มีได้สองอย่างครับ
1. นโยบายของไทยเอง
2. นโยบายของเยอรมันบังคับมา
ผมไม่กล้าฟันว่าอันไหน
รถไฮบริดปลั๊กอิน เสียสรรพสามิตแค่ 8% รถดีเซล C220d เสีย 25% ดังนั้นเมื่อวาดโจทย์มาว่าให้งบ 3 ล้าน ใครจะยัดอุปกรณ์ได้มากกว่า? ต้นทุนรถปลั๊กมาแพงกว่าจริงแต่พอสรรพสามิตถูกลง คุณสามารถใส่อุปกรณ์เพิ่มได้นิดๆหน่อยๆ และจูงใจคนซื้อด้วยคำว่าวิ่งไม่ต้องใช้น้ำมัน (ได้สั้นๆ) และแรงม้าบนสเป็คโบรชัวร์ที่ดูสูง
สมมติว่าคนซื้อ ไม่อ่านสื่อรถ ไม่มีความรู้ตามโลก แต่รู้จักอุปกรณ์ รู้จักแรงม้าแรงบิด คุณคิดว่าไง C220d 194 ม้า 2.89 ล้าน แล้ว C300e 320 แรงม้าราคา 3.19 ล้าน (นี่ผมเดาราคาเอานะไม่ได้มีตัวเลขในมือ) คนส่วนมากก็เอาอย่างหลัง ยกเว้นคนที่เกลียดไฮบริดจริงๆหรือคนที่รักดีเซลจริงถึงจะเอา C220d
ส่วนตัวผมขับ C220d แล้ว รู้สึกเสียดายมากถ้าเบนซ์จะตัดทางเลือกลูกค้าโดยการบังคับว่าอยากเล่น C ต้องซื้อรถปลั๊กเท่านั้น ไม่ชอบแนวคิดประเภทอยากได้ของครบเหรอ? ซื้อไฮบริดซี..จะเบนซ์ จะโตโยต้า หรือบีเอ็มก็ด้วย
โดยนิสัยบริษัทรถยนต์ บางครั้งเราจะสังเกตได้นะครับ ตอน C350e มา รุ่นย่อยอื่นโดนกำจัดทิ้งหมด ตอน E350e มา E220d ก็ไม่มีผลิตต่อ คราวนี้ C220d คิดว่าจะทำต่อมั้ยล่ะครับ ถ้าให้ผมเดา อย่างดีที่สุดก็คือมีรุ่นล่างๆดีเซลให้สักพักแต่ระยะยาวก็จับยัดเยียดปลั๊กอินหมด