ผู้เขียน หัวข้อ: เรื่องเล่าในวันที่เอารถไปขายเต็นท์  (อ่าน 15203 ครั้ง)

ออฟไลน์ thanawanch

  • Newbie
  • *
  • กระทู้: 31
สวัสดีเพื่อนสมาชิกนะครับ วันนี้ขอมาเล่าประสบการณ์เอารถไปขายเต็นท์แถวกาญจนาภิเษกเมื่อช่วงวันหยุดที่ผ่านมาครับ

รถที่เอาไปขายคือ โตโยต้าฟอร์จูนเนอร์ ปี2007 ใช้ไปแล้ว 350,000+ กิโลเมตร รถบ้านผลัดกันใช้ระหว่างผมกับพ่อ (รถชื่อพ่อ) สภาพเดิมๆครับ
ขายเพื่อที่จะเปลี่ยนเป็น Volvo XC60 T8 R-design

เดิมทีผมประกาศขายผ่านเว็บตั้งแต่ช่วงปลายปีที่ผ่านมา ตั้งราคาไว้แถวๆ 530,000 บาท ซึ่งเป็นราคาที่เต็นท์ปล่อยออก กะว่าจะได้คนที่ซื้อไปใช้งานจริงๆมากกว่าเต็นท์ที่ซื้อไปขายต่อ ราคาในใจเผื่อต่อรองคือช่วง 48-50 ราวๆนี้ ปรากฎว่าคนที่โทรมาสอบถามกับเข้ามาดูรถ มีแต่เต็นท์ทั้งนั้นเลยครับ ขอต่อราคาแบบกระจุยกระจายแล้วก็จบไม่ลงสักราย  แล้วทีนี้รถผมถึงกำหนดเช็คระยะ บวกกับต่อภาษี+ประกัน ช่วงเดือนกุมภานี้แล้ว ก็เลยชวนพ่อไปลองให้เต็นท์แถวกาญจนาตีราคาดู  ซึ่งผมเข้าใจดีแหละว่าราคามันจะต้องน้อยกว่าที่ผมคิดแน่ๆ ตั้งราคาในใจว่าสัก 45 ก็โอละ เพราะว่าเพื่อนผมปล่อย Mu-7 ปีเดียวกับผมได้แค่4ถ้วน พ่อผมแกบอกขำๆว่า "เอ็งอย่าไปแวะเต็นท์ที่มันทำโครงเหล็กใหญ่ๆหล่ะ มันกดราคาไปจ่ายค่าเหล็กแน่ๆ"  ;D

เริ่มต้นเต็นท์แรก เป็น "เต็นท์" จริงๆครับ สภาพโทรมๆหน่อย แต่ผมอยากลองเลยแวะเข้าไป  สังเกตรถที่จอดๆอยู่ สภาพเดิมๆเลยครับ รอยอยู่ยังไงก็อย่างนั้น บางคันมีกล้องหน้ารถติดอยู่ บางคันยังมีพระมีผ้าห้อยอยู่ตรงกระจกมองหลังเลย มาถึงเจ้าของเต็นท์แกก็ขอดูเล่ม เปิดฝากระโปรง แล้วถามมีราคาในใจมั้ย ผมก็ตอบไป 4ปลายๆ แกก็โทรศัพท์มุบมิบๆ สักพักก็หันมาบอก ให้ได้เต็มที่ 39  :'( คุณพระ! ไหนว่ารถตลาดราคาดีไง!?

เต็นท์ที่สอง (คราวนี้เป็นโครงเหล็กละครับ อิอิ) รถที่จอดอยู่ก็เป็นรถญุี่ปุ่นซะส่วนใหญ่ กระบะ กับเก๋ง บี+ซีเซ้กเมนต์ สภาพเต็นท์ก็ดูโอเคดี พนง.ก็ออกมาถามหาเล่ม บิดดูไมล์ เปิดฝากระโปรง เช็คขอบยางประตูดูรอยเชื่อมนุ่นนี่ จัดว่าดูละเอียดพอสมควร สุดท้ายบอก ให้ได้ 41 เต็มที่   :( ผมก็โอเค อ่ะ ไม่รีบ ขับหาต่อดีกว่า

เต็นท์ที่สาม อันนี้เป็นเต็นท์ใหญ่ เห็นชื่อมานานครับ รถที่จอดอยู่ดูๆด้วยสายตาน่าจะเป็นปี 2010+ เป็นส่วนใหญ่คละกันทั้งรถยุโรปกับรถญี่ปุ่น โพรเซสก็เหมือนกับเต็นท์ที่สองทุกอย่าง พนง. บอกรถพี่ยางเก่านะ (เก่าสิปี2012อ่ะ) ต้องเก็บรายละเอียดนะ บลาๆ สุดท้ายบอกราคามา 4ถ้วน ผมก็ หึหึ คอมเม้นท์รถตรูซะเป็นอุจจาระเลย แถมให้ตรู4ถ้วนอีก บายยย  :-X

เต็นท์ที่สี่ อันนี้ก็เป็นเต็นท์ใหญ่พอสมควรเลยครับ มีทั้งรถตู้ รถญี่ปุ่น รถยุโรป พอไปถึงพนง.กำลังเทคแคร์ลูกค้าที่กำลังมาดูรถ  ก็มีผช.สูงอายุเดินออกมาสอบถามผม ดูโหงวเฮ้งแล้วน่าจะเป็นเถ้าแก่มาเอง ผมเห็นลักษณะแกแล้ว บอกกับพ่อว่า "พ่ออย่าแปลกใจนะถ้าแกจะให้ 38" พ่อผมฮากลิ้งเลย  ;D แกก็เปิดฝากระโปรงดูยังไม่ทันจะเอาตะขอเกี่ยวฝากระโปรง แกบอก "ฝากระโปรงนี่เปลี่ยนแล้วหนิ" แกก็ก้มๆดูละบอก "โดนหน้าขวามานิดนึง" ผมแบบ อุ้ยยย รับดูลายนิ้วมือป่าวคับลุง ท่าจะแม่น  :-[ แกก็ถามราคาในใจผม  สักพักแกไปตามลูกสาวออกมา ลูกสาวบอกหนูให้ได้ 44 อ่ะค่ะ มันต้องเก็บงานอีกหลายอย่างเลย ผมนึกสนุกเลยลองต่อรอง เป็น 47 เธอก็หายไปสักพัก พ่อผมกระซิบบอก "ถ้าได้ 45 พ่อกะปล่อยเลยนะ ถูกชะตาที่นี่ดี" สักพักเธอเดินมาบอก "455 นะคะ พี่เอาเงินสดไปเลย" สรุป ดีล!   

ระหว่างรอพ่อผมดำเนินการเรื่องเอกสาร ก็เลยมีโอกาสได้นั่งคุยกับเถ้าแก่ นู่นนี่นั่น ผมไม่ได้บอกแกหรอกครับว่าผมขายไปซื้อ Volvo ผมก็ถามๆแกว่า แล้วในบรรดารถยุโรปพวก เบนซ์ บีเอ็ม วอลโว่ ออดี้ นี่ราคาเป็นไงมั่งครับ แกร้องเสียงหลงเลย  "โอ้ยยยย วอลโว่ อย่าไปเอ๊าวว!!" ละแกก็พรั่งพรูมาว่า "คนเค้าไม่เล่นกัน จุกจิกตาย5 เห็นมันวิ่งบนนถนนกี่คัน คนเค้าเข็ดตั้งแต่สมัย 940 นู่นนน"
"เวลาอั้วะไปหัวหินนะ อั้วะเอาแคมรี่ไป นั่งสบายชิบx รถญี่ปุ่นดีกว่าถมเถ ซ่อมก็ถูกอะไหล่ก็ถูก ใช้ก็สบายใจ ขายก็ง่าย"
"พวกรถยุโรป เวลาใช้ก็ซ่อมเหนื่อย ขายก็เหนื่อย เต็นท์รับซื้อก็เหนื่อย เต็นท์ปล่อยต่อแม่มยิ่งโคตะระเหนื่อย"
"เนี่ยลองไปดู x1ที่จอดอยู่สิ กระโปรงท้ายวางกระติกน้ำแข็งแม่มก็เต็มละ"
"เบ็นซ์ต่อให้เป็นไอ้อีคลาส เบาะรองนั่งนี่นั่งได้แค่ครึ่งน่อง เข่าเผือกชนเบาะหน้าอีก ปวดเอวตาย5 ลองไปนั่งแคมรี่กับแอคคอร์ดสิ โคตะระกว้างง"
ฯลฯ  ;D ;D ;D
 
ผมเห็นพ่อผมนั่งยิ้มมุมปากเลย  พ่อผมแกไม่สนับสนุน Volvo ครับ เหตุผลก็ตามที่เถ้าแก่แกว่ามาเลย ญาติผมก็เข็ดกับเจ้า 940 หน่ะแหละ พ่อผมแกเล็งฟอร์จูนเนอร์กับเอเวอร์เรสไว้ แต่ผมก็ผ่าเหล่าผ่ากอ ชอบวอลโว่ตั้งแต่ตอนประถม ตอนนั้นเห็น s80 ปี 2001 แล้วแบบ รถอะไรสวยจริงๆ  พ่อผมก็อ่ะ ยอมซื้อให้  แต่ก็ไม่วายบอกว่า "ทำใจนะ เงิน3.5ล้านหายไปเลยนะ จะทิ้งเงินจอง5หมื่น พ่อก็ไม่ว่านะ" ผมก็เข้าใจแหละ แต่คิดว่าจะใช้ยาวๆ ราคาแบตก็ถือว่ารับได้  ใช้รถที่ตัวเองชอบนี่ผมคิดว่าคงมีความสุขตลอดช่วงที่ขับรถ ดีกว่าไปรอเอาความสุขแค่วันที่ขายรถอ่ะ ผมคิดงั้น

กลับมาที่เถ้าแก่ต่อ ผมถามแกว่า แกมีสูตรให้ราคารถยังไง แกบอกผมว่า
โดยทั่วไป รถใช้ 4 ปี ราคาจะเหลือ 50% ของราคามือ1 ถ้าใช้อีก 4ปีก็หายไปอีก 50% ของไอ้ก้อนที่แล้ว  นี่เป็นสูตรสำหรับรถญี่ปุ่นทั่วไปนะ
แต่ถ้าเป็นรถกระบะเจ้าตลาด รถตู้โตต้า กับรถโมเดลยอดนิยมอย่างฟอร์จูนเนอร์ ราคาจะดีกว่า
รถอย่างพวกแคมรี่ ตัว2.0G กับ 2.5HV ราคามือ1ต่างกัน4แสน ราคาเต็นท์รับเข้าเท่ากัน 
ส่วนพวกรถยุโรป นี่หนักเลย รถ4ปีก็เหลือไม่ถึง 50% แล้ว ความเสี่ยงที่เต็นท์แบกรับค่อนข้างสูง ยิ่งถ้ามีชนมาด้วย แกส่ายหัวเลย
แกบอกผมว่า เต็นท์ที่บอกว่า "รถไม่มีเฉี่ยวชน" อย่าไปเชื่อ สะตอทั้งนั้น รถในเมืองไทย แค่ขับไปปากซอยก็โดนมอไซค์ไถข้างไปละ แต่ชนมากชนน้อยนั่นอีกเรื่องนึง รถชนหนักแแกก็ไม่รับเหมือนกัน แกว่าไม่ใช่แค่ลูกค้ากลัวรถย้อม  เต็นท์ยิ่งกลัว เพราะเหมือนกับเป็นด่านหน้ารับข้าศึกเลย   

ถือว่าขายรถครั้งนี้ได้ประสบการณ์กับความรู้กลับบ้านมาเยอะเลยครับ ธุรกิจเต็นท์รถนี่นั่งมองในฐานะผู้ชมดูน่าตื่นตาตื่นใจ น่าสนุกเอาเรื่องเลย แต่คงขอเป็นแค่ผู้ชมพอครับ  ผู้เล่นเก๋าเกมส์เยอะครับ  ตอนนี้ผมก็นั่งรอเจ้า xc60 อย่างใจจดใจจ่อละ  ;)

ออฟไลน์ Stp

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 3,530
Re: เรื่องเล่าในวันที่เอารถไปขายเต็นท์
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: มกราคม 15, 2018, 21:19:07 »
"โอ้ยยยย วอลโว่ อย่าไปเอ๊าวว!!"

เจอประโยคนี้เป็นผมคงหน้าชา จิตตกไปเฮือกใหญ่ เถ้าแก่แกตรงดีนะ ตรงเกิ๊นนนนน  8)
:D ;D ร่วมรณรงค์รักการอ่านหนังสือ แทนการถามตลอดเวลา ;D :D

ออฟไลน์ akewizard

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,620
Re: เรื่องเล่าในวันที่เอารถไปขายเต็นท์
« ตอบกลับ #2 เมื่อ: มกราคม 15, 2018, 21:50:44 »
ขอบคุณสำหรับเรื่องเล่าครับ

ผมขายรถคันเดิมไป 2-3 ครั้ง ลงในเวปขายทั้งหมดครับ ไม่เคยเอาไปเทิร์นเต๊นเลย เพราะมีอคติส่วนตัวว่าเต๊นจะเอารถไปยำถอดนู่นั่นนี่สลับของก่อนขาย เสียดายรถ.....
บางคันผมขับมาไม่เคยไปเฉี่ยวชนอะไรเลย ล้างรถเคลือบสีเป็นประจำสีรถยังเงาเหมือนใหม่ คนที่คิดว่าเป็นเรื่องสะตอน่ะ...บอกเลยว่าจะพลาดของดีๆในชีวิตไป  ถ้าตรวจรถเป็นมันดูรู้แล้วว่าเคยชนหนักชนเบามารึเปล่า

เคยเจอเจ้านึงมาดูรถถึงบ้าน แถมต่อราคาจากราคาตั้งไม่มากด้วย แต่ดูทรงแล้วว่าน่าจะเป็นเต๊นผมก็เลยไม่ลดให้ สรุปไม่ได้ขายให้เจ้านั้นไป
แต่มาขายได้กับคนที่มาซื้อใช้โดยตรง ได้ราคาต่ำกว่าที่เต๊นให้อีก 555+ แต่สบายใจที่จะขายให้...

ออฟไลน์ JDM

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 216
Re: เรื่องเล่าในวันที่เอารถไปขายเต็นท์
« ตอบกลับ #3 เมื่อ: มกราคม 15, 2018, 21:56:44 »
ขอบคุณที่แชร์ครับ
W201 W211 W204 UCF10 C126

ออฟไลน์ HappyCar

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 342
Re: เรื่องเล่าในวันที่เอารถไปขายเต็นท์
« ตอบกลับ #4 เมื่อ: มกราคม 15, 2018, 22:05:58 »
ขอบคุณครับ เป็นความรู้ที่มีประโยชน์มากๆเลยครับ  :)

ออฟไลน์ NS

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 4,712
  • การเดินทางครั้งใหม่
Re: เรื่องเล่าในวันที่เอารถไปขายเต็นท์
« ตอบกลับ #5 เมื่อ: มกราคม 15, 2018, 22:16:38 »
ขอบคุณครับ สนุกดีนะครับ ประสบการณ์ขายรถให้เต้นท์ครั้งนี้  ::)
จะเลือกรถหรือเมีย....

...รถสิคร๊าฟ

ออฟไลน์ Zachary C

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,254
  • Beauty is in the Eyes of the Beholder
    • อีเมล์
Re: เรื่องเล่าในวันที่เอารถไปขายเต็นท์
« ตอบกลับ #6 เมื่อ: มกราคม 15, 2018, 22:52:57 »
เหมือนได้อยู่ในเหตุการณ์ด้วย

ขอบคุณที่นำมาแชร์ครับ
Hopefully, my old grande dame, the CRV G.1, will eventually become a classic!

2017 Honda BR-V SV telematics (Amber Brown)
2015 Honda Mobilio RS telematics (Pearl White)
1998 Honda CRV EXI G1 (Metallic Bronze)

ออฟไลน์ Slipknot`

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 21,846
  • *** HLM.COM ***
Re: เรื่องเล่าในวันที่เอารถไปขายเต็นท์
« ตอบกลับ #7 เมื่อ: มกราคม 15, 2018, 23:17:56 »
55+ เล่าได้ฟิลมาก ขอบคุณครับ

ปล.FTNโฉมแรก07 ปล่อยได้455เข้าเต้นถือว่าเยอะมากเลย

ออฟไลน์ TABO9

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 334
    • อีเมล์
Re: เรื่องเล่าในวันที่เอารถไปขายเต็นท์
« ตอบกลับ #8 เมื่อ: มกราคม 15, 2018, 23:28:30 »
ขอบคุณครับ เล่าซะชวนอ่าน สนุกลุ้นไปด้วยครับ ว่าจะจบที่ราคาเท่าไหร่

ออฟไลน์ ttcl

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 735
Re: เรื่องเล่าในวันที่เอารถไปขายเต็นท์
« ตอบกลับ #9 เมื่อ: มกราคม 15, 2018, 23:40:17 »
ขอบคุณที่เล่าประสบการณ์ครับ
ผมยังไม่เคยขายให้เต็นท์ เคยแต่จะขาย เอาไปที่เต็นท์ให้ตีราคา แต่ราคายังไม่ได้เลยไม่ได้ขาย
ขอถามเพิ่มเติมว่า สี่แสนห้านี่คือเต้นท์เอาธนบัตรเป็นปึกๆมานับจ่ายให้เราเลยเหรอครับ
อย่างนี้ก็สะดวกดีนะครับ

ออฟไลน์ sixaxis

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 451
    • mntkcar
Re: เรื่องเล่าในวันที่เอารถไปขายเต็นท์
« ตอบกลับ #10 เมื่อ: มกราคม 16, 2018, 00:41:33 »
และก็ถูกชะตาจริงๆซะด้วย

ออฟไลน์ Benzecar

  • Jr. Member
  • **
  • กระทู้: 59
    • อีเมล์
Re: เรื่องเล่าในวันที่เอารถไปขายเต็นท์
« ตอบกลับ #11 เมื่อ: มกราคม 16, 2018, 01:13:11 »
455,000 คุณได้ราคาดีมากเลยครับ
สัปดาห์ก่อน เตนท์ผมเพิ่งจะตีราคา Fortuner ปี 2006
3.0 4WD สีขาวไปแค่ 40ไม่เกิน 41 เต็มที่เลยครับ
รถ12ปี วิ่งแสนนิดๆเองด้วย
อาจเป็นเพราะเตนท์ผมอยู่ ตจว ด้วยหละมั้งครับ555
.
.
รถยุโรปนี่ราคาร่วงหนักจริงๆ 320d ของผม
เห็นราคาละแบบว่า...หมด BSI ปีนี้
ตูใช้ต่อก็ได้(ว่ะ)5555
97” Mitsubishi Lancer Ecar 1.5 GLX (sold)
05” Toyota Fortuner 2.7 V 4x4 (sold)
08” Honda Accord 2.4 EL
10” Toyota Hilux Vigo 2.5 E VN turbo

ออฟไลน์ shikimaru

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,313
    • อีเมล์
Re: เรื่องเล่าในวันที่เอารถไปขายเต็นท์
« ตอบกลับ #12 เมื่อ: มกราคม 16, 2018, 01:28:01 »
รถปีนี้ วิ่งขนาดนี้ ได้ราคาดีมากๆครับ แปลกใจมากด้วยครับ  คือด้วยโปรเซสของเต๊นมันต้องไปเก็บงานมี คชจ อีกหลายอย่าง แล้วเรื่องรถชนหนักนี่ เต๊นดีจริงๆ ไม่รับเข้านะครับ ชนปานกลางแค่ตรวจๆเช็คๆก็แทบไม่เอาละครับ ต่อให้ถูกก็ตามพอถึงเวลาปล่อยขาย ขายยากมาก ต้องสาพรัดหาโปรมาช่วยเสริม คือถ้าขายจบๆ แบบตีหัวเข้าบ้านไม่เกิน 2 ปีครับเจ๊ง ลูกค้าหายหมด ตอนหารถนี่ต้องหารถสภาพเดิมๆ ชนบางๆถึงจะไหวครับ

ปล. มีน้องทำเต๊นอยู่ครับ รถ 10 คันหาสภาพไม่ชนได้ซัก 2-3 คัน รับได้หมดจริงๆประมาณ 5-6 คัน ที่เหลืิอนี่ชนยับมาก็เยอะครับ

ออฟไลน์ Alcatraz

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 3,604
    • อีเมล์
Re: เรื่องเล่าในวันที่เอารถไปขายเต็นท์
« ตอบกลับ #13 เมื่อ: มกราคม 16, 2018, 04:50:46 »
ยินดีกับรถคันใหม่ด้วยครับ มาเป็นครอบครัววอลโว่ด้วยกัน อย่าลืมมาเข้ากลุ่มไลน์กันด้วยนะครับ ถ้าสนใจหลังหลังไมค์มาได้ รับรถเมื่อไหร่ครับ เซลล์เคยแจ้งไว้ว่ารับกุมภา

สมรรถนะวอลโว่ไม่ได้แย่กว่ารถพรีเมี่ยมด้วยกันเลยถ้ารู้จักข้อดีข้อด้อยของมัน แต่อาจต้องรู้วิธีดีลกับศูนย์นิดนึง

ออฟไลน์ Devil13

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 5,010
Re: เรื่องเล่าในวันที่เอารถไปขายเต็นท์
« ตอบกลับ #14 เมื่อ: มกราคม 16, 2018, 07:02:56 »
ผมผ่อนหมดแล้ว อิอิ
รอโมเม้นนี้อยู่... อารมณ์ก็คล้ายๆ จขกท. เลยครับ ขับรถญี่ปุ่นแต่อยากได้รถยุโรป
แต่ของผมดูแล้วคงจะหนีญี่ปุ่นไม่พ้นครับ ชอบค่าเซอร์วิส และค่าอะไหล่ญี่ปุ่น  :-*

ออฟไลน์ groovy

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 343
Re: เรื่องเล่าในวันที่เอารถไปขายเต็นท์
« ตอบกลับ #15 เมื่อ: มกราคม 16, 2018, 07:48:14 »
มือสองเเกิน10ปีขายยากครับ ตอนนี้รถใหม่ข้อเสนอน่าสนกว่า ผมลงขายaccord g7 3.0 มาสองสัปดาห์ล่ะมีคนต่อราคามาคนเดียว ไม่กล้าเอาไปตีเต็นท์กลัวรับราคาไม่ได้ ;D

ออฟไลน์ Krongbun

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,407
    • อีเมล์
Re: เรื่องเล่าในวันที่เอารถไปขายเต็นท์
« ตอบกลับ #16 เมื่อ: มกราคม 16, 2018, 07:48:44 »
เต้นท์นี้น่าเข้าไปซื้อมือสองมาจริงๆ

คนดูรถเป็นนี่เทพจริงๆครับ ผมเอารถไปใส่ชุดแต่ง
เค้าจับปุ๊บรู้เลยว่าไม่ใช่สีเดิม แล้วเอาไฟมาส่องให้ดู มันแตกต่างจริงๆด้วย  :o
รู้ยันโลโก้รถว่าเคยถูกถอดทำสีมาแล้ว - -

ออฟไลน์ mrpich

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,194
  • เฮ้อ...อยากจะเหมาทั้งวง
Re: เรื่องเล่าในวันที่เอารถไปขายเต็นท์
« ตอบกลับ #17 เมื่อ: มกราคม 16, 2018, 08:02:09 »
ยาวแต่อ่านสนุกดีนะครับ
เตนท์นี้เถ้าแก่  ok นะดูตรงไปตรงมาดี ทำธุรกิจแบบนี้ถ้าไม่จริงใจคงอยู่ไม่ได้นานขนาดขยายกิจการใหญ่โตแน่เลย
ถูกใจฮโยยอน-ปลื้มซูยอง-ชื่นชมเจสสิก้า-คิดถึงยูริ-แอบปิ๊งยูนอา-ชอบซอฮยอน-ใฝ่ฝันซันนี่-หลงไหลแทยอน-สุดรักทิฟฟานี่

ออฟไลน์ ภูมิใจไหม?

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 4,147
  • SNK vs Playmore
Re: เรื่องเล่าในวันที่เอารถไปขายเต็นท์
« ตอบกลับ #18 เมื่อ: มกราคม 16, 2018, 08:26:20 »
สนุกดีครับ

โดนคำพูดเสียดแทงใจมาด้วย อิอิ

แต่จะซื้อรถที่ชอบทั้งที ต้องใช้ทั้งอารมณ์และเหตุผลเข้าด้วยกัน 50:50 ครับ

ขอให้มีความสุขกับ XC60 ครับ รถเค้าดีจริง ๆ ผมก็ชอบแต่ไม่มีตังครับ

ออฟไลน์ Olympuspen

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 426
Re: เรื่องเล่าในวันที่เอารถไปขายเต็นท์
« ตอบกลับ #19 เมื่อ: มกราคม 16, 2018, 08:36:27 »
  " ใช้รถที่ตัวเองชอบนี่ผมคิดว่าคงมีความสุขตลอดช่วงที่ขับรถ ดีกว่าไปรอเอาความสุขแค่วันที่ขายรถ "  ประโยคนี้โดนครับ ++++1

ออฟไลน์ Boyja

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 501
Re: เรื่องเล่าในวันที่เอารถไปขายเต็นท์
« ตอบกลับ #20 เมื่อ: มกราคม 16, 2018, 09:03:46 »
อ่านแล้วสนุกดี ผมก้อเคยคิดนะ ถ้ามีโอกาสก้ออยากคุยๆ ถามๆ แบบนี้เหมือนกัน เอาเป็นความรู้ ยินดีกับรถใหม่ในอนาคตที่กำลังจะมาด้วยครับ  ;) (volvo ก้อรถในฝันผมเหมือนกัน แต่คงไม่ได้ใช้ละ)

ออฟไลน์ localgame

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,592
Re: เรื่องเล่าในวันที่เอารถไปขายเต็นท์
« ตอบกลับ #21 เมื่อ: มกราคม 16, 2018, 09:14:24 »
เต๊นแถวกาญจนานี่ถ้าไม่เก๋าจริงอยู่ยากครับ เวลาไปขายจะโดนกดราคาเป็นพิเศษ จะเจอราคาสมเหตุสมผลอยู่ไม่กี่ราย

ตอนไปซื้อนี่ยิ่งหนักกว่าตอนขายอีก เคยไปเดินหาW204 C-Class กับเพื่อนหาสภาพดีๆยากมาก ถ้าเจอสภาพดีๆราคาก็จะโดด

จากหน้าเวปขายรถไปแสนกว่า ขับรถวนหาซื้อตั้งแต่เช้ายันค่ำเลย สรุปไม่ได้รถ ผมเดาว่าคงกะขายคนรีบใช้รถจริงๆ

สุดท้ายไปได้รถจากในเวป ผุ้ขายลงขายเอง รถสภาพดี ราคาสมเหตุสมผลกว่า

หลังๆตอนขายรถผมก็ลงขายเอง แล้วตั้งราคาไม่แรงมาก แรกๆที่ลงขายเต็นจะโทรมากันเยอะหน่อย แต่ราคาจะไม่จบพอผ่าน

ไปสักพักคนใช้จริงจะโทรมาละ ผมขายเองทีไรเป็นแบบนี้ทุกที

PKS8

  • บุคคลทั่วไป
Re: เรื่องเล่าในวันที่เอารถไปขายเต็นท์
« ตอบกลับ #22 เมื่อ: มกราคม 16, 2018, 09:26:12 »
ขอบคุณที่แชร์ครับ ผมก็เริ่มต้นจากรถยุโรปมือสอง ซ่อมไปใช้ไป ซื้อๆขายๆ ใช้แต่ยุโรปมือสองมาตลอด

ที่เจ้าของเต๊นท์ว่ามามันจริงทุกประการเลยครับ จากประสบการณ์ตรง ขอแชร์เจ้าของกระทู้นิดนึงที่จะเล่นยุโรป

ความสุขในการใช้มันจะจบลงอย่างสิ้นเชิงหลังประกันหมดครับ มันเป็นอะไรที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออก

จะใช้ต่อเดี๋ยวเสียๆ ยิ่งถ้าใช้รถเยอะปีนึงมากกว่า 30,000 โล นี่ค่าซ่อมมาเป็นเงาเลยครับ แล้วที่ปวดใจคือพอหมดประกันเราก็ไปหาอู่นอกตามสูตร อู่นอกพวกนี้ชื่อดังคิวยาวมาก จอดรถเราริมถนน ทิ้งๆขว้างๆ จะซ่อมทีเหมือนต้องไปง้อ ไปอ้อนวอนให้ซ่อมให้ หลังๆมานี่หนักเลยค่าซ่อมไม่ได้ถูกกว่าศูนย์เท่าไหร่ ถ้าชื่อดังมากๆ

ครั้งจะไปลองอู่เล็กๆเพิ่งเปิด เราก็ไม่รู้ว่าจะเป็นหนูให้เค้าลองหรือเปล่า สุดท้ายจะขายก็ขาดทุนยับ

ผมเพิ่งบังคับให้ที่บ้านตัดใจ ขายทิ้งให้หมดเพราะรถยุโรปเก่าจะใช้ก็เสีย ไม่ซ่อมก็เสีย แล้วมาลองใช้ญี่ปุ่นป้ายแดง คนขับผมนี่มีเวลาล้างรถเยอะเลย อยู่นั่งรอขับให้ ผิดกับเมือก่อนวิ่งผลัดกันเอารถไปซ่อม บีเอ็มก็อยู่อีกมุมเมืองนึง เบนซ์ก็อยู่อีกมุมเมืองนึง ออดี้โฟคล์ก็อยู่อีกมุมนึง ผมประหยัดทั้งค่าซ่อม ค่าแท๊กซี่ ค่าน้ำมันปีๆนึงเป็นครึ่งล้านครับ

ประสบการณ์ส่วนตัวนะครับ ถ้าจะใช้รถแค่หมดประกันแล้วยอมขายขาดทุนไป ก็จะเป็นอีกเรื่องนึงครับ

ออฟไลน์ Nikle_pk

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 5,677
Re: เรื่องเล่าในวันที่เอารถไปขายเต็นท์
« ตอบกลับ #23 เมื่อ: มกราคม 16, 2018, 10:15:37 »
ได้ราคามากแล้วครับ

เชื่อมั้ยรถผม fortuner 3.0V ปี 2006 วิ่ง 2 หมื่นโล
ผมขายไปปี 2008 ใช้งานไม่ถึง 2 ปีดี
คุ้นๆว่าซื้อมา 1.2 ล้านนิดๆ แค่ 2 ปี ผมขายได้แค่ 7 แสน

ของคุณ 10 ปีได้ราคาเท่านี้ถือว่าราคาดีมากๆแล้วครับ


....

แล้วเรื่องรถยุโรปมายืนยันให้เลยครับว่าจริงโดยเฉพาะ Hybrid
ของผม E300AMG BTHY ซื้อมา 4.1 ล้าน ใช้ 9 เดือน วิ่ง
ไม่ถึงหมื่นโล ยังป้ายแดง เอาไปตีราคามา 4 เตนท์ มีให้ราคา
2.8 ล้าน 2.5 ล้าน 2.3 ล้าน และสุดท้ายบอก Hybrid ไม่รับซื้อ
เจ็บสุดๆเลยล่ะครับ

.....

ยินดีด้วยกับรถใหม่นะครับ
My Review !!! New Vellfire 2.5ZG Edition !!!
http://community.headlightmag.com/index.php?topic=44242.0

jaesz

  • บุคคลทั่วไป
Re: เรื่องเล่าในวันที่เอารถไปขายเต็นท์
« ตอบกลับ #24 เมื่อ: มกราคม 16, 2018, 10:46:26 »
เต็นท์ไหนคับ ซื้อราคาดีจัง อยากรู้

ออฟไลน์ Tien.W

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 5,244
    • อีเมล์
Re: เรื่องเล่าในวันที่เอารถไปขายเต็นท์
« ตอบกลับ #25 เมื่อ: มกราคม 16, 2018, 11:38:14 »
เคยถามขาย CRV G3 2.0 ปี 11 ไมล์แสนกม. เค้าบอก ไม่เกิน 4 แสน !!

โอเค จบ ... ใช้ต่อไป 4 แสนบาทนี่ ซื้อ eco car ป้ายแดงยังไม่ได้เลย

ออฟไลน์ View

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,889
  • -SIXFLOOR-
    • อีเมล์
Re: เรื่องเล่าในวันที่เอารถไปขายเต็นท์
« ตอบกลับ #26 เมื่อ: มกราคม 16, 2018, 12:09:31 »
ราคาดีมากเลยครับ รถสิบปีได้ตั้ง 455 แหนะ
พ่อผมอยากได้ H1
ผมเลยลองเอา Escape ปี 12 วิ้งไปแสนหก
ไปถามเต้นท์ดูว่าได้เท่าไหร่
ถ้าลงขายเอง คงขายซัก 450,000
ไปถามเต้นท์ก็ทำใจได้ซัก 350,000 ก็เอาวะ
แต่เอาเข้าจริง เจ๊บอกได้ 280,000 โอโห้
จะเป็นลม รถไม่ตลาดนี่มันราคาตกฮวบจริงๆ
2013 Honda City 1.5V
2013 Chevrolet Trailblazer 2.8 LTZ 4WD

ออนไลน์ Auto

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 4,642
Re: เรื่องเล่าในวันที่เอารถไปขายเต็นท์
« ตอบกลับ #27 เมื่อ: มกราคม 16, 2018, 13:05:50 »
ขอบคุณที่แชร์ครับ ผมก็เริ่มต้นจากรถยุโรปมือสอง ซ่อมไปใช้ไป ซื้อๆขายๆ ใช้แต่ยุโรปมือสองมาตลอด

ที่เจ้าของเต๊นท์ว่ามามันจริงทุกประการเลยครับ จากประสบการณ์ตรง ขอแชร์เจ้าของกระทู้นิดนึงที่จะเล่นยุโรป

ความสุขในการใช้มันจะจบลงอย่างสิ้นเชิงหลังประกันหมดครับ มันเป็นอะไรที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออก

จะใช้ต่อเดี๋ยวเสียๆ ยิ่งถ้าใช้รถเยอะปีนึงมากกว่า 30,000 โล นี่ค่าซ่อมมาเป็นเงาเลยครับ แล้วที่ปวดใจคือพอหมดประกันเราก็ไปหาอู่นอกตามสูตร อู่นอกพวกนี้ชื่อดังคิวยาวมาก จอดรถเราริมถนน ทิ้งๆขว้างๆ จะซ่อมทีเหมือนต้องไปง้อ ไปอ้อนวอนให้ซ่อมให้ หลังๆมานี่หนักเลยค่าซ่อมไม่ได้ถูกกว่าศูนย์เท่าไหร่ ถ้าชื่อดังมากๆ

ครั้งจะไปลองอู่เล็กๆเพิ่งเปิด เราก็ไม่รู้ว่าจะเป็นหนูให้เค้าลองหรือเปล่า สุดท้ายจะขายก็ขาดทุนยับ

ผมเพิ่งบังคับให้ที่บ้านตัดใจ ขายทิ้งให้หมดเพราะรถยุโรปเก่าจะใช้ก็เสีย ไม่ซ่อมก็เสีย แล้วมาลองใช้ญี่ปุ่นป้ายแดง คนขับผมนี่มีเวลาล้างรถเยอะเลย อยู่นั่งรอขับให้ ผิดกับเมือก่อนวิ่งผลัดกันเอารถไปซ่อม บีเอ็มก็อยู่อีกมุมเมืองนึง เบนซ์ก็อยู่อีกมุมเมืองนึง ออดี้โฟคล์ก็อยู่อีกมุมนึง ผมประหยัดทั้งค่าซ่อม ค่าแท๊กซี่ ค่าน้ำมันปีๆนึงเป็นครึ่งล้านครับ

ประสบการณ์ส่วนตัวนะครับ ถ้าจะใช้รถแค่หมดประกันแล้วยอมขายขาดทุนไป ก็จะเป็นอีกเรื่องนึงครับ
เข้าใจอารมณ์เลยครับ      ผมเคยมีอารมณ์และประสบการณ์แบบนี้ มันกินเวลาครอบครัวหรือเวลาส่วนตัวไปมาก ในช่วงวัยรุ่น       สุดท้ายเหมือนเราขาดโอกาสหรือเสียโอกาสทำมาหากินไปด้วย 
 
  ผมก็เลยเลิกเลย คือรถที่มันเฉพาะด้านเกินไปต้องตะเวนหาอู่ชื่อดังตามเวปซ่อม  ผมคงไม่เอาละ  ตอนต้องซ่อมรถหรือไปรอซอมรถนี่มันไม่สนกเลย ยิ่งอะไหล่ไม่มีหรือต้องเทียบหาด้วย   อารมณ์เสียมาก 
  ขอรถตลาดแบบ ญี่ปุ่นรุ่นที่มันซ่อมง่าย ๆ ไม่จุกจิกมีอะไหล่เพียงพอ     เสียยาก เน้นทนทานเป็นหลัก       เราเอาเวลาตรงนี้ไปพักผ่อนทำมาหากินดีกว่า   
บอกเลยว่า Fortuner  รุ่นเดิมมันคือคำตอบในคำถามนี้เลย  ไม่แปลกที่จขกท จะได้ราคารถดี เพราะมันเป็นรุ่นตลาดนิยม  ทนทานไม่จุกจิก อะไหล่ซ่อมไม่แพง     ไม่ว่า Fortuner เบนซินหรือดีเซล ต่างมีดีทั้งคู่ในการใช้งาน  ผมใช้งานทำมาหากินได้เยอะ ช่วยเหลือเราอย่างมาก  ดีกว่าเอาเวลาไปเสียกับการซ่อมรถ 

ออฟไลน์ mongolias

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 4,364
Re: เรื่องเล่าในวันที่เอารถไปขายเต็นท์
« ตอบกลับ #28 เมื่อ: มกราคม 16, 2018, 13:16:37 »
ขอบคุณครับ ได้ราคาดีเมือนกันแฮะ
ตอนผมเอารถไปเทิร์นเลย ให้ศูนย์ตีราคา(เรียกเต๊นท์มาตีให้นี่แหละ) Jazz GD ใช้มา 11 ปี ระยะทาง 3.8 แสนก.ม.
ได้ราคามา 130,000 , 140,000 ที่สุดท้ายให้ 170,000 ผมเลยรีบปล่อยเลย 555
เข้าไปดูราคาในเวป ส่วนมากตั้งที่สองแสน แต่เดาว่าคงปล่อยยาก เพราะรถผมติดแก๊สด้วย

ทุกวันนี้ก็ยังคิดถึงเจ้า GD คู่ใจอยู่ พยายามมองหาตามท้องถนน แต่ไม่เคยเห็นเลย

ออฟไลน์ thanawanch

  • Newbie
  • *
  • กระทู้: 31
Re: เรื่องเล่าในวันที่เอารถไปขายเต็นท์
« ตอบกลับ #29 เมื่อ: มกราคม 16, 2018, 13:54:51 »
ขอบคุณสำหรับทุกความคิดเห็นนะครับ

ล่าสุดเมื่อสักครู่ พ่อผมเปรยขึ้นมาบนโต๊ะอาหาร
"พ่อว่า เรื่องรถคันใหม่...ถ้าเป็นพ่อจะซื้อ PPV ป้ายแดงคันนึง เอาไว้ใช้งานลุยได้ ไม่ต้องถนอมอะไรมาก แล้วให้เฮีย(เต็นท์รถ)แกหารถเบนซ์มือสองปีใหม่ๆให้คันนึง  เอาไว้จอดโชว์ ขับเท่ห์ตามอารมณ์แกไป มันน่าจะคุ้มเงินกว่าการที่แกเอาเงินไปเทโครมสามล้านห้า ขับๆไปห้าปีหายไปสองล้าน ถ้าจะขับรถยุโรปมันต้องเบนซ์มือสอง มูลค่ารถหน่ะมันลดแต่มูลค่าดาวบนฝากระโปรงมันเท่าเดิมคนเค้าไม่สนหรอกมือ1มือ2 แกลองเอาไปคิดดูแล้วกัน  แต่ถ้าแกยังยืนยันจะทำตามฝัน พ่อก็ไม่ว่า แต่ต้องหามูลค่าเพิ่มจากรถให้ได้ 5ปีวิ่งไปเลยสองแสน ถ้าอย่างนั้นหน่ะคุ้ม"

เครียดเลยผม  :'(  ผมไม่ได้แคร์เรื่องอิมเมจอะไรเลยนะ รู้แค่ว่าผมชอบวอลโว่อ่ะ เคยเช่า xc90 ขับที่สแกนดิเนเวีย 3000กว่าโลแล้วรู้สึกว่ามันถูกสร้างด้วยความ "ประณีต" อ่ะครับ แล้วพอดีกับที่ผมจองxc60 ไปมันได้ free maintenance 5 ปี ตอนนี้ยังจุกๆอยู่เลยครับ

ขอบคุณที่แชร์ครับ ผมก็เริ่มต้นจากรถยุโรปมือสอง ซ่อมไปใช้ไป ซื้อๆขายๆ ใช้แต่ยุโรปมือสองมาตลอด

ที่เจ้าของเต๊นท์ว่ามามันจริงทุกประการเลยครับ จากประสบการณ์ตรง ขอแชร์เจ้าของกระทู้นิดนึงที่จะเล่นยุโรป

ความสุขในการใช้มันจะจบลงอย่างสิ้นเชิงหลังประกันหมดครับ มันเป็นอะไรที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออก

จะใช้ต่อเดี๋ยวเสียๆ ยิ่งถ้าใช้รถเยอะปีนึงมากกว่า 30,000 โล นี่ค่าซ่อมมาเป็นเงาเลยครับ แล้วที่ปวดใจคือพอหมดประกันเราก็ไปหาอู่นอกตามสูตร อู่นอกพวกนี้ชื่อดังคิวยาวมาก จอดรถเราริมถนน ทิ้งๆขว้างๆ จะซ่อมทีเหมือนต้องไปง้อ ไปอ้อนวอนให้ซ่อมให้ หลังๆมานี่หนักเลยค่าซ่อมไม่ได้ถูกกว่าศูนย์เท่าไหร่ ถ้าชื่อดังมากๆ

ครั้งจะไปลองอู่เล็กๆเพิ่งเปิด เราก็ไม่รู้ว่าจะเป็นหนูให้เค้าลองหรือเปล่า สุดท้ายจะขายก็ขาดทุนยับ

ผมเพิ่งบังคับให้ที่บ้านตัดใจ ขายทิ้งให้หมดเพราะรถยุโรปเก่าจะใช้ก็เสีย ไม่ซ่อมก็เสีย แล้วมาลองใช้ญี่ปุ่นป้ายแดง คนขับผมนี่มีเวลาล้างรถเยอะเลย อยู่นั่งรอขับให้ ผิดกับเมือก่อนวิ่งผลัดกันเอารถไปซ่อม บีเอ็มก็อยู่อีกมุมเมืองนึง เบนซ์ก็อยู่อีกมุมเมืองนึง ออดี้โฟคล์ก็อยู่อีกมุมนึง ผมประหยัดทั้งค่าซ่อม ค่าแท๊กซี่ ค่าน้ำมันปีๆนึงเป็นครึ่งล้านครับ

ประสบการณ์ส่วนตัวนะครับ ถ้าจะใช้รถแค่หมดประกันแล้วยอมขายขาดทุนไป ก็จะเป็นอีกเรื่องนึงครับ
ขอบคุณมากเลยครับสำหรับข้อคิดนี้