ผู้เขียน หัวข้อ: ขอทิปเด็ด ขับกระบะส่งของ ให้ประหยัดน้ำมันสุด ๆ ด้วยครับ และมีคำถามด้วยครับ  (อ่าน 4823 ครั้ง)

ออฟไลน์ ภูมิใจไหม?

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 4,147
  • SNK vs Playmore
เป็น isuzu spark เกียร์ธรรมดาครับ ที่ผมพยายามทำอยู่ก็มีดังนี้ครับ

1. เหยียบคันเร่งน้อย ๆ ค่อย ๆ เหยียบเหมือนมันเป็นไข่ไก่

2. เปลี่ยนเกียร์ให้เร็ว เหยียบ และยกคลัทซ์ให้เร็ว ไม่ให้รอบตก

3. ใช้รอบต่ำ อย่าให้เกิน 2500 รอบ ซึ่งเมื่ออยู่ที่เกียร์ 5 จะได้ความเร็วประมาณ 80 - 90 กำลังดีเลยครับ

4. ก่อนเบรคให้เข้าเกียร์ว่างให้รถไหล ๆ


ใครมีทิปเด็ด ๆ อย่าเก็บไว้ โปรดแนะนำผมบ้างครับ

และที่ข้องใจคือ

1. ที่ความเร็ว 80 เข้าเกียร์ว่าง เกียร์จะพังไหมครับ?

2. ระหว่างที่เหยียบคลัช ภาระเครื่องยนต์จะเหมือนเข้าเกียร์ว่างหรือเปล่า ง่าย ๆ คือ เหยียบคลัชไว้จะประหยัดหรือเปล่าครับ?

ขอบคุณครับ

ออฟไลน์ SETTHASART

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 3,304
  • รักชาติ ไม่คลั่งชาติ
ใช้วอร์คกิ้งสปีดคงไม่ส่งผลเสียต่อเกียร์ครับ ผมทำประจำตอนขับกระบะเกียร์ธรรมดาตั้งแต่ของพ่อจนถึงของตัวเองตนนี้ยังไม่เห็นมันเป็นอะไรนะ

ออฟไลน์ No Trespassing

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,609
    • อีเมล์
ทุกอย่างใช้ได้แล้วครับ

ยกเว้น ข้อ 4 คือ ก่อนเบรคให้เข้าเกียร์ว่างแล้วปล่อยรถไหล << อันนี้ไม่เห็นผลครับ ผมเคยลองแล้ว <<<

ผมลองกับรถบริษัท เป็นวีโก้ตัว G มีจอ MID บอกตรงกลาง จะเข้าเกียร์เกียร์ว่างปล่อยไหล หรือ ไม่ว่าอยู่ในเกียร์ไหนก็ตาม แค่ถอนคันเร่งหน้าจอก็ขึ้น 99.99  ซึ่งทั้งหมดมีค่าเท่ากัน เพราะปั้มก็หยุดจ่ายน้ำมันไปแล้ว

1. 80 เข้าเกียร์ว่าง ไม่พังแน่นอนครับ แต่ไม่ควร เพราะความเร็วยังสูงอยู่ ยิ่งรถมีน้ำหนักบรรทุกไม่ควรทำ เพราะเบรคจะรับภาระมาก

2. ไม่ต้องเหยียบครับ รอจนความเร็วรถเริ่มต่ำลง แล้วค่อยเหยียบคลัทช์เข้าเกียร์ว่างจะดีกว่า เหยียบไปก็เลียคลัทช์เปล่าๆ

และที่สำคัญ พยายามเปลื่ยนน้ำมันเครื่องตามระยะ + ทำความสะอาดหรือเปลื่ยนไส้กรองอากาศบ่อยๆ ก็ยิ่งช่วยให้ประหยัดครับ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กันยายน 02, 2017, 17:34:44 โดย No Trespassing »

ออฟไลน์ tnp_super

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,924
    • อีเมล์
ขอแชร์ประสบการณ์ของผมนิดหน่อยครับ
1.เปลี่ยนเกียร์ที่รอบประมาณ1800- 2000
2.ค่อยๆเร่งความเร็ว ไม่กระชาก
3.ปลดเกียร์ว่างปล่อยไหลเข้าไฟแดง(อันนี้ผมก็ทำประจำ แต่ไม่ทำตอนลงทางชัน)
4.ใช้ความเร็ว ให้รอบไม่เกิน 2000(ซึ่งรถผมรอบ 2000 จะวิ่งได้ประมาณ 95 กม.ต่อชั่วโมง)
5.เติมลงให้แข็งหน่อย(ของผมดีแม็กแค็ปตัวเตี้ยเติม 41 ทุกล้อ)
..ซึ่งผมขับไปกลับที่ทำงานวันละ 90 กม.ผมจับอัตราสิ้นเปลืองแบบเติมเต็มถัง(หัวจ่ายตัด ไม่เขย่า) ได้เฉลี่ย 17 หน่อยๆ ไม่เคยต่ำกว่านี้ แต่ผมวิ่งรถเปล่านะครับ ..ส่วนที่คุณข้องใจ ผมว่า
1.ผมวิ่งมาสองแสนโล หน่อยๆก็ทำมาตลอด คือมันยังไม่มีอาการจะพังเลย แต่ผมว่ารถหนักไม่น่าทำนะครับเพราะภาระเบรคจะมากขึ้นอาจทำให้เบรคสึกเร็วเพราะไม่มีแรงฉุดเครื่องช่วย
2.ผมเข้าใจว่าถ้าเหยียบคลัชท์ค้างไว้ มันก็คือการเลียคลัชท์ทำให้คลัชท์สึกเร็วขึ้น


ออฟไลน์ focus2012

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 815
4.ก่อนไฟแดงให้เข้าเกียร์ว่างแล้วปล่อยไหม

ข้อนี้ไม่เห็นด้วยครับ อันตราย + เปลืองผ้าเบรคหมดไวขึ้นครับ

ออฟไลน์ rotaryman

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,584
อย่าขับจี้ตูดคนอื่นแบบพวกกระบะบ้าพลังยังไงก็ประหยัดครับ

ออฟไลน์ Paully

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 205
    • อีเมล์
เทคนิคการขับตามความเห็นข้างบน
เพิ่มเติม
เป่ากรองอากาศบ่อยๆ
เช็คลมยาง
เรียงของอย่าให้หนักหน้ามากนัก

ออฟไลน์ Peet Sayumpoo

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,001
พวกรถที่เป็นหัวฉีด ขณะที่ขับอยู่ในเกียร์แล้วเรายกคันเร่ง จังหวะนี้"หัวฉีดจะตัดการทำงานทันที" เรียกจังหวะนี้ว่า Engine brake
เครื่องจะหมุนอยู่เพราะแรงเฉือยจากล้ออย่างเดียวเท่านั้น ซึ่งหัวฉีดจะทำงานอีกที ก็ต่อเมื่อ

1. เราเหยียบคันเร่ง
2. รอบตกมาอยู่ในจุดของรอบเดินเบา (ประมาณ 800 rpm ลงมา)

หากท่านเหยียบคลัตช์ปล่อยไหลหรือเข้าเกียร์ว่างแล้วไหลก็แล้วแต่ ก็จะทำให้เครื่องตกมาอยู่ในรอบเดินเบา
ก็เท่ากับว่าท่านไปทำให้หัวฉีดมันฉีดในจังหวะที่มันไม่จำเป็นต้องฉีด เพราะท่านกำลังต้องการชลอความเร็ว...
ก็เท่ากับกินน้ำมันกว่าปล่อยให้มันเป็นจังหวะ Engine brake นั่นเองครับ
แถมทำให้รถเบรคยากขึ้นด้วยครับ เพิ่มความอันตรายเข้าไปอีก และก็แน่นอนครับ ทำให้เปลืองผ้าเบรคขึ้นด้วย
แล้วยังมีในเรื่องของระบบส่งกำลังทั้งหมดก็จะอายุสั้นลงกว่าเดิม โดยเฉพาะชุดคลัทต์
เพราะในคนขับรถประเภทชอบเหยียบคลัตช์ปล่อยไหล จะมีการตัดต่อกำลัง(เหยียบ+ปล่อยคลัตช์) มากกว่าคนที่ขับถูกวิธีปกติครับ
การสึกหรอย่อมเกิดมากกว่าตามไปด้วย แถมเครื่องยนต์ยังต้องมีการถูกทำให้รอบตกอย่างรวดเร็ว(เหยียบคลัตช์ตอนวิ่งด้วยรอบสูง)
และกระชากขึ้นไปใหม่(ปล่อยคลัตช์ในขณะที่เครื่องเดินเบาอยู่ แล้วรถวิ่งเข้าเกียร์อยู่) อาจไม่ดีกับเครื่องยนต์ในระยะยาวได้ด้วย
ณ ตรงจุดนี้ ถ้าเป็นคนขับที่ชำนาญ เค้าก็จะทำ Rev matching เป็นการแก้ปัญหาการกระชากในจังหวะนี้
ซึ่งก็จะช่วยให้ระบบส่งกำลังไม่เกิดการสึกหรอ หรือ เกิดก็น้อยที่สุดครับ แต่ผมเชื่อว่าคนขับรถเกียร์ธรรมดาตามท้องถนนบ้านๆ
มีมากกว่า 80% ครับ ที่ไม่เคยทำหรือแทบจะไม่ทำ Rev matching (โดยเฉพาะจังหวะที่เชนเกียร์ลง)


สรุป การเหยียบคลัตช์ปล่อยไหลในขณะที่รถวิ่ง (หรือเข้าเกียร์ว่างปล่อยไหลก็มีค่าเท่ากัน)
ผมแทบไม่เห็นข้อดีสักข้อเลยครับ ไม่สิ มันไม่มีข้อดีเลยนะครับ
หรือถ้ามี รบกวนกูรูช่วยบอกผมหน่อยน่ะครับ ผมก็อาจผิดพลาดได้ครับ ขอบคุณครับ  ;)


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กันยายน 02, 2017, 21:00:43 โดย Peet Sayumpoo »

ออฟไลน์ focus2012

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 815
เทคนิคการขับตามความเห็นข้างบน
เพิ่มเติม
เป่ากรองอากาศบ่อยๆ
เช็คลมยาง
เรียงของอย่าให้หนักหน้ามากนัก

เห็นด้วยอันนี้ครับ

ออฟไลน์ ภูมิใจไหม?

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 4,147
  • SNK vs Playmore
พวกรถที่เป็นหัวฉีด ขณะที่ขับอยู่ในเกียร์แล้วเรายกคันเร่ง จังหวะนี้"หัวฉีดจะตัดการทำงานทันที" เรียกจังหวะนี้ว่า Engine brake
เครื่องจะหมุนอยู่เพราะแรงเฉือยจากล้ออย่างเดียวเท่านั้น ซึ่งหัวฉีดจะทำงานอีกที ก็ต่อเมื่อ

1. เราเหยียบคันเร่ง
2. รอบตกมาอยู่ในจุดของรอบเดินเบา (ประมาณ 800 rpm ลงมา)

หากท่านเหยียบคลัตช์ปล่อยไหลหรือเข้าเกียร์ว่างแล้วไหลก็แล้วแต่ ก็จะทำให้เครื่องตกมาอยู่ในรอบเดินเบา
ก็เท่ากับว่าท่านไปทำให้หัวฉีดมันฉีดในจังหวะที่มันไม่จำเป็นต้องฉีด เพราะท่านกำลังต้องการชลอความเร็ว...
ก็เท่ากับกินน้ำมันกว่าปล่อยให้มันเป็นจังหวะ Engine brake นั่นเองครับ
แถมทำให้รถเบรคยากขึ้นด้วยครับ เพิ่มความอันตรายเข้าไปอีก และก็แน่นอนครับ ทำให้เปลืองผ้าเบรคขึ้นด้วย
แล้วยังมีในเรื่องของระบบส่งกำลังทั้งหมดก็จะอายุสั้นลงกว่าเดิม โดยเฉพาะชุดคลัทต์
เพราะในคนขับรถประเภทชอบเหยียบคลัตช์ปล่อยไหล จะมีการตัดต่อกำลัง(เหยียบ+ปล่อยคลัตช์) มากกว่าคนที่ขับถูกวิธีปกติครับ
การสึกหรอย่อมเกิดมากกว่าตามไปด้วย แถมเครื่องยนต์ยังต้องมีการถูกทำให้รอบตกอย่างรวดเร็ว(เหยียบคลัตช์ตอนวิ่งด้วยรอบสูง)
และกระชากขึ้นไปใหม่(ปล่อยคลัตช์ในขณะที่เครื่องเดินเบาอยู่ แล้วรถวิ่งเข้าเกียร์อยู่) อาจไม่ดีกับเครื่องยนต์ในระยะยาวได้ด้วย
ณ ตรงจุดนี้ ถ้าเป็นคนขับที่ชำนาญ เค้าก็จะทำ Rev matching เป็นการแก้ปัญหาการกระชากในจังหวะนี้
ซึ่งก็จะช่วยให้ระบบส่งกำลังไม่เกิดการสึกหรอ หรือ เกิดก็น้อยที่สุดครับ แต่ผมเชื่อว่าคนขับรถเกียร์ธรรมดาตามท้องถนนบ้านๆ
มีมากกว่า 80% ครับ ที่ไม่เคยทำหรือแทบจะไม่ทำ Rev matching (โดยเฉพาะจังหวะที่เชนเกียร์ลง)


สรุป การเหยียบคลัตช์ปล่อยไหลในขณะที่รถวิ่ง (หรือเข้าเกียร์ว่างปล่อยไหลก็มีค่าเท่ากัน)
ผมแทบไม่เห็นข้อดีสักข้อเลยครับ ไม่สิ มันไม่มีข้อดีเลยนะครับ
หรือถ้ามี รบกวนกูรูช่วยบอกผมหน่อยน่ะครับ ผมก็อาจผิดพลาดได้ครับ ขอบคุณครับ  ;)

ขอบคุณครับ เป็นเรื่องที่ผมไม่เคยรู้เลยจริง ๆ

แต่ rev matching ก็ทำอยู่นะครับ กับรถอีกคันหนึ่ง ซึ่งขับอีกแบบนึงครับ

ออฟไลน์ Ruksadindan

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 12,048
ไม่ขับแบบพวกกระบะซิ่งวิ่งสถุลก็ประหยัดขึ้นแค่ไหนในตัวมันเองอยู่แล้วครับ

ที่สำคัญอย่า coast ด้วยเกียร์ว่าง

ออฟไลน์ ภูมิใจไหม?

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 4,147
  • SNK vs Playmore
ไม่ขับแบบพวกกระบะซิ่งวิ่งสถุลก็ประหยัดขึ้นแค่ไหนในตัวมันเองอยู่แล้วครับ

ที่สำคัญอย่า coast ด้วยเกียร์ว่าง

ขอบคุณที่ตอบกระทู้นะครับ

รถผมเป็นรถที่ปฏิวัติรถกระบะส่งของเลย

มีคอกที่สูงไม่เลยหลังคา ไม่ยื่นออกด้านข้าง ทาสีเดียวกับตัวรถ

มีลิฟท์ยกของที่ท้ายรถ เสริมแหนบไปแล้ว

และให้วิศวะเซนต์รับรอง มีใบรับรอง และลงรายละเอียดในเล่มเรียบร้อยครับ

ยุ่งยากมาก เสียเวลาเป็นวันสองวัน แต่ผมก็พยายามทำครับ

ตำหนวดจะได้ไม่กวนใจ และสบายใจคนขับด้วยครับ

ผมพยายามบอกลูกน้องให้ขับรถดี ๆ และถ้าผมขับเองก็จะขับเรียบร้อยมาก

แต่พอตกดึก ก็จะเอารถซิ่งออก ปลดปล่อยผีบ้าในตัว 5555