ในกระบะคอมมอนเรล มีคนนิยมอุด EGR และบอกผลดีว่า ท่อร่วมไอดีสะอาด ยืดอายุน้ำมันเครื่อง แต่ของผมไม่อุด ไม่ล้าง เพื่อทดสอบ ทดลอง พิสูจน์ ว่าทฤษฎี หรือหลักการ การปฏิบัติของกลุ่มที่อุดกับไม่อุดจะต่างกันชัดเจนขนาดไหน โดยยอมเอารถของตนเองพิสูจน์ ส่วนตัว เพิ่งมีกระบะดีเซล ที่มีระบบ EGR คันแรกครับ ตอนนี้วิ่งไป 6 ปีจะครึ่งแล้ว วิ่งไปเพิ่ง 1.5 แสนโล โดยหลักการแล้ว
1. น้ำมันเครื่องในดีเซล แม้จะไม่มีระบบ EGR มันก็ต้องทำหน้าที่หลักๆ ของมันอยู่แล้ว ล่อลื่น ชะล้างเขม่าในห้องเผาไหม้ ระบายความร้อนห้องเผาไหม้ ระยะเวลาผ่านไปมันก็ดำ
2. ระบบ EGR มันเปิดให้นำไอเสียส่วนหนึ่งเข้ามาร่วมเผาไหม้ใหม่เพื่อลด ก๊าซคาร์บอนมอนนอกไซด์ลง โดยหลักการทำงานแล้ว มันไม่ได้เปิดตลอดเวลาที่เครื่องยนต์ทำงานครับ มันถูกโปรแกรมมาให้ทำงานที่รอบเครื่องยนต์ต่ำๆ และอุณภูมิเผาไหม้ยังต่ำๆ โดยมีสมองกลควบคุมผ่านวาว EGR
3. ท่อร่วมไอดี ใครๆ ก็รู้ว่ามันไม่ใช่มีแต่ไอดีบริสุทธิ์ที่ผ่านการกรองโดยกรองอากาศ เพราะ หลังกรองอากาศจะมีท่อหายใจเครื่อง (ไอน้ำมันเครื่อง) ต่อเข้าไป เทอร์โบอัดรวมกับอากาศจากกรอง ลงไปลดความร้อนที่หม้ออินเตอร์คูลเลอร์ เพื่อลดอุณหภูมิอากาศ เมื่อเย็นแล้วก็ผ่านท่ออินเตอร์เย็น ไปถึงลิ้นปีกผีเสื้อ จ๊ะเอ๋กับไอเสียจากระบบ EGR แต่จะเจอไม่เจอ อยู่ที่ ข้อ 2 (การสั่งการของ ECU) คันที่แต่งซิ่งทั้งหลายมักต่อท่อหายใจทิ้งลงข้างล่างหรือมีถังรองรับ อุด EGR ทิ้ง แต่คันที่ทำขนาดนี้ทุกคันมักทำอย่างอื่นด้วย สุดท้ายแล้วความทนทานของเครื่องก็สู้แบบเดิมไม่ได้มักพังก่อนเสมอ เพราะใช้งานแรงๆ จึงได้ใช้แค่ระยะสั้น เมื่อเทียบกับคันเดิมๆ
4. จากข้อ 3. คันใดที่อุด EGR มา ใช่ว่าท่อร่วมไอดีจะแห้งสะอาดปราศจากคราบเหนียวต่างๆ เหตุผลคือ ไอน้ำมันเครื่องที่รับเข้าหลังกรองอากาศ และหลังเทอร์โบอัด คือเหตุผลที่ว่าหม้ออินเตอร์แตกมีคราบน้ำมันเยิ้ม หรือถอดท่ออินเตอร์ท่อล่าง จะมีคราบน้ำมันเครื่อง
5. จากข้อ 3. คันที่ไม่อุด คราบเขม่าจาก EGR มันก็มาไม่ถึงฝั่งท่อไอดี (ท่อเย็นจากหม้ออินเตอร์) เหตุผลคือทิศทางการเดินของอากาศมันเป็นวันเวย์ มันไม่สามารถวิ่งทวนแรงอัดของเทอร์โบ หรือลมปกติได้อยู่แล้ว เพราะ EGR ไม่มีพัดลมอัดเข้ามา เหมือนฝั่งไอดี ต่อให้ปีกผีเสื้อปิดลมฝั่งไอดีสัก 75% ก็ไปหาไม่ได้อยู่ดี (อากาศไอดีเดินทางเป็นวันเวย์) ใครไม่เห็นภาพให้มองไปบนท้องฟ้า ควันไฟ ย่อมไปในทิศทางที่ลมพัด
6. คันที่ไม่อุด EGR ในยามที่ต้องมีการเผาไหม้ไอเสียร่วมด้วยในรอบต่ำ อุณหภูมิเครื่องยังไม่พร้อม ผมคิดว่ามีไอเสียมาร่วมด้วยไม่น่าเกิน 10-15% (ใครที่รู้ตัวเลขชัดเจนโปรดชี้แนะด้วย) ในห้องเผาไหม้ ก็มีการเผาไหม้ตามปกติ หรืออาจมีอุณหภูมิการเผาไหม้ที่สูงขึ้น สุดท้ายมันก็คือการเผาไหม้แบบภาวะปกตินั่นแหละ ภาวะปกติทิ้งคราบสกปรกขนาดไหน ภาวะนี้ก็สกปรกเท่าเดิม เพราะก็จุดระเบิดในห้องเผาไหม้ตามประสิทธิภาพของห้องเผาไหม้เดิม น้ำมันเครื่องก็ยังคงต้องทำหน้าที่ชะล้าง หล่อลื่น ระบายความร้อนเหมือนเดิม และขณะที่เร่งเครื่องรอบขึ้นสูงเพื่อเรียกพละกำลัง ถ้าจำไม่ผิด โดยทั่วไปวาล์ว EGR จะปิดที่รอบราวๆ 1,500 - 1,700 หรืออาจเกินกว่านิดหน่อย แล้วแต่จะโปรแกรม ในภาวะนี้ก็เท่ากับคันที่ไปอุด EGR มา
7. ด้วยหลักการทำงานทั้งหมดในระบบเผาไหม้ที่ว่ามา ผมจึงเลือกที่ไม่อุด EGR แต่เลือกที่จะใช้น้ำมันเครื่องเกรดสังเคราะห์แท้ตลอดมา ผมเปิดดูตอนวิ่งไป 1.5 แสนโล เปิดดู ฝั่งไอดีก็ไม่มีอะไรผิดปกติ นอกจากคราบที่เกิดจากไอน้ำมันเครื่อง ฝั่งไอเสีย(EGR)ก็มีคราบเขม่าแห้งสนิทเหมือนในท่อไอเสียของเขาตามปกติ ไม่เป็นคราบก้อนดำๆ เหนียวๆ ปั้นเป็นก้อนได้ เหมือนที่ใครหลายๆ คนถ่ายมา ตรงนี้ผมค่อนข้างมั่นใจว่าน้ำมันเครื่องสังเคราะห์แท้ จะก่อให้เกิดไอน้ำมันเครื่องน้อยกว่าน้ำมันเครื่องกึ่งสังเคราะห์ แต่อีกคันของพี่ชาย(ดีแม็กซ์ 2.5)ที่ไม่อุด ไม่ใช้น้ำมันเครื่องสังเคราะห์แท้ วิ่งไป 1.8 แสนโล ก็ไม่มีปัญหาในเรื่อง EGR หรือ ท่อร่วมไอดีเลยครับ
โดยส่วนตัว จากข้อ 1.-7. จากการใช้งานจริงและประสบการณ์ที่พบเจอมา จึงได้ขอสรุปมาว่า ไม่มีความจำเป็นต้องถอดล้างท่อไอดี คือใช้และบำรุงรักษาเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องตามระยะที่เหมาะสมไปเถอะครับ ส่วนอื่นๆ ของเครื่องยนต์จะพังก่อน ส่วนนี้แน่นอน ลุงป้าน้าอาที่ยึดอาชีพค้าขายไม่ได้อุดและวิ่งเกิน 3 แสนโลแล้วก็มีครับ จึงคิดว่าแค่ดูแลเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องตามระยะก็น่าจะเพียงพอ แต่ไม่มีความเห็นค้านคนที่ไปล้างนะครับ ...กราบขออภัยร่ายยาวไปหน่อย