Mitsubishi Triton Plus 2.5 GLS...ยกสูงจอมลุย ถึงไหนถึงกัน!

[Best_Vorakit]

สวัสดีครับคุณผู้อ่านทุกท่านครับ หลังจากได้อ่าน User’s Voice ที่เป็นรถยนต์นั่งมาแล้ว คราวนี้มาลองอ่าน User’s Voice รถเพื่อการพาณิชย์ซึ่งสามารถใช้งานได้หลากหลาย ทั้งขับไปทำงานหรือไปท่องเที่ยว ถึงไหนถึงกัน

[Best_Vorakit]

รถคันนี้ตอนเปิดตัวถือว่า ?แหวก? สวนแนวทางการออกแบบรถกระบะมากกก เพียงแค่การออกแบบที่เน้นเส้นโค้งเป็นหลัก ส่งผลให้นับตั้งแต่วันที่ 25 สิงหาคม 2005 ไปจนถึงอีกประมาณ 1 ปีนั้นก็มีเสียงฮือฮาจากวิจารณ์เกี่ยวกับการออกแบบของรุ่นนี้เป็นอย่างมาก ทั้งแง่บวก และแง่ลบครับ

[Best_Vorakit]

รถคันที่กล่าวมานั้น หลายๆ คน คงเคยอ่านรีวิวของพี่ J!MMY มาแล้วใช่ไหมครับ รถรุ่นนั้นมาพร้อมกับ Slogan ตอนเปิดตัวว่า ?อารยธรรมใหม่แห่งรถกระบะ? : Mitsubishi Triton

[Best_Vorakit]

คันนี้เป็นรุ่นที่มียอดขายดีและเกือบจะเป็นตัวธงสำหรับ Triton ครับ เป็นรุ่น Mega Cab Plus 2.5 GLS Manual Transmission ครับ คันนี้ถูกนำมาแทนที่ Honda City Type Z 1.5 EXi Smart Auto Transmission ปี 1999 ของพี่ชายผมครับ (ถ้าพี่ชายไม่อยากเปลี่ยนลุคไปเล่นกระบะ โดยที่ยังเล่นรถเก๋งต่อไป ผมจะเชียร์ให้เลือก City รุ่น V (SRS) แล้วนะครับ อิอิ) เนื่องจาก City Type Z นั้นมีอายุขัยนาน ผ่านการใช้งานมาเยอะพอสมควร เริ่มมีปัญหาแล้ว จึงได้เลือกรถใหม่ครับ ในการเลือกรถใหม่ครั้งนี้ ไม่มีตัวเลือกอื่นใดครับ เนื่องจากพี่ชายชอบดีไซน์ของรถรุ่นนี้ครับ

[Best_Vorakit]

ด้วยความที่พี่ชายอยากจะช่วยเหลือสังคม ก็ได้จัดการคันนี้ให้เป็นรถมูลนิธิร่วมกตัญญู แต่ในการใช้งานนั้น ก็ไปช่วยเปิดทางในกรณีที่มีเหตุฉุกเฉินครับ ตอนแรกก็มีไฟหวอ ไซเรนติดไว้ด้วย แต่เนื่องจากมีการชุมนุมในกรุงเทพฯ รวมถึงมีด่านตรวจก่อนเข้ากรุงเทพฯ จึงได้ถอดหวอไซเรนนี้ออกไปก่อน เพื่อความปลอดภัยครับ

[Best_Vorakit]

ในปี 2006 Mitsubishi ก็ได้เปิดตัว Triton Plus กระบะขับเคล่ือนสองล้อหลังยกสูง ออกมาตีตลาดกระบะประเภทนี้  ที่มีการแข่งขันอย่างดุเดือดในเวลานั้น พร้อมกับการเพิ่มเครื่องเล่น DVD พร้อม Built-in Moniter ขนาด 7 นิ้ว เข้ามาในรุ่นท็อปด้วย  (อุปกรณ์นี้ถือว่าเป็นจุดขายสำหรับ Triton Plus  เลยล่ะครับ) Mitsubishi Triton จึงเริ่มมียอดขายมากขึ้นครับ 

[Best_Vorakit]

ต่อมาเมื่อประมาณปี 2007 รุ่นนี้ก็ได้ถูกไมเนอร์เชนจ์ ด้วยการเปลี่ยนกันชนหน้า พร้อมให้ไฟตัดหมอกมาให้ในรุ่น GLS ลายกระจังหน้าใหม่ เลนส์ไฟหน้าใหม่ และยังมีการไมเนอร์เชนจ์อีกครั้งหนึ่ง

[Best_Vorakit]

เมื่อปลายๆ ปี 2009 ที่มีการไมเนอร์เชนจ์นั้น ถ้าไม่สังเกตก็แทบจะแยกไม่ออกกับเมื่อรุ่นปี 2007 จุดที่แตกต่างในภายนอกก็จะมีไฟเลี้ยวที่แก้มข้าง จากเดิมเป็นเลนส์สีส้ม ก็เปลี่ยนมาเป็นเลนส์สีขาว ดูสะดุดตามากกว่าเดิมครับ

[Best_Vorakit]

ขนาดของรถรุ่นนี้มีความกว้าง 1,800 มม. ยาว 5,220 มม. (รวมกันชนหลัง) สูง 1,780 มม. ฐานล้อ 3,000 มม. ความกว้างของช่วงล้อหน้า 1,520 มม. ส่วนช่วงล้อหลังจะกว้าง 1,515 มม. ระยะห่างจากจุดต่ำสุดของรถถึงพื้นหรือ Ground Clearance มีระยะห่าง 205 มม. ถือว่าไม่มากนักหากจะลุยโหดๆ ครับ Overhang หน้า มีระยะ 820 มม. ส่วนด้านหลังมีระยะ 1,325 มม.ครับ  กระบะมีความยาว 1,805 มม. กว้าง 1,470 มม. สูง 860 มม.ครับ สามารถบรรทุกของต่างๆ ได้ดีครับ

[Best_Vorakit]

ภายในของรุ่นปี 2007 ก็ไม่มีการเปลี่ยนแปลงจากรุ่นตอนเปิดตัว แต่ในปี 2009 นี้มีการเปลี่ยนแปลงภายในครับ มีมาตรวัดที่เปลี่ยนพื้นสีฟ้าในรุ่นเดิมเป็นสีดำพร้อมกับหลอดไฟสีแดง ซึ่งหลอดไฟสีแดงนี้ก็ใช้กับแผงควบคุมแอร์ด้วยครับ (ขออภัยนะครับ ภาพไหวไปหน่อยครับ)

[Best_Vorakit]

กล่องเก็บของเป็นที่วางแขนได้ในตัว จากเดิมเป็นพลาสติกธรรมดา พอเป็นรุ่นปี 2009 ถึงมีผ้าหุ้มมาให้ และก็เป็นแบบสองชั้นแล้วด้วยครับ แต่ตำแหน่งที่ติดตั้งต่ำไปนิดนึง (คนนั่งวางสบาย แต่คนขับล่ะ?) ในตอนแรกจะมีสวิทช์เปิด-ปิดกระจกหลังแบบไฟฟ้าอยู่บริเวณกล่องเก็บของนี้ แต่พอนาโนเชนจ์แล้วได้ย้ายสวิทช์ดังกล่าวไปอยู่ใต้เครื่องเสียงครับ (อ่านดูจากคู่มือครับ)

[Best_Vorakit]

การเปลี่ยนแปลงก็จะมีเท่านี้แหละครับ เครื่องเสียงก็ยังใช้ฟอนท์เดิมกับรุ่น Plus ตั้งแต่เปิดตัว (น่าจะให้ทาง Panasonic สกรีนสีให้เข้ากับสีภายในรถนะครับ) จอ DVD ขนาด 7 นิ้ว ซึ่งน่าจะปรับแสงได้นะครับ ตอนกลางคืนแสงสว่างเกินไปหน่อยครับ เสียงก็ฟังได้ดีล่ะครับ

แอร์ก็สามารถทำความเย็นได้ดีครับ ตอนกลางคืนนี่ก็ฉ่ำดีครับ (รุ่น Double Cab 4WD ที่เป็น GLS Limited จะเป็นแบบปุ่มบิดอัตโนมัติแบบเดียวกับ Pajero Sport ครับ ซึ่งแอร์อัตโนมัตินี้น่าจะเพิ่มในโฉมไมเนอร์เชนจ์ 2007 ครับ)

สวิทช์พัดลมแอร์หน้าตาคล้ายๆ กับ City Type Z และก็คล้ายๆ กันกับสวิทช์รุ่นรักเมีย ตราหางนกยูงใน City 2008-ปัจจุบันเลยอ่ะครับ แต่วัสดุและ Feeling เวลาบิดสวิทช์ปรับความเย็น (ปุ่มขวาสุด) มันคล้ายๆ กันกับ Isuzu ตัว Gold Power อ่ะครับ คือมันดูไม่มีน้ำหนักหน่วงเท่าไรครับ บิดไปก็ลื่นไหลไป ไม่มีจังหวะล็อก ยกเว้นตำแหน่งปิดที่มันจะ ?แก๊ก? ครับ ผมชอบ Feeling แบบ City มากกว่าอ่ะครับ

[Best_Vorakit]

ตอนที่ซื้อยังไม่มีรุ่นพิเศษสีขาวประกายมุกออกมา (แอบเสียดาย เพราะว่าสีดำล้างยากอ่ะครับ) ซึ่งรุ่นนี้มีการเปลี่ยนฟอนท์เครื่องเสียงใหม่พร้อมหน้าจอสัมผัสด้วย (รู้ได้ก็จากกระทู้ ?สอบถามข้อมูล Triton Plus สีขาวมุก? http://www.headlightmag.com/webboard/index.php?topic=5958.0) ตอนแรกที่เห็นที่ศูนย์มิตซูบิชิ นึกว่าเปลี่ยนนิดหน่อย ผมเห็นแค่ คิ้วกันกระแทกด้านข้าง ฝาครอบไฟตัดหมอกที่ทำสีขาว แล้วก็ฟอนท์เครื่องเสียงใหม่ที่มีจอสัมผัส (แต่ตอนนั้นก็ยังไม่รู้เหมือนกันว่าจอสัมผัสครับ) แต่ไม่ทันสังเกตเบาะนั่งว่าหุ้มหนังด้วย (เพราะว่ารถที่แอบดูกันนั้นเป็นรถรอส่งมอบให้ลูกค้าครับ) จนผมตั้งฉายาให้มันว่า ?ขาวมีคิ้ว?

[Best_Vorakit]

เบาะนั่งก็ปรับได้ด้วยมือครับ ตัวพนักพิงสบายกำลังดี เบาะรองนั่งก็มีความยาวเหมาะสมดีครับ สามารถรองรับต้นขาได้ดีครับ ตำแหน่งดูต่ำกว่ารถกระบะรุ่นอื่นๆ ครับ แต่พนักพิงศีรษะนั้น ผมไม่ทราบเหมือนกันว่าทำไม ถึงได้แข็งขนาดนี้ เป็นอันว่านั่งสบายตัว แต่ไม่สบายหัวอ่ะครับ 

[Best_Vorakit]

ในส่วนของแค็บก็มีเบาะแถมมาให้ครับ สามารถให้คนตัวไม่ใหญ่เกินไปนักนั่งได้ แต่ต้องนั่งหลังตรง ซึ่งก็เป็นปกติของกระบะที่มีแค็บอยู่แล้วครับ มีช่องเก็บของมาให้ด้านข้าง (แต่กลับไม่มีลำโพงให้มาแหะ แต่ดีที่ยังมีทวีตเตอร์มาให้ที่เสาเอครับ)

[Best_Vorakit]

แผงบังแดดสามารถใช้งานได้ดีครับ ขนาดใหญ่ดีครับ มีกระจกแต่งหน้ามาให้เฉพาะฝั่งผู้โดยสารครับ มีช่องสำหรับเสียบนามบัตรไว้ด้วยครับ ใกล้ๆ กับไฟอ่านแผนที่ก็มีกล่องเก็บแว่นกันแดดขนาดเล็กครับ

[Best_Vorakit]

สิ่งหนึ่งที่ผมชอบในรุ่นนี้ก็คือไฟส่องสว่างทั้งหลายที่ให้มามากจริงๆ ครับ ทั้งไฟอ่านแผนที่แยกซ้าย-ขวา ไฟเก๋งตอนหน้า ไฟเก๋งตรงกลางห้องโดยสาร ไฟเหนือช่องวางของบริเวณหน้าคันเกียร์ ไฟในช่องเก็บของฝั่งผู้โดยสาร และก็ยังมีไฟส่องสว่างที่บานประตูจะสว่างเมื่อเปิดประตูด้วยครับ  นับว่าใส่ใจในรายละเอียดดีครับ

แล้วก็ยังมีลูกเล่นไฟหน่วงเวลาด้วยนะครับ เมื่อเราปิดประตูทุกบานจนสนิทแล้ว ไฟจะหน่วงเวลาในการปิดถึง 30 วินาทีครับ แต่ถ้าเราเปิดประตูอีกในขณะที่ไฟกำลังหน่วงเวลาอยู่นั้น ไฟเก๋งจะสว่างขึ้นอีกระดับหนึ่งครับ ถ้าเราล็อกด้วยเซ็นทรัลล็อกด้วยการใช้กุญแจไขหรือกดที่ปุ่มล็อก(ในกรณีที่อยู่ในรถ) ไฟจะค่อยๆ ดับลงครับ แต่ที่ผมว่าไม่ค่อยมีใครทำกันเท่าไรนัก คือ ไฟเก๋งจะสว่างขึ้นจากระดับปกติ มาอีกหนึ่งระดับเมื่อเรากดรีโมทล็อกประตู แล้วยังสว่างเป็นจังหวะเดียวกันกับไฟฉุกเฉินที่กระพริบเวลาล็อกด้วยครับ จากนั้นไฟเก๋งจึงดับไปครับ

[Best_Vorakit]

แต่ขอตินิดนึงเถอะ ไหนๆ ก็มีไฟในช่องเก็บของฝั่งผู้โดยสารแล้ว น่าจะทำให้มันสามารถเปิดไฟเมื่อเราเปิดช่องเก็บของนั้นด้วยนะครับ แสงนั้นมันเล็ดลอดออกมาให้เห็นด้วยอ่ะครับ ในตอนกลางคืนครับ คิดในแง่บวกก็..คิดซะว่ามีไฟเรืองแสงออกมาจากช่องเก็บของในตอนกลางคืนก็แล้วกันครับ (ภาพไม่ค่อยชัดนะครับ แสงไม่ค่อยพอครับ)

[Best_Vorakit]

ช่องเก็บของก็มีให้พอสมควรครับ มีที่เก็บของด้านข้างประตู ซึ่งแผงข้างประตูนั้น ผมก็เห็นด้วยกับ Comment ของพี่ J!MMY ที่เคยเขียนไว้เกี่ยวกับแผงข้างประตูนี้ ทำไมไม่บุแผงข้างประตูมาให้ด้วย ให้มาแต่พลาสติก แต่กลับมีมาให้ในรุ่น Pajero Sport คิดในแง่ดีก็คือ กระบะมีไว้ใช้งานลุยๆ หน่อยครับ อาจจะเปื้อนง่าย จึงไม่ต้องมีผ้ามาให้ห่วงว่าจะเปื้อนหรือเปล่าอ่ะครับ

[Best_Vorakit]

ที่วางแก้วน้ำและที่วางของจุกจิกก็สามารถใช้งานได้ครับ

[Best_Vorakit]

ช่องเก็บของฝั่งผู้โดยสารก็สามารถใส่เอกสารประจำรถได้ครับ แต่ด้วยดีไซน์ที่ต้องออกแบบให้เข้ากัน มันเลยต้องโค้งเว้า ของกระจุกกระจิกที่ใส่เข้าไปมันเลยลงไปนอนรวมกันอย่ข้างล่างครับ (เอ่อ..ว่าแต่ ลายคอนโซลกลางท่อนบนทำไมลายถึงได้คล้ายฟิวเจอร์บอร์ดขนาดนี้นะ)

[Best_Vorakit]

เครื่องยนต์รุ่นนี้รหัส 4D56 DOCH 4 สูบแถวเรียง 16V อัตราส่วนกำลังอัดอยู่ที่ 17.0 : 1 มีเทอร์โบชาร์จ อินเตอร์คูลเลอร์ ซึ่งติดตั้งอยู่หลังเปลือกกันชนหน้าครับ ความกว้างกระบอกสูบ 91.1 มม. ช่วงชัก 95.0 มม. ความจุ 2,477 ซี.ซี. มีกำลังสูงสุด 140 แรงม้า ที่ 4,000 รอบต่อนาที มีแรงบิด 321 นิวตัน-เมตรที่ 2,000 รอบต่อนาที สมรรถนะในช่วงออกตัวจะอืด กว่าจะแรงก็ต้องรอเทอร์โบและแรงบิดมาช่วยครับ

ความคิดเห็นของผมในฐานะคนนั่งก็สามารถบอกได้ว่าเครื่องนี้ก็แรงสมตัว จะขับแบบชิลๆ ก็ได้ หรือจะแข่งบี้ หรือเล่นบทบู๊กับคันอื่นก็พอมีกำลังเหลือครับ (แบบหลังนี้ไม่ควรทำนะครับ เป็นอันตรายต่อเพื่อนร่วมทางครับ ผมเขียนไปเพื่อเปรียบเทียบเฉยๆ ว่าเครื่องแรงพอครับ)

[Best_Vorakit]

เกียร์คันนี้เป็นเกียร์ธรรมดา 5 สปีด รุ่น มีอัตราทดเกียร์ดังนี้ครับ
เกียร์ 1 : 4.313
เกียร์ 2 : 2.330
เกียร์ 3 : 1.436
เกียร์ 4 : 1.000
เกียร์ 5 : 0.788

เกียร์ 1 จะค่อนข้างอืดในตอนออกตัว ต้องรอเทอร์โบที่รอบสูงๆ ครับ แต่เมื่อเชนจ์เกียรไปเป็นเกียร์์ 2 รถจะวิ่งได้พุ่งดีครับ อาจเป็นไปได้ว่า เกียร์ 2 นั้น มีอัตราทดที่ห่างจากเกียร์ 1 ค่อนข้างมาก พอเจอแรงบิดสูงสุดที่ 2,000 รอบต่อนาทีหลังจากเปลี่ยนเกียร์และเหยียบคันเร่งขึ้นไปแล้ว ทำให้รถพุ่งขึ้นก็เป็นได้ครับ อาการลักษณะนี้ก็เป็นตอนเปลี่ยนเกียร์ 2 ไปเกียร์ 3 เช่นเดียวกันครับ

[Best_Vorakit]

ช่วงล่างด้านหน้าเป็นแบบอิสระ ปีกนกคู่ คอยล์สปริง ส่วนด้านหลังเป็นแบบแหนบแผ่นซ้อนครับ ช่วงล่างจะออกแนวแข็งๆ แต่ก็ไม่มากจนรับไม่ได้ครับ เวลาเลี้ยวแรงๆ ก็มีอาการโยนตามประสารถสูงครับ

[Best_Vorakit]

ถ้าคุณล้างรถบ่อยๆ แล้วชอบฉีดน้ำเข้าไปบริเวณช่วงล่าง หรือโดนแหนบบ่อยๆ คุณควรจะอัดจารบีด้วยนะครับ ไม่เช่นนั้นคุณอาจจะได้ยินเสียงเอี๊ยดอ๊าดๆๆๆ ยามที่ท้ายรถเด้งขึ้นลงจากสภาพถนนครับ ช่วงล่างหน้าก็เช่นเดียวกัน เวลาที่เราหมุนพวงมาลัยมันก็จะมีเสียงออกมาด้วย แต่ไม่ดังมากมาย แก้ปัญหาด้วยการอัดจารบีเข้าไปใหม่ก็หายครับ แต่อาจจะหายไปไม่นานนักครับ เพราะตอนนี้มันก็เริ่มดังขึ้นมาอีกแล้วครับ ได้ยินชัดมากขึ้นด้วยครับ

ยางที่ติดรถมาคันนี้เป็น Bridgestone DUELER H/T 840 (ลายคู่ใจบริษัทรถที่มีรถกระบะขาย) ขนาด 245/70R16 111S RF ขนาดล้อ 16 x 7J OFFSET 38 มม.ครับ ลายล้อนี้ก็ดูบึกบึนดีครับ ลายคล้ายๆ กับตัวแรกตอนเปิดตัวครับ แต่มีรายละเอียดมากกว่าครับ

[Best_Vorakit]

การเก็บเสียงนั้น อาจจะดูแย่กว่ารถปิคอัพหลายๆ รุ่นครับ เพราะเสียงเครื่องยนต์ที่ดังเข้ามาตลอดเวลาที่คุณยังติดเครื่องอยู่นั้น เครื่องมันจะดังจนไม่ทำให้เราหลงคิดไปว่าเป็นเครื่องเบนซินอย่างแน่แท้ เพราะมันสามารถเตือนสติผู้ที่นั่งในรถได้ว่า “เครื่องยนต์นี้ยังคงเป็นดีเซลอยู่นะ” ดังเหร่าๆๆๆ ชัดเจนมากครับ แต่เวลารอบสูง เทอร์โบทำงาน มันก็ยังช่วยให้เรารู้สึก “มันส์” ไปกับเสียงเครื่องได้ พร้อมๆ กับความเร็วรอบ และก็ความเร็วรถครับ

ในช่วงความเร็ว 120-140 กม./ชม.นั้น เสียงเครื่องเหมือนจะบอกว่า “ไปไม่ไหวแล้ว” คือ เสียงมันจะเริ่มทื่อๆ เหมือนหมดกำลัง แต่! มันไม่ใช่ครับ คุณสามารถลากต่อไปได้อีกครับ ตามคู่มือแจ้งไว้ว่า Top Speed รุ่นเกียร์ธรรมดา เครื่องยนต์นี้ทำได้ถึง 170 กม./ชม. รุ่นเกียร์อัตโนมัติทำได้ 165 กม./ชม. (เอ.. ผมคิดว่าน่าจะเป็นความเร็วจริงหรือเปล่านะครับ เพราะว่ารีวิวที่พี่ J!MMY เคยทำไว้น่าจะได้มากกว่านี้ ซึ่งมันเป็นความเร็วตามมาตรวัดครับ) แต่ที่พี่ชาย เคยขับสูงสุดของคันนี้ก็ที่ 160 กม./ชม.ครับ แต่ยังไม่ได้เหยียบจนถึง Top Speed นะครับ

ส่วนเสียงลมกับยางก็มีดังเข้ามาบ้างครับ

[Best_Vorakit]

ส่วนตัวเลขอัตราเร่งกับอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงยังไม่ได้ทดสอบครับ ลองหาข้อมูลในรีวิวของพี่ J!MMY มาอ้างอิง ตามลิงค์นี้ครับ http://www.headlightmag.com/main/index.php?option=com_content&view=article&id=349:-mitsubishi-triton-plus-25-4at-4dr-2-&catid=78:pickup-truck&Itemid=97

[Best_Vorakit]

โดยรวมแล้ว เท่าที่ใช้งานมากว่า 12,000 กม.  เข้าศูนย์เพื่อเข้าเช็คตามกำหนดแล้ว 2 ครั้งครับ ก็มีปัญหาแค่เสียงที่มาพร้อมกับเวลาเลี้ยว แค่นั้นครับ
สรุป ยกสูงจอมลุย คันนี้ จะออกต่างจังหวัด ไปทำงาน ไปท่องเที่ยว ก็ดูเท่ห์ จะเข้าห้างสรรพสินค้าก็ดูสง่างาม หรือจะทำเป็นรถบริการต่างๆ ก็ทำได้หมดครับ
ขอบคุณสำหรับการติดตามอ่านบทความนี้จนจบครับ ติชมได้ตามอัธยาศัยนะครับ

[Best_Vorakit]

Speacial Thanks : คุณ sirisak_ac118 ที่ช่วยให้คำแนะนำในการทำบทความชิ้นนี้ขึ้นมา รวมถึงชื่อของบทความด้วยครับ ขอบคุณมากครับ

[raulowen]

ขอบคุณครับสำหรับสิ่งดีๆ