ผมแค่อยากจะบอกว่า Fortuner ควรปรับหลักครึ่งหมื่น Porsche ควรปรับหลักแสน
ถ้าปรับ Porsche 5000 เค้าคงทำอีก
หรือปรับ Fortuner 500เค้าก็คงทำอีกเช่นกัน
อันนี้เรียกปกครองระบอบอะไรครับ
มีด้วยหรอ ถ้าคนรวยกว่าทำผิดปรับมากกว่า
ทำผิดก็คือทำผิด ไม่เกี่ยวว่ารวยจน
จะปรับ 1 แสนก็ต้อง 1 แสนเท่ากัน
กฏหมายมีเขียนไว้อยู่แล้วว่าลงโทษยังไง
ก่อนทำผิดก็รู้กันทั้งนั้นแหละครับ ไม่ว่ารวยจน
ถ้าทำผิดก็ต้องรับโทษไปตามที่กฏหมายเขียนไว้แค่นั้นครับ
ส่วนพวกคนที่ทำแบบนี้ผมว่าหน้าด้านมาก
แค่ไม่อยากให้ขบวนขาดก็จอดรอกันสิครับ
ทำอะไรให้คนเค้าด่า
ประเทศ Scandinavian หลายประเทศที่ค่าปรับตามรายได้ครับ ก็ปกครองระบอบประชาธิปไตยนะครับ ไม่ใช่ระบอบหมูหมากาไก่ที่ไหน
เท่าที่ผมรู้ เยอรมัน และ สวีเดน ใช้โทษปรับตามรายได้แทนการติดคุก
ไม่ใช่โทษปรับจราจร ถ้าคุณมีข้อมูลว่าใช้โทษปรับตามรายได้กับการทำผิดกฏจราจร
ผมขอแหล่งข้อมูลหน่อยครับ
อีกแหล่งครับ UK แต่ผมไม่รู้นะว่าบังคับใช้หมดเลย (England, Northern Ireland, Scotland, Wales) หรือเฉพาะอังกฤษ
https://www.motoring.com.au/uk-introduces-new-income-based-speeding-fines-106940/
นำโดย Finland และมีหลายๆประเทศกำลังพิจารณาครับ
หนุ่มนักซิ่งชาวสวีเดนทุบสถิติเสียค่าปรับ แพงที่สุดในโลก หลัง ขับรถ เมอร์เซเดส-เบนซ์ เอสแอลเอส เอเอ็มจี (Mercedes-Benz SLS AMG) ด้วยความเร็วสูงถึง 180 ไมล์ต่อชั่วโมง (290 ก.ม./ช.ม.) บนถนนมอเตอร์เวย์ในประเทศสวิตเซอร์แลนด์
ต้องบอกว่างานนี้แรงทั้งรถและค่าปรับ หลังหนุ่มใหญ่วัย 37 ปี ชาวสวีเดน ทุบสถิติผู้ทำผิดกฏจราจรที่โดนค่าปรับ แพงที่สุดในโลก โดยถูกปรับเป็นเงินสูงถึง 1,080,000 ฟรังก์สวิส (ราว 33 ล้านบาท) ทั้งยังโดนยึดใบขับขี่ หลังขับรถ เมอร์เซเดส-เบนซ์ เอสแอลเอส เอเอ็มจี ซิ่งท้านรกด้วยความเร็วสูงถึง 290 ก.ม./ช.ม. เกินกว่าความเร็วที่กฏหมายประเทศสวิตเซอร์แลนด์กำหนดไว้ถึง 2.5 เท่า
ค่า ปรับดังกล่าวสูงกว่าราคารถยนต์ เมอร์เซเดส-เบนซ์ เอสแอลเอส เอเอ็มจี ซึ่งจำหน่ายที่ประเทศอังกฤษด้วยสนนราคา 160,000 ปอนด์ (ราว 8 ล้านบาท) หลายเท่า โดยรถคันดังกล่าวมีความสูงสุด 197 ไมล์ต่อช.ม. (317 ก.ม./ช.ม.)
ก่อนหน้าที่จะถูกจับบนถนนมอเตอร์เวย์ในประเทศสวิตเซอร์ แลนด์ ชายคนดังกล่าวรอดพ้นจากการถูกถ่ายภาพด้วยกล้องจับความเร็วที่ติดตั้งไว้บน ถนนในหลายจุดด้วยกัน เนื่องจากกล้องบริเวณดังกล่าวเป็นรุ่นเก่าจึงไม่สามารถจับภาพรถที่วิ่งด้วย ความเร็วสูงเกินกว่า 200 ก.ม./ช.ม. แต่ในระหว่างที่เขาขับผ่านถนนเอ12 (ระหว่างกรุงเบิร์นและเมืองโลซานน์) กล้องตรวจจับความเร็วรุ่นใหม่สามารถจับภาพรถของเขาเอาไว้ได้ ตำรวจสวิสจึงเร่งออกติดตาม โดยระบุว่ารถคันดังกล่าววิ่งเร็วมากจนต้องใช้ระยะทางในการชะลอและเบรคราว 1 ก.ม. จึงจะหยุดรถได้
เจ้าหน้าที่ตำรวจนายหนึ่ง กล่าวว่า นี่เป็นการจับผู้กระทำผิดกฏจราจรที่ขับรถด้วยความเร็วสูงที่สุดในประวัติ ศาสตร์ของประเทศสวิตเซอร์แลนด์
หลังถูกจับ ตำรวจได้ควบคุมตัวเขาไปสอบสวนที่สถานีตำรวจ พอมอบบิลค่าปรับแล้ว ตำรวจได้ปล่อยตัวเขาในเวลาต่อมา ซึ่งนับว่าเป็นโชคดีของเขา เพราะถ้าถูกจับในประเทศอื่น (แถบยุโรป) นอกจากจะต้องเสียค่าปรับแล้วยังมีสิทธิติดคุกอีกต่างหาก
อย่าง ไรก็ตาม รถสปอร์ตสุดหรูของเขายังคงถูกตำรวจยึดไว้เพื่อทำการตรวจสอบ เนื่องจากเขาให้การว่าเข็มไมล์ของรถ (ที่เพิ่งถอยมาใหม่) มีปัญหา ทำให้เขาไม่รู้ว่าตนเองกำลังขับรถซิ่งท้านรก (หนุ่มสวีเดนคนดังกล่าวเพิ่งถอยรถแรงหรูมาสดๆ ร้อนๆ จากโชว์รูมแห่งหนึ่งในประเทศเยอรมนี และกำลังขับรถมุ่งหน้ากลับบ้าน)
สาเหตุที่ชายคนดังกล่าวถูกปรับในอัตราสูงลิบลิ่ว เนื่องจากประเทศสวิตเซอร์แลนด์มีสูตรคำนวณค่าปรับ โดยพิจารณาจาก รายได้ ของผู้กระทำความผิดและ ความเร็วที่ขับเกินกฏหมายกำหนด (กฏหมายกำหนดความเร็วสูงสุดบนถนนดังกล่าวเอาไว้ที่ 75 ไมล์/ช.ม. หรือ 121 ก.ม./ช.ม.)
ด้วยเหตุนี้ หนุ่มสวีเดนจึงถูกยึดใบขับขี่และโดนลงโทษปรับขั้นสูงสุดเป็นเวลา 300 วัน โดยมีค่าปรับวันละ 3,600 ฟรังก์สวิส (กว่า 1 แสนบาท) หรือคิดเป็นเงินทั้งสิ้นถึง 33 ล้านบาท ทุบสถิติค่าปรับ แพงที่สุดในโลก แทนที่สถิติเดิมที่ชาวฟินแลนด์ วัย 44 ปี (ผู้บริหารระดับสูง บริษัท โนเกีย) เคยโดนปรับเป็นเงิน 5 ล้านบาท หลังขี่รถมอเตอร์ไซค์ ฮาร์เลย์ เดวิดสัน ด้วยความเร็ว 47 ไมล์ต่อช.ม. (76 ก.ม./ช.ม.) ในเมืองเฮลซิงกิ ประเทศฟินแลนด์ เมื่อ 9 ปีที่แล้ว (กฏหมายระบุความเร็วสูงสุดเอาไว้ที่ 30 ไมล์ หรือ 48 ก.ม. ต่อช.ม. ) ซึ่งในครั้งนั้นมีการนำรายได้ของเขามาเปรียบเทียบเป็นค่าปรับด้วยเช่นกัน