สืบเนื่องจากกระทู้ข้างล่างที่เกี่ยวข้อง/กล่าวถึงกับฮีทเตอร์ไว้
ทำให้นึกถึงประสบการณ์อีกอย่างของการขับรถเที่ยวเหนือในหน้าหนาว
ผิดพลาดประการใดแก้ไขเลยครับ...
คุยกันเรื่องฝ้าที่เกาะกระจกรถ เอาเป็นเน้นเฉพาะกระจกหน้ารถแล้วกัน
การเกิดฝ้า-เกิดขึ้นเนื่องจากอากาศที่มีไอน้ำ(มีความชื้นสูง)กระทบเข้ากับความเย็นของตัวกระจก
เกิดการควบแน่นเป็นละอองน้ำเป็นฝ้าเกาะติดที่ผิวกระจก
สำหรับกระจกหน้ารถยนต์ เกิดได้สองลักษณะ
/อย่างแรก ฝ้าที่ผิวกระจกด้านนอกของรถยนต์ เช่น จอดรถทิ้งไว้กลางแจ้งในตอนกลางคืน
กระจกจะค่อยๆเย็นลงเรื่อยๆทำให้ไอน้้ำในอากาศกลายเป็นฝ้า
ส่วนภายในรถที่ปิดกระจกมีความชื้นน้อยกว่า ไม่ค่อยเกิดฝ้าที่ผิวกระจกภายใน
หรือ การขับรถช้าๆเปิดแอร์เย็นจัดๆในตอนกลางคืน กระจกที่เย็นจัดทำให้ไอน้ำภายนอกเกิดเป็นฝ้าที่กระจกหน้า
ส่วนภายในไม่เกิดฝ้า!! ..เพราะว่าคุณสมบัติของแอร์คอนดิชั่นปรับอากาศ คือ ลดความร้อนทำให้อากาศเย็นแล้ว
ยังลดความชื้นในอากาศลงด้วย ดังนั้นอากาศในห้องโดยสารแห้งลง (เหงื่อระเหยจากตัวเราได้ดีขึ้นสบายขึ้นด้วย)
จึงไม่เกิดฝ้าขึ้นด้านใน
การแก้ไข้/ป้องกันการเกิดฝ้าภายนอกกระจกหน้า
-เพิ่มความเร็วรถขึ้น อาศัยลมที่พัดผ่านกระจกหน้าแรงขึ้นพัดฝ้าออกไป
-เป่าลมร้อนจากฮีทเตอร์ไปที่กระจกหน้าชั่วคราวสักครู่ ให้กระจกหน้าร้อนขึ้น
-เพิ่มอุณหภูมิแอร์ ให้เย็นน้อยลงกว่าเดิมเล็กน้อย เป็นการเพิ่มอุณหภูมิที่กระจกหน้าขึ้นอีกเล็กน้อย ให้ความเย็นลดลง ฝ้าเกิดยากขึ้น
-เปิดขดลดความร้อนกระจกหน้า ผมใช้ Ford Focus กระจกหน้าเป็นแบบมีขดลวดละลายหิมะ ใช้เปิดไล่ฝ้าได้ด้วย
/อย่างที่สอง ฝ้าทีเกิดที่ผิวด้านในของกระจกหน้า
อันนี้เห็นตั้งแต่เด็กเคยนั่งรถโดยสารไม่ปรับอากาศขณะฝนตก หรือ รถวิ่งในตอนกลางคืน
กระจกหน้ารถเย็นลงเกิดฝ้าด้านในกระจกหน้าจะมีเด็กรถคอยเช็ดฝ้าเป็นระยะๆ ช่วยพขร.ให้เห็นชัดขึ้น
หรือลองขับรถของเราในขณะฝนตกหรือตอนกลางคืน ไม่เปิดแอร์หรือเปิดให้ออกแต่ความร้อนจากฮีทเตอร์
ความชื้นไอน้ำภายในรถจะค่อยๆสูงขึ้น สักพักจะเกิดฝ้าที่กระจกด้านใน
การแก้ไข/การป้องกัน
-ปรับอุณภูมิแอร์ให้ลดต่ำลง (เย็นลง) จะลดความชื้นภายใน
-เปิดขดลวดความร้อนกระจกหน้า ในรถที่มีขดลวดละลายหิมะของกระจกหน้า แล้วตามด้วยข้อแรกเพื่อลดความชื้นภายใน
-เป่าลมเย็นแรงๆไปไล่ฝ้าที่กระจกหน้า ใช้ความแรงของลมไล่ฝ้า
-เป่าลมร้อนไปที่กระจกหน้าชั่วคราว เพื่มอุณหภูมิที่ผิวกระจกให้สูงขึ้น แล้วทำตามข้อข้างบนต่อเพื่อลดความชื้นภายใน
(สองข้อหลังนี้ ไม่ค่อยแน่ใจนัก ลืมเลือนไป คงต้องอาศัยใครสักคนทดลองพิสูจน์ดูแล้วมาบอกกันอีกครั้งครับ)