โอ้...
ระวังแพนจะพลาดนะครับ ผมนี่ไม่มีดีกรีวิศวกรรมใดๆในหัวเลยครับ ฉะนั้นน้ำมันที่ผมเลือก ผมเลือกเพราะผมใช้แล้วชอบ
หรือมีเพื่อนที่ใช้อยู่แล้วเรารู้กันว่าดี เช่นใช้วิ่งพีระไม่พัง ดูมาตรวัดแรงดันน้ำมันและความร้อนแล้วไม่แกว่งตัวจนน่ากลัว
แต่บางครั้งก็ต้องมีลอง "เปิดซิง" ของบางอย่างกันบ้างที่คนใกล้ตัวไม่มีใครเคยลอง ต้องลองเอง
สำหรับน้ำมันเครื่องที่ถามว่าตอนนี้ยังใช้ EDGE อยู่หรือเปล่า ตอบตามความจริงคือรถผมตอนนี้ไม่มีคันไหนใช้ EDGE
แต่เป็นเพราะว่า NX หน้าปลาดุกที่รักของผมเพิ่งไปทำเครื่องมา อยู่ในระหว่างรันอินแคมชาฟท์ จึงเลือกใส่น้ำมันเครื่องธรรมดาๆไปพลางๆก่อน แต่หลังจากที่รันอินเสร็จแล้ว ก็มี EDGE กระป๋องนึงรออยู่ครับ
EDGE ตัว 0W-40 เป็นน้ำมันที่พวกเพื่อนๆในกลุ่มผม รวมถึงคนที่ทำรถแต่งแรงและขับไม่ธรรมดา ใช้กันมาอยู่ตลอด จากที่ใช้มาพบว่าแรงดันในช่วงเครื่องยังไม่ร้อน ไม่ต่างอะไรกับ PTT กระป๋องสีทองครับ แต่หลังจากวิ่งคลอง 5 ไปสักสองรอบ ความต่างจะเริ่มมา เวลาเดินเบาตอนเครื่องร้อนจัด Oil pressure ของผมจะวัดได้ 12-15PSI กับ PTT แต่ถ้าเป็น EDGE จะตีอยู่ใกล้ๆ 20 ตลอด อุณหภูมิเครื่องยนต์ก็ต่าง ตอนใช้ PTT แล้วซัดหนักๆความร้อนน้ำจะใกล้ๆ 100 และกว่าจะลงแตะ 90 ได้จะนานมาก ต่อให้วอร์มเครื่องทิ้งไว้ 5 นาทีก็ไม่พอ ต้องดับเครื่องกันไปเลยสัก 10 นาทีแล้วเจอกันใหม่ แต่กับ EDGE ความร้อนน้ำจะน้อยกว่ากันแค่ 1 ปลายเข็ม แต่ถ้าจะให้เย็นลง แค่วอร์มเครื่องไว้ 3-4 นาทีจะค่อยๆลงมาเหลือ 95 และอีกสักพักก็ 90 ต้นๆ
ดังนั้นถ้าเลือก EDGE กับ PTT กระป๋องทอง..ผมเลือกอะไร คำตอบคงไม่ยากครับ
ส่วนน้ำมันเครื่องตัวใหม่ที่อยากลอง..มีหลายยี่ห้อครับที่ยี่ห้อบางคนจะไม่คุ้น เช่น Selenia น้ำมันอิตาลี ราคาลิตรละไม่เกิน 400 บาท และ Sunoco ซึ่งจะมีรุ่น Svelt เป็นน้ำมันสังเคราะห์สำหรับรถถนนและใช้ซิ่งได้ กับรุ่น Brill ที่เน้นความเป็นน้ำมันสำหรับเครื่องแรงๆมากกว่า
ตอนนี้ Legacy คันใหม่ของผมจะได้รับ Sunoco Brill ใส่ในอาทิตย์หน้าครับ Brill เป็นน้ำมันความหนืดแปลก คือ 17.5W-50
ที่มันเป็นอย่างนี้ผมเดาว่าเพราะมีสารผสมที่ช่วยเรื่องความยืดหยุ่นของอุณหภูมิทำงานน้อย ทำให้เอาไปใช้ขั้วโลกเหนือแล้วงานเข้าแน่ๆ แต่สารที่ว่านี้มักก่อให้เกิดคราบเขม่าแข็งสะสมในเทอร์โบ ผมเคยอ่านเจอในหนังสือ Maximum boost ของ Corky Bell เขาเขียนไว้เช่นนั้น ..แต่จะมาพิสูจน์จริงคงยาก อีกประการหนึ่งคือบ้านเราเป็นเมืองร้อนอยู่แล้ว ความหนืดมีช่วงกว้างน้อยก็ไม่เป็นไร
Sunoco Brill นี่แพงหน่อย 4 ลิตร 2,400บาท ตกแล้วลิตรละ 600 บาท ส่วน Svelt 4 ลิตร 1,800 บาท และช่วงนี้มักมีคนขายแต่แกลลอน 4 ลิตรครับ..จะใช้ 1 ลิตรซื้อแยก 1 ลิตรนี่ตอนนี้หายาก ยิ่ง Brill นี่ไม่มีการนำแพ็ค 1 ลิตรเข้ามาขาย ถ้าจะใช้ 6 ลิตร ก็ต้องซื้อ 8 ลิตร..4,800 บาท! อกอีแป้นแล่นลึกเข้าตึกช้าง!
น้ำมันที่เขาเรียกกันว่า "ระดับเทพ" อีกยี่ห้อหนึ่งคือ Torco ซึ่งผมไม่เคยลอง และคงไม่คิดจะแตะเร็วๆนี้เพราะได้ข่าวว่าลิตรละพัน ลำพังรถผมม้าน้อยๆกันทั้งนั้น แค่คนขับเท้าหนักเท่านั้นเอง เทคโนโลยีน้ำมันเครื่องราคากลางๆเดี๋ยวนี้ก็พัฒนาไปมากจนรองรับอะไรหลายอย่างที่เราไม่ค่อยอยากจะเชื่อได้..
แต่เรียนตามตรงนะครับ
น้ำมันเครื่องที่ผมอยากใช้ที่สุด น้ำมันเครื่องในฝันจริงๆเลยคือ น้ำมันเครื่องที่ดีจริง คุณภาพสมราคา และเป็นแบรนด์ไทย
ผลิตโดยคนไทย
ณ จุดนี้ขอพล่ามต่อ แต่ไม่มีสาระอะไรนะครับ ไม่ต้องอ่านก็ได้
ผมอยากใช้น้ำมันเครื่องของคนไทยเพราะ..จริงๆแล้วผมเบื่อกับการที่เราต้องเสียเงินให้ประเทศอื่นโดยไม่จำเป็น ผมมองว่าที่จริงพลังสมองของไทยเรา IQ ไม่ได้ด้อยไปกว่าชาติอื่น ผมอยากให้ PTT ทำน้ำมันที่ใส่เครื่อง Honda ลาก 9,000 รอบแล้วไม่ต้องห่วงว่าจะพัง ให้แรงดันเสถียร รักษาอุณหภูมิเครื่องได้เสถียร เสียแต่ว่า Top of the line ของ PTT ตอนนี้ยังไม่มีน้ำมันตัวไหนตอบโจทย์นั้นได้ ผมเองก็เปิดใจให้กับแบรนด์นี้มาแล้ว เอาน้ำมันมาลองเองและต้องยอมรับว่าประสิทธิภาพยังสู้เขาไม่ได้ แต่เรื่องราคาสู้ได้ พอออก Feel racing หนืด 50 มา กลับยิ่งน่าผิดหวังกว่าเดิม น้ำมันเครื่องของพวกเขาใช้กับรถบ้านทั่วไปไม่มีปัญหา ถ้าให้ผมเติมใส่รถในบ้าน รถของพ่อหรือแม่ ผมไม่กลัวครับ แต่ถ้าเป็นรถตัวเองที่ซัดหนักๆ ก็ยังกลัวอยู่
ผมอยากให้แบรนด์อิมเมจของ PTT เป็นพลังไทยเพื่อไทยจริงๆ คุณทำน้ำมันเครื่องดีๆออกมา เอาให้ทั้ง Castrol ทั้ง Sunoco อายไปเลย แล้วเอามาให้พวกผมลองกัน ถ้าเป็นของดี ผมยิ่งยินดีใช้และบอกต่อกันไปด้วย
ในวงการพวกคนอยู่ไม่สุขกับรถอย่างเช่นผม มองไปข้างหน้าแล้วเห็นช่องทางอีกมากแต่ไม่รู้ว่าคนไทยจะเปิดใจรับของไทยกันแค่ไหน พูดถึงยางรถยนต์ของคนไทยก็มี Vee Rubber ที่ชื่อตลก โฆษณาบางชิ้นก็ตลก แต่เอามาลองใช้แล้วไม่ตลกเพราะประสิทธิภาพดีกว่าแบรนด์นอกบางรายด้วยซ้ำ แต่เคยได้ยินเพื่อนผมแถวๆนี้บอกว่ายางบางเส้นไม่ค่อยกลม แต่เคลมได้นะ
ล้อแม็ก..เรามีแบรนด์ Lenso ซึ่งผมเองใส่ในรถที่ขับอยู่เป็นชุดที่สองแล้ว เป็นของที่มีคนยอมรับ เขาพยายามจะสู้กับค่านิยมที่ว่า "ถ้าจะเล่นล้อใหม่ไทย สู้ซื้อล้อญี่ปุ่นมือสองดีกว่า" พยายามออกล้อลายแปลกๆบ้าง ลายยอดนิยมบ้าง มีล้อน้ำหนักค่อนข้างเบาออกมาเป็นรุ่นๆ ผมมองว่าเขาสามารถสร้างความภักดีต่อแบรนด์ในหมู่ลูกค้าได้ในระดับหนึ่งแล้ว ก็จะมีแต่คนที่รายได้ค่อนข้างจะเยอะ ขับรถแบรนด์ระดับสูง เขาถึงจะไม่มอง Lenso เพราะการซื้อล้อวงละหลายหมื่นเขาสามารถทำได้ไม่ลำบาก
กล่องแต่ง..ECUSHOP คงมีคนรู้จัก กล่องดีเซล กล่องจูน กล่องคันเร่ง อันนี้ไม่เคยได้ลอง อยากลองอยู่เหมือนกัน เคยมีเพื่อนซื้อกล่องอิเล็กทรอนิกส์บางตัวมาลองใช้ แล้วก็ถือวิสาสะแงะดู ก็ไม่เห็นมีอะไรซับซ้อน คนบอกว่าไม่เห็นมีอะไรในกอไผ่ แต่จริงๆแล้วมีเพราะถ้ามันง่ายขนาดนั้น ทำไมตัวเองไม่ลงมือทำตลาดเสียเองแต่แรก และเจ้านี้แปลกคือเป็นการสร้างแบรนด์จากเชียงใหม่ ขยายความนิยมลงมาในเมือง คนที่ชอบดูถูกคนต่างจังหวัดคงฉุกคิดได้บ้าง
นอกจากนี้ยังมียี่ห้อ Lambdajet ที่มักเห็นโฆษณาใน Thaidriver ..ออกมาหรือยัง..รออยู่ ถ้าออกมาแล้วราคาเป็นมิตรและประสิทธิภาพดี ผมซื้อมาให้เพื่อนแมะก่อนเลย ถ้าดีจริง..ไม่ใช่ดีแค่วงจรต่างๆนะแต่ Interfaceให้จูนเนอร์ต้องทำมาให้ใช้ง่ายด้วย กล่องเมืองนอกบางตัวขึ้นต้นด้วยตัว H เพื่อนผมบอก กล่องดี แต่กูไม่ขอจูนอีก มันใช้ยากเกินจำเป็นก็มี
ช่วงล่าง โช้ค มิเตอร์ติดรถ ท่อยาง เทอร์โบ อินเตอร์คูลเลอร์ ของบางอย่างนี่แบรนด์ไทยทำมานานแล้ว บางแบรนด์ผมมองว่าน่าจะไปในระดับโลกได้แล้วด้วยซ้ำ ถ้าเราจะส่งเสริมกัน ผมว่าผมรู้สึกดีถ้าใช้แบรนด์ไทยที่ได้ประสิทธิภาพ 90% ของแบรนด์นอก แต่ราคาเบากว่ากัน 40-50% เพราะเงินก็ไหลอยู่ในประเทศ
