย ?

พี่ครับ ขอแย้งข้อ 2 ครับ

คือนโยบายรถคันแรกเค้าคืนภาษีสรรพสามิตให้สูงสุด 1 แสนบาท  แต่มันไม่ได้แปลว่ารถคันนั้นเสียภาษีสรรพสามิตแค่ 1 แสนบาทนะครับ

จริง ๆ แล้วรถรุ่นนั้นจะมีค่าภาษีสรรสามิตเท่าไหร่ไม่รู้  อาจจะเป็น 1.2 แสน, 1.5 แสน หรือ สองแสนกว่าก็เป็นได้ แต่โครงการนี้เขาคืน
สูงสุดแค่ 1 แสนไงครับ  ส่วนที่เกินกว่านั้นทางรัฐก็เก็บไว้น่ะครับ

ดังนั้นส่วนต่างภาษีสรรพสามิตระหว่างรถ ECO กับ รถ 1.5 จึงมากกว่า สามหมื่นกว่าบาท (ไปเยอะ) แน่ ๆ ครับ

ยิ่งไปกว่านั้น นอกจากภาษีสรรพสามิตแล้ว ฐานราคาของรถคันนั้นยังเอาไปคิดภาษีมหาดไทยอีก 10%
แล้วตัวเลขทั้งหมดคือ ฐานราคารถ + ภาษีสรรพสามิต + ภาษีมหาดไทย รวมกันแล้วยังเอาไปคิด VAT 7% อีก

ดังนั้นฐานราคารถที่ต่างกันไม่มาก แต่พอเจออัตราภาษีที่ต่างกัน +นั่น +นี่ x VAT อีก มันก็ทำให้ราคาป้ายหน้าโชว์รูมต่างกันเยอะ
ทำให้พวกผู้ผลิตรถยนต์ถึงพยายามลงมาเล่นกับพวกที่อยู่ในกลุ่มภาษีต่ำลงไงครับ 5%, 10% (E85 มั่ง, CO2 ต่ำ ๆ มั่ง)
ก็เอาแล้ว  พวกนี้ก็ทำให้ราคาขายต่างกันเป็นหลักหมื่นแล้วครับ (ทั้ง ๆ ที่ตัวรถที่จับต้องได้มันคือคันเดียวกัน)

ตามที่คุณSymphonic ว่ามาล่ะครับ ....

ถ้ายังนึกภาพไม่ออก (เรื่องตัวเลขภาษีผมขอไม่พูดถึงละกัน มันเป็นเพียงการยกตัวอย่างภาพรวมของผมเท่านั้น) ลองมองย้อนไปตอนที่ โตโยต้า จะออก Yaris ตัวปัจจุบันนี้มาขายสิครับ

ก่อนเปิดตัว หลายคนเห็นหน้าตาตัวรถแล้ว และต่างคิดกันว่า น่าจะมาในเครื่อง 1.5 ....
แต่สุดท้าย โตโยต้าเปิดตัวในถานะ Ecocar แทน เพียงแค่ ยัดเครื่อง 1.2 ลงไปแทนที่เครื่อง 1.5 ...

ทำไมล่ะ ... ถ้าคิดว่าเรทภาษีไม่มีผลต่อกำไร ทำไมโตโยต้าถึงไม่ทำตลาด Yaris ในเครื่อง 1.5 ต่อไป ... แล้วกระโดนลงมาเล่น Ecocar  ทำไม....

1. ที่ Toyota ไม่ทำตลาด Yaris 1.5  เพราะเคยทำมาแล้ว และไม่ประสบความสำเร็จ 
   +
เพราะเห็นอยู่ชัดเจนว่า ตลาด ECOCAR - Honda ประสบความล้มเหลวแบบ กู่ไม่กลับ แล้วไม่เคยพยายามจะแก้ไขอะไรเลย ปล่อยให้ Nissan , Mitsu , Suzuki กวาดยอดขายรถ ECOCAR ไปเกือบทั้งหมด

ฉนั้น ... พอตัวเอง (Toyota) กลืนน้ำลายตัวเอง เอา Yaris Hatchback ตัวถังเดียวกับที่ขายในจีน ( ใช้ชิ้นส่วนร่วมกันกับ Vios 7-80% ) วางเครื่อง 4 สูบ 1200 cc เกียร์ออโต้ล้วน มาขาย
จึงทำยอดขายได้ชนิดที่เรียกว่า ... ค่ายอื่นๆ ในตลาด มองตาปริบๆ กลืนน้ำลายอย่างเหนียวคอ  (ยอดเฉลี่ยตลอด 3 ปี คือ 3000 คัน/เดือน)

2. แล้ว Toyota คงเห็นแล้วว่า Honda ก็ไม่ทำอะไร หรือทำก็ช้ามาก เปลี่ยนแผงคอนโซลภายในใหม่หมด ก็ปาไปเกือบ 4 ปี  แล้วผู้บริโภคชาวไทย ก็ไม่ตอบสนองรถรุ่นนี้เลย + ในตลาด ECOCAR ถัดจากยอด Yaris อันดับ 1 ของตัวเอง ก็กลายเป็นรถ Sedan 4 ประตูหมด ติดกัน 3 อันดับ (Almera , Attrage , Ciaz) แค่นี้ก็รู้แล้วว่า คนไทยยังรักจะใช้รถซีดาน 4 ประตูมากกว่า

>>>  ก็เลยตัดสินใจไปทำ Yaris Ativ อีกรอบ  +  อัด Option มาเต็มพิกัด แต่ราคาไม่แพงมากนัก  ดูซิว่า ตลาดคนไทยจะตอบรับแค่ไหน  ยอดขาย 4,700 จะได้จริง ระดับกี่ %

ซึ่ง...ถ้าได้มากกว่า 4000 คัน/เดือนจริงๆ ... + Vios ก็ยังได้ 1200 + Yaris ยังได้ 2000  รวม 3 รุ่น  7200 คัน/เดือนล่ะก็ ...  ปลายปีนี้ Toyota กลับมาสง่าผ่าเผย แน่นอน