ถ้าต่อไป ผมขับรถไฟฟ้า ต้องวิ่งทางไกล แล้วแบตหมด จะทำอย่างไรครับ

final

เปลี่ยนจากรถม้าเป็นรถยนต์ ก็กลัวไฟไหม้กลัวระเบิด หาปั้มยาก เดี๋ยวนี้มีใครกลัวบ้าง เหยียบกันกระจาย โมดิฟายเต็มที่
เปลี่ยนจากมือถือธรรมดาเป็นสมาร์ทโฟน ก็กลัวทัชสกรีนเสียเร็ว แบตหมดแบตเสื่อมเร็ว เดี๋ยวนี้มีใครกลัว รูดหน้าจอกันทั้งวัน ชาร์จไร้สาย เปลี่ยนแบตไม่กี่ตัง
เปลี่ยนจากเก็บเอกสารเป็นเก็บไฟล์แทน ก็กลัวข้อมูลโดนแฮ็ก โดนปลอมแปลง เดี๋ยวนี้มีการเข้ารหัสมากมาย เซ็นต์ในไฟล์ยังมี องค์กรไหนเก็บแต่กระดาษถือว่าโลว์เทคแล้ว

กลัวได้ครับ จะได้ช่วยหาจุดบอด แต่ต้องเปิดใจด้วย ตอนนี้เป็นช่วงเริ่มของรถไฟฟ้า ปัญหาก็ยังมีอยู่ แต่เดี๋ยวมันก็จะค่อยๆหมดไป ยังไงมันก็มาครับ เพราะมันประหยัดมากกว่ารถน้ำมันเยอะจริงๆ นี่เป็นจุดขายสำคัญเลยแหละ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กันยายน 13, 2017, 13:29:46 โดย final »



tvm

รถพวกนี้ ก็น่าจะมี "อุปกรณ์ชาร์จไฟในตัว" คือ วิ่งไปชาร์จไปก็จบปัญหาแล้ว เหมือนไดชาร์จ แต่เล็กๆหน่อย กินแรงน้อยหน่อย เป็นมอเตอร์ไฟฟ้าDC ในตัวก็ได้ แบ่งไฟไปชาร์จ ชั่วโมงละ กี่Watt  ก็ว่าไป ....


คือ มันไม่น่าจะมีปัญหาอะไรนะผมว่า ถ้าเขาคิดเผื่อ ยกเว้นดันใช้การตลาดนำ เพื่อแบ่งแยกกลุ่มลูกค้า คือ กลุ่มคนใช้ JAZZ EV หรือCITY EV วิ่งแค่ในเมืองวิ่งไม่เกิน 110เปิดแอร์ 250กิโลฯ ต่อชาร์จ1รอบ

หรือถ้าใหญ่หน่อย ใช้ ACCORD EV วิ่ง600กิโลฯ แต่จำกัดวิ่งได้แค่ 140นะ แล้วต้องใช้ ครูซคอนโทรล+Adaptive... ห้ามเร่งเอง  ทำนองนี้


แต่ผมว่า มันน่าจะเป็นอย่างแรกมากกว่า   แค่ติดตัวชาร์จ ระบบชาร์จเหมือน มือถือเช้าไป... วิ่งไป ชาร์จไป  จบ!!!
ฮามากครับ
ถ้ามันชาร์จพอ มันก็ใช้แบตแค่ตอนสตาร์ทกับรถหยุดวิ่งสินะ
สุดครับ 555



bingoman

เดี๋ยวนี้ รุ่นใหม่ๆ มีแบบ fast-charge ครับ  เช่น 30 นาที ได้ 60% เป็นต้น

แต่ถ้าจะชาร์จเต็ม 100%  ก็เป็นชั่วโมงขึ้นไปอยู่



CarameLon

สงสัยรถไฟฟ้าคงไม่ได้เหมาะไว้ใช้เดินทางไกลๆ 
ความเป็นได้ที่รถจะเป็นที่นิยมในไทย.....ก็คง.....อีกหลายสิบปีเด้อ  8)
TOYOTA WISH SPORT 2.0>>>CRV-2.4L 4WD GEN3>>>TOYOTA Camry 2.4 2010>>>BMW 520 ตาเหยี่ยว>>>BMW X3 2011 >>>BMW 520D 2010 >>>BMW 525D ก่อน LCI >>>BMW 116i M-sport >>>BMW X1 2.0 S-drive 2016 >>>Mercedes GLA200 >>>Mercedes C Class C350e >>> BMW330e+BMWS1000R



Sympho

ไกลขนาดนั้น ใช้รถน้ำมันสิครับ

ถ้าที่บ้านมีแต่ EV ไว้ไปทำงานประจำวัน เช่ารถน้ำมันเหมาะรถตู้เอาก็ได้

กลัวเจอจังเลย "ช่วยด้วยค่ะ รถไฟหมดอีก 20 กม. จะถึงปาย" .....

 



AuNaraKa

ถ้าต่อไป ผมขับรถไฟฟ้า ต้องวิ่งทางไกล สมมุติ 800 กิโล แล้วแบตหมดตอน 400 กิโล แทนที่จะเติมน้ำมันไปได้เลย ต้องมาหาที่ชาร์จ แล้วกว่าจะชาร์จเสร็จ ชาร์จธรรมดา 10+ ชั่วโมง
ชาร์จไฟ 3 เฟส ลดเวลาลงมาครึ่งนึง สมมุติ 6 ชั่วโมง   ชาร์จโหมดชาร์จไว ให้ไวๆเลย ชั่วโมงกว่าๆ แต่ผมต้องเดินทางอีก 400 กิโล แล้วจะทำยังไงหล่ะครับทีนี้
ถ้าพัฒนาให้สามารถชาร์จแบตเร็วกว่านี้ได้ ไฟก็ต้องกระแสแรงมากๆ มากเกินไป ก็น่ากลัวไหมครับ แต่ยังไงก็ต้องรอแน่ๆ หาแวะปั้ม(สมมุติเป็นปั้มไฟฟ้าในอนาคต) นั่งกินกาแฟ ชาร์จไป นั่งชิวๆ ฆ่าเวลา แบบนี้เหรอครับ?
รถไฟฟ้า แบตใหญ่ๆ ถ้าเกิดการชนขึ้น จะน่ากลัวไหมครับ ขนาดแบตมือถือไฟไหม้ตามข่าว ยังขนาดนั้น แล้วถ้าชนถึงแบต แล้วแบตจะระเบิดไหม ถ้ามีการกระแทกโดนที่ตัวแบตจนแตก บิดงอ
ผมนึกๆแล้ว รู้สึกกลัวยังไงไม่รุ้ครับ

สมัย 70 -80 ปีก่อน คนก็คิดแบบนี้ครับ สมัยยังใช้รถม้า พอมีรถเติมน้ำมัน คนก็กลัววิ่งๆ ไป น้ำมันหมดจะทำไง ไม่เหมือนม้า มีหญ้าให้กินข้างทางตลอด แล้วปั้มสมัยนั้นใช้ปั้มมือนะครับ ไม่ใช่ปั้มไฟฟ้า กว่าจะเติมน้ำมันเต็ม แถมรถก็กินน้ำมันสุดๆ วิ่งได้ไม่ไกล แล้วมาดูสมัยนี้สิ ลองไปหา youtube เก่าๆ ดูครับ  สมัยรถไฟ เครื่องบินมีใหม่ๆ ต้องจ้างให้คนขึ้นไปใช้เลย พวกขี้กลัวเยอะ ใช้ให้คนอื่นเห็นจะได้หายกลัว ตอนนี้มีแต่แย่งกันขึ้น



Slipknot`

ชาร์ตไวยังไงก็เสียเวลาครับ
นอกจากจะทำเป็นแบตสองก้อน แล้วก็ลากไฟสำรองไว้ข้างท้าย
ดูจะยุ่งยากจริงๆ กรณีที่ไม่ต้องเสียเวลารอ



fernando

ต้องยอมรับครับว่าเทคโนโลยี แบตเตอรี่ คือคอขวดของพัฒนาการรถไฟฟ้าจริงๆ เทคโนโลยีอื่นๆพัฒนาล้ำหน้าไปมาก
แต่แบตเตอรี่ กลับเป็นเรื่องที่ทำให้การต่อยอดเรื่องรถใช้ไฟฟ้าไปช้า และเป็นข้อจำกัดในการใช้งานจริงๆ

ผมคิดว่าถ้าไม่มีพัฒนาการนวัฒกรรมด้าน แบตเตอรี่ ทั้งเรื่องการชาร์จที่ใช้เวลาสั้นขึ้น การลดขนาดและน้ำหนักของตัวแบตต่อกำลังไฟ (ทำให้มีขนาดเล็กลง เบาขึ้น แต่คงกำลังเก็บประจุ) ขับขี่ได้ไกลกว่าเดิม

ผมก็ยังคิดว่า รถใช้ไฟฟ้า จะยังกระจุกตัวแต่ในกลุ่มคนในเมือง คงไม่บูมระดับ mass ถ้ายังปลดล๊อคเรื่องนี้ไม่ได้ อีกทั้งราคาต้นทุน ที่ดูยังไง คนรากหญ้าคงยากที่จะซื้อมาใช้ได้อย่างคุ้มค่า




e:smart Hybrid

เรียนตามตรง รถไฟฟ้าสำหรับผมไม่อยู่ในสายตาเลยครับ

เพราะว่าบ้านเรา ใช้น้ำมันกับก๊าซธรรมชาติ สร้างไอน้ำไป ปั่นไฟ

แล้วเราก็เติมไฟฟ้าต่อมาอีกที

ผมว่าทุกขั้นตอนมันต้องมี loss ในทุกระบบ กับถ้าเป็นแบบนั้น เราต้องสร้างโรงไฟฟ้าอีกเท่าไหร่

สู้เราใช้รถน้ำมันที่มีประสิทธิภาพ น่าจะดีกว่า วางแผนการเดินทางให้ดีครับ

แต่อย่างรถไฟ ผมเห้นด้วยนะครับ ว่าถ้าวิ่งในเมืองเป็นรถไฟฟ้าดี ลดมลพิษในเมือง
หรือรถไฟความเร็วสูง อันนั้นก็เข้าท่าครับ



rvsmart

สงสัยว่าถ้าชาร์ทไฟเต็ม แต่ไม่ได้ใช้ จอดทิ้งไว้นานๆๆๆ ไฟจะหมดจนสตาร์ทไม่ติดได้หรือเปล่า



Trafalgar

เอาแค่ชาร์ตมือถือให้มันเต็ม 100% ในเวลาไม่กี่นาทีก่อนครับ

ถ้าตอนนั้นทำได้ รถไฟฟ้าก็คงไม่ใช่ปัญหา

- 1994 Toyota Corolla AE101 1.6 4A-FE MT
- 1995 Honda Civic EG 1.5 D15B AT
- 1996 Mitsubishi Lancer Evolution IV 2.0 4G63T MT
- 2005 Toyota Hilux Vigo Cab 2.5G 2KD-FTV MT
- 2005 Toyota Fortuner 3.0V 1KD-FTV AT
- 2005 MINI Cooper R50 1.6 AT
- 2013 Honda City 1.5 L15A7 AT



bingoman

สงสัยว่าถ้าชาร์ทไฟเต็ม แต่ไม่ได้ใช้ จอดทิ้งไว้นานๆๆๆ ไฟจะหมดจนสตาร์ทไม่ติดได้หรือเปล่า

เป็นไปได้แน่นอน  เพราะแบต พอเก่า ก็จะไม่สามารถเก็บประจุไว้ได้ยาวนาน 

แบตพอเก่า ประจุก็รั่วหายอย่างไว  หรือถ้าเก่ามากๆ ชาร์จแบตแล้วจนเต็ม พอจะใช้ แบตก็หมดแล้วทันทีครับ คือเก็บประจุไม่อยู่เลย  ปกติพวกเครื่องใช้ไฟฟ้า Li-ion, Li-Polymer  ให้นานสุดก็ 5 ปี  แบตก็เสื่อม เก็บไฟไม่ดีแล้ว  ความจุเหลือไม่ถึง 40% เทียบกับตอนใหม่

แต่รถยนต์ เป็นแบตแบบอื่น รู้สึกจะเป็น Ni-MH หรือเปล่า  แต่แน่นอน พอแบตเก่า ก็เสื่อมอยุ่แล้ว