พวกรถที่เป็นหัวฉีด ขณะที่ขับอยู่ในเกียร์แล้วเรายกคันเร่ง จังหวะนี้
"หัวฉีดจะตัดการทำงานทันที" เรียกจังหวะนี้ว่า Engine brake
เครื่องจะหมุนอยู่เพราะแรงเฉือยจากล้ออย่างเดียวเท่านั้น ซึ่งหัวฉีดจะทำงานอีกที ก็ต่อเมื่อ
1. เราเหยียบคันเร่ง
2. รอบตกมาอยู่ในจุดของรอบเดินเบา (ประมาณ 800 rpm ลงมา)
หากท่านเหยียบคลัตช์ปล่อยไหลหรือเข้าเกียร์ว่างแล้วไหลก็แล้วแต่ ก็จะทำให้เครื่องตกมาอยู่ในรอบเดินเบา
ก็เท่ากับว่าท่านไปทำให้หัวฉีดมันฉีดในจังหวะที่มันไม่จำเป็นต้องฉีด เพราะท่านกำลังต้องการชลอความเร็ว...
ก็เท่ากับกินน้ำมันกว่าปล่อยให้มันเป็นจังหวะ Engine brake นั่นเองครับ
แถมทำให้รถเบรคยากขึ้นด้วยครับ เพิ่มความอันตรายเข้าไปอีก และก็แน่นอนครับ ทำให้เปลืองผ้าเบรคขึ้นด้วย
แล้วยังมีในเรื่องของระบบส่งกำลังทั้งหมดก็จะอายุสั้นลงกว่าเดิม โดยเฉพาะชุดคลัทต์
เพราะในคนขับรถประเภทชอบเหยียบคลัตช์ปล่อยไหล จะมีการตัดต่อกำลัง(เหยียบ+ปล่อยคลัตช์) มากกว่าคนที่ขับถูกวิธีปกติครับ
การสึกหรอย่อมเกิดมากกว่าตามไปด้วย แถมเครื่องยนต์ยังต้องมีการถูกทำให้รอบตกอย่างรวดเร็ว(เหยียบคลัตช์ตอนวิ่งด้วยรอบสูง)
และกระชากขึ้นไปใหม่(ปล่อยคลัตช์ในขณะที่เครื่องเดินเบาอยู่ แล้วรถวิ่งเข้าเกียร์อยู่) อาจไม่ดีกับเครื่องยนต์ในระยะยาวได้ด้วย
ณ ตรงจุดนี้ ถ้าเป็นคนขับที่ชำนาญ เค้าก็จะทำ Rev matching เป็นการแก้ปัญหาการกระชากในจังหวะนี้
ซึ่งก็จะช่วยให้ระบบส่งกำลังไม่เกิดการสึกหรอ หรือ เกิดก็น้อยที่สุดครับ แต่ผมเชื่อว่าคนขับรถเกียร์ธรรมดาตามท้องถนนบ้านๆ
มีมากกว่า 80% ครับ ที่ไม่เคยทำหรือแทบจะไม่ทำ Rev matching (โดยเฉพาะจังหวะที่เชนเกียร์ลง)
สรุป การเหยียบคลัตช์ปล่อยไหลในขณะที่รถวิ่ง (หรือเข้าเกียร์ว่างปล่อยไหลก็มีค่าเท่ากัน)
ผมแทบไม่เห็นข้อดีสักข้อเลยครับ ไม่สิ มันไม่มีข้อดีเลยนะครับ
หรือถ้ามี รบกวนกูรูช่วยบอกผมหน่อยน่ะครับ ผมก็อาจผิดพลาดได้ครับ ขอบคุณครับ