สวัสดีเพื่อนสมาชิกนะครับ วันนี้ขอมาเล่าประสบการณ์เอารถไปขายเต็นท์แถวกาญจนาภิเษกเมื่อช่วงวันหยุดที่ผ่านมาครับ
รถที่เอาไปขายคือ โตโยต้าฟอร์จูนเนอร์ ปี2007 ใช้ไปแล้ว 350,000+ กิโลเมตร รถบ้านผลัดกันใช้ระหว่างผมกับพ่อ (รถชื่อพ่อ) สภาพเดิมๆครับ
ขายเพื่อที่จะเปลี่ยนเป็น Volvo XC60 T8 R-design
เดิมทีผมประกาศขายผ่านเว็บตั้งแต่ช่วงปลายปีที่ผ่านมา ตั้งราคาไว้แถวๆ 530,000 บาท ซึ่งเป็นราคาที่เต็นท์ปล่อยออก กะว่าจะได้คนที่ซื้อไปใช้งานจริงๆมากกว่าเต็นท์ที่ซื้อไปขายต่อ ราคาในใจเผื่อต่อรองคือช่วง 48-50 ราวๆนี้ ปรากฎว่าคนที่โทรมาสอบถามกับเข้ามาดูรถ มีแต่เต็นท์ทั้งนั้นเลยครับ ขอต่อราคาแบบกระจุยกระจายแล้วก็จบไม่ลงสักราย แล้วทีนี้รถผมถึงกำหนดเช็คระยะ บวกกับต่อภาษี+ประกัน ช่วงเดือนกุมภานี้แล้ว ก็เลยชวนพ่อไปลองให้เต็นท์แถวกาญจนาตีราคาดู ซึ่งผมเข้าใจดีแหละว่าราคามันจะต้องน้อยกว่าที่ผมคิดแน่ๆ ตั้งราคาในใจว่าสัก 45 ก็โอละ เพราะว่าเพื่อนผมปล่อย Mu-7 ปีเดียวกับผมได้แค่4ถ้วน พ่อผมแกบอกขำๆว่า
"เอ็งอย่าไปแวะเต็นท์ที่มันทำโครงเหล็กใหญ่ๆหล่ะ มันกดราคาไปจ่ายค่าเหล็กแน่ๆ" เริ่มต้นเต็นท์แรก เป็น "เต็นท์" จริงๆครับ สภาพโทรมๆหน่อย แต่ผมอยากลองเลยแวะเข้าไป สังเกตรถที่จอดๆอยู่ สภาพเดิมๆเลยครับ รอยอยู่ยังไงก็อย่างนั้น บางคันมีกล้องหน้ารถติดอยู่ บางคันยังมีพระมีผ้าห้อยอยู่ตรงกระจกมองหลังเลย มาถึงเจ้าของเต็นท์แกก็ขอดูเล่ม เปิดฝากระโปรง แล้วถามมีราคาในใจมั้ย ผมก็ตอบไป 4ปลายๆ แกก็โทรศัพท์มุบมิบๆ สักพักก็หันมาบอก ให้ได้เต็มที่ 39
คุณพระ! ไหนว่ารถตลาดราคาดีไง!?
เต็นท์ที่สอง (คราวนี้เป็นโครงเหล็กละครับ อิอิ) รถที่จอดอยู่ก็เป็นรถญุี่ปุ่นซะส่วนใหญ่ กระบะ กับเก๋ง บี+ซีเซ้กเมนต์ สภาพเต็นท์ก็ดูโอเคดี พนง.ก็ออกมาถามหาเล่ม บิดดูไมล์ เปิดฝากระโปรง เช็คขอบยางประตูดูรอยเชื่อมนุ่นนี่ จัดว่าดูละเอียดพอสมควร สุดท้ายบอก ให้ได้ 41 เต็มที่
ผมก็โอเค อ่ะ ไม่รีบ ขับหาต่อดีกว่า
เต็นท์ที่สาม อันนี้เป็นเต็นท์ใหญ่ เห็นชื่อมานานครับ รถที่จอดอยู่ดูๆด้วยสายตาน่าจะเป็นปี 2010+ เป็นส่วนใหญ่คละกันทั้งรถยุโรปกับรถญี่ปุ่น โพรเซสก็เหมือนกับเต็นท์ที่สองทุกอย่าง พนง. บอกรถพี่ยางเก่านะ (เก่าสิปี2012อ่ะ) ต้องเก็บรายละเอียดนะ บลาๆ สุดท้ายบอกราคามา 4ถ้วน ผมก็ หึหึ คอมเม้นท์รถตรูซะเป็นอุจจาระเลย แถมให้ตรู4ถ้วนอีก บายยย
เต็นท์ที่สี่ อันนี้ก็เป็นเต็นท์ใหญ่พอสมควรเลยครับ มีทั้งรถตู้ รถญี่ปุ่น รถยุโรป พอไปถึงพนง.กำลังเทคแคร์ลูกค้าที่กำลังมาดูรถ ก็มีผช.สูงอายุเดินออกมาสอบถามผม ดูโหงวเฮ้งแล้วน่าจะเป็นเถ้าแก่มาเอง ผมเห็นลักษณะแกแล้ว บอกกับพ่อว่า "พ่ออย่าแปลกใจนะถ้าแกจะให้ 38" พ่อผมฮากลิ้งเลย
แกก็เปิดฝากระโปรงดูยังไม่ทันจะเอาตะขอเกี่ยวฝากระโปรง แกบอก "ฝากระโปรงนี่เปลี่ยนแล้วหนิ" แกก็ก้มๆดูละบอก "โดนหน้าขวามานิดนึง" ผมแบบ อุ้ยยย รับดูลายนิ้วมือป่าวคับลุง ท่าจะแม่น
แกก็ถามราคาในใจผม สักพักแกไปตามลูกสาวออกมา ลูกสาวบอกหนูให้ได้ 44 อ่ะค่ะ มันต้องเก็บงานอีกหลายอย่างเลย ผมนึกสนุกเลยลองต่อรอง เป็น 47 เธอก็หายไปสักพัก พ่อผมกระซิบบอก "ถ้าได้ 45 พ่อกะปล่อยเลยนะ ถูกชะตาที่นี่ดี" สักพักเธอเดินมาบอก "455 นะคะ พี่เอาเงินสดไปเลย" สรุป ดีล!
ระหว่างรอพ่อผมดำเนินการเรื่องเอกสาร ก็เลยมีโอกาสได้นั่งคุยกับเถ้าแก่ นู่นนี่นั่น ผมไม่ได้บอกแกหรอกครับว่าผมขายไปซื้อ Volvo ผมก็ถามๆแกว่า แล้วในบรรดารถยุโรปพวก เบนซ์ บีเอ็ม วอลโว่ ออดี้ นี่ราคาเป็นไงมั่งครับ แกร้องเสียงหลงเลย "โอ้ยยยย วอลโว่ อย่าไปเอ๊าวว!!" ละแกก็พรั่งพรูมาว่า "คนเค้าไม่เล่นกัน จุกจิกตาย5 เห็นมันวิ่งบนนถนนกี่คัน คนเค้าเข็ดตั้งแต่สมัย 940 นู่นนน"
"เวลาอั้วะไปหัวหินนะ อั้วะเอาแคมรี่ไป นั่งสบายชิบx รถญี่ปุ่นดีกว่าถมเถ ซ่อมก็ถูกอะไหล่ก็ถูก ใช้ก็สบายใจ ขายก็ง่าย"
"พวกรถยุโรป เวลาใช้ก็ซ่อมเหนื่อย ขายก็เหนื่อย เต็นท์รับซื้อก็เหนื่อย เต็นท์ปล่อยต่อแม่มยิ่งโคตะระเหนื่อย"
"เนี่ยลองไปดู x1ที่จอดอยู่สิ กระโปรงท้ายวางกระติกน้ำแข็งแม่มก็เต็มละ"
"เบ็นซ์ต่อให้เป็นไอ้อีคลาส เบาะรองนั่งนี่นั่งได้แค่ครึ่งน่อง เข่าเผือกชนเบาะหน้าอีก ปวดเอวตาย5 ลองไปนั่งแคมรี่กับแอคคอร์ดสิ โคตะระกว้างง"
ฯลฯ
ผมเห็นพ่อผมนั่งยิ้มมุมปากเลย พ่อผมแกไม่สนับสนุน Volvo ครับ เหตุผลก็ตามที่เถ้าแก่แกว่ามาเลย ญาติผมก็เข็ดกับเจ้า 940 หน่ะแหละ พ่อผมแกเล็งฟอร์จูนเนอร์กับเอเวอร์เรสไว้ แต่ผมก็ผ่าเหล่าผ่ากอ ชอบวอลโว่ตั้งแต่ตอนประถม ตอนนั้นเห็น s80 ปี 2001 แล้วแบบ รถอะไรสวยจริงๆ พ่อผมก็อ่ะ ยอมซื้อให้ แต่ก็ไม่วายบอกว่า "ทำใจนะ เงิน3.5ล้านหายไปเลยนะ จะทิ้งเงินจอง5หมื่น พ่อก็ไม่ว่านะ" ผมก็เข้าใจแหละ แต่คิดว่าจะใช้ยาวๆ ราคาแบตก็ถือว่ารับได้ ใช้รถที่ตัวเองชอบนี่ผมคิดว่าคงมีความสุขตลอดช่วงที่ขับรถ ดีกว่าไปรอเอาความสุขแค่วันที่ขายรถอ่ะ ผมคิดงั้น
กลับมาที่เถ้าแก่ต่อ ผมถามแกว่า แกมีสูตรให้ราคารถยังไง แกบอกผมว่า
โดยทั่วไป รถใช้ 4 ปี ราคาจะเหลือ 50% ของราคามือ1 ถ้าใช้อีก 4ปีก็หายไปอีก 50% ของไอ้ก้อนที่แล้ว นี่เป็นสูตรสำหรับรถญี่ปุ่นทั่วไปนะ
แต่ถ้าเป็นรถกระบะเจ้าตลาด รถตู้โตต้า กับรถโมเดลยอดนิยมอย่างฟอร์จูนเนอร์ ราคาจะดีกว่า
รถอย่างพวกแคมรี่ ตัว2.0G กับ 2.5HV ราคามือ1ต่างกัน4แสน ราคาเต็นท์รับเข้าเท่ากัน
ส่วนพวกรถยุโรป นี่หนักเลย รถ4ปีก็เหลือไม่ถึง 50% แล้ว ความเสี่ยงที่เต็นท์แบกรับค่อนข้างสูง ยิ่งถ้ามีชนมาด้วย แกส่ายหัวเลย
แกบอกผมว่า เต็นท์ที่บอกว่า "รถไม่มีเฉี่ยวชน" อย่าไปเชื่อ สะตอทั้งนั้น รถในเมืองไทย แค่ขับไปปากซอยก็โดนมอไซค์ไถข้างไปละ แต่ชนมากชนน้อยนั่นอีกเรื่องนึง รถชนหนักแแกก็ไม่รับเหมือนกัน แกว่าไม่ใช่แค่ลูกค้ากลัวรถย้อม เต็นท์ยิ่งกลัว เพราะเหมือนกับเป็นด่านหน้ารับข้าศึกเลย
ถือว่าขายรถครั้งนี้ได้ประสบการณ์กับความรู้กลับบ้านมาเยอะเลยครับ ธุรกิจเต็นท์รถนี่นั่งมองในฐานะผู้ชมดูน่าตื่นตาตื่นใจ น่าสนุกเอาเรื่องเลย แต่คงขอเป็นแค่ผู้ชมพอครับ ผู้เล่นเก๋าเกมส์เยอะครับ ตอนนี้ผมก็นั่งรอเจ้า xc60 อย่างใจจดใจจ่อละ