สวัสดีครับเพื่อนๆ HLM
วันนี้ขอเขียนรีวิวยานพาหนะที่ไม่ใช่รถยนต์นะครับ เป็นยานพาหนะที่เป็นที่นิยมในต่างประเทศ แต่บ้านเรายังไม่ค่อยเห็นแพร่หลายเท่าไหร่ คือเจ้าสกู๊ตเตอร์ไฟฟ้า โดยที่นำมารีวิวนี้คือยี่ห้อ Inokim รุ่น OX ซึ่งเป็นรุ่น Flagship ของ Inokim ครับ คิดว่ายังไม่มีใครเขียน review ภาษาไทยมาก่อน ขอเกริ่นถึงที่มาที่ไปสักหน่อย ว่าทำไมอยู่ๆถึงมาสนใจ และตัดสินใจซื้อ
เหตุเนื่องมาจากส่วนตัวชอบรถยี่ห้อ Tesla มากๆเคยนั่ง Tesla Model X และ Model S P90 ตอนไปฝรั่งเศสเมื่อ 2 ปีก่อน ติดใจในสมรรถนะ และดีไซด์ของรถที่เป็นเอกลักษณ์ แต่ราคาหลังภาษีโหดร้ายเกินไป คงอีกนานกว่าเราจะได้ใช้รถไฟฟ้าราคาสมเหตุสมผล การลดภาษีสรรสามิตจาก 2% เป็น 0% ไม่ได้ช่วยอะไรเลย ในขณะที่เมืองจีน ประกาศลดราคารถยนต์ Tesla กันสูงสุดกว่า USD50,000 (ในรุ่น P100D)
เอาล่ะในเมื่อหมดหวังกับรถยนต์ไฟฟ้าที่ยังไม่น่าซื้อตอนนี้ แต่ก็อยากลองยานพาหนะขับเคลื่อนไฟฟ้าในแบบราคาตั๋วเด็ก
เอาจริงๆมันเทียบกันไม่ได้หรอกครับ คิดว่าเอามาใช้ขี่เล่นวันหยุด ไปร้านกาแฟ ไปเล่นกีฬา พอสนุกๆ และได้ Enjoy การขับเคลื่อนจากมอเตอร์ไฟฟ้า เลยหาข้อมูลว่าเอาอะไรดี พอ Search Google ก็เจอกับเจ้า Electric Kick Scooter หรือ สกู๊ตเตอร์ไฟฟ้า ด้วยนิสัยที่ชอบหาข้อมูลสินค้าอย่างจริงจัง ก็พบว่าไอ้เจ้าสกู๊ตเตอร์ไฟฟ้ามันมีหลากหลายยี่ห้อ หลายรุ่น หลายราคา ทั้งแต่พันกลางๆ จนถึง 2 แสนกว่าก็มี
เอาจริงๆเกือบทั้งหมดผลิตที่จีน ทั้งยี่ห้อที่เราพอรู้จักอย่าง Segway ซึ่งถูก Ninebot ซื้อไปแล้วมาใช้ชื่อ Ninebot by Segway ก็มี Scooter ที่ทำโฆษณาบน FB เรื่อยๆ ก็มีรุ่น ES1 ES2 ราคาหมื่นปลายถึงกลาง แต่ด้วยความที่อ่านreview เมืองนอกเยอะ จึงทำให้คิดว่าต้องลองก่อนจะดีกว่า แต่ร้านส่วนใหญ่ในไทยมีขายเฉพาะแบรนด์ คือนำเข้ายี่ห้อไหนก็ขายยี่ห้อนั้น นั้น Sole Distributor และ Reseller ซึ่งก็มีการทำ promotion ออกมาเรื่อยๆแต่ ข้อจำกัดคือ มันมีรุ่นให้เลือกอยู่แค่นั้น เลยตั้งใจว่าจะหาร้านที่มีให้ลองหลายๆรุ่นก่อนซื้อ เพราะส่วนตัวเป็นคนไม่ชอบซื้อแล้วต้องมา upgrade หรือไปไม่สุดแล้วไปเจอรุ่นที่ดีกว่าทีหลัง จะเซ็ง
Ninebot by Segway รุ่น ES2 มีสมรรถนะกลางๆ ความเร็ว 25km/hr น้ำหนักประมาณ 13kg ชาร์ตหนึ่งครั้งวิ่งได้ประมาณ 25-30km แต่จากที่ได้ไปลองมา การตอบสนองเรื่อยๆไม่มีอะไรคือ อัตราเร่งไม่เท่าไหร่ ถามว่าเพียงพอไหม ก็เพียงพอการใช้งานแบบ เชื่อมโยงจากจุด A ไป B ใช้ในเมืองจากรถไฟฟ้าไปตึกOffice แบกขึ้นตึกไม่ลำบากจนเกินไป แต่ไม่ตอบโจทย์ผมที่อยากได้สกู๊ตเตอร์ที่กำลังดี วิ่งได้ไกล และขับมั่นใจ ในระดับราคา 2 หมื่นกลางๆ ถือเป็นตัวเลือกที่ 'OK' ครับ
------------------------------------------
หลักๆที่ต้องพิจารณาก่อนซื้อสกู๊ตเตอร์ไฟฟ้ามีอยู่หลายเรื่องดังนี้ ใครที่อยากดู Unboxing และ Review แล้วให้ Skip ส่วนนี้ไปเลยครับ เป็น Basic Information ไม่ต้องอ่านก็ได้ครับ
1.) ระยะทางการใช้งาน (ต่อการชาร์ตแบต) ตรงนี้สำคัญที่สุด scooter แต่ละรุ่นมีความจุแบตไม่เท่ากัน ส่งผลต่อระยะทางในการใช้งาน และระยะเวลาในการชาร์ตด้วย โดยทั่วไป Scooter รุ่นกลางๆจะวิ่งได้ 25-30km และก็จะมีรุ่น Extended Batter จำหน่ายด้วยทั้ง built-in และ additional battery อย่างของ Ninebot by Segway
2.) 'น้ำหนัก' เราต้องเลือกให้เหมาะกับลักษณะการใช้งานว่าเราต้องแบกขึ้นรถ ขึ้นบันได หรือเอาใส่ท้ายรถบ่อยไหม ซึ่ง Scooter ทั่วๆไปจะหลักประมาณ 12-15km ซึ่งผู้ชายทั่วไปสามารถยกได้สบายๆ เพราะสกู๊ตเตอร์ไฟฟ้าทั้งหมดจะพับคอได้ให้สามารถเก็บ และหิ้วได้สะดวก
3.) 'กำลัง' ตรงนี้ผมมองว่าเป็นเรื่องของความสนุกละ ในการเดินทางทั่วๆไป ความเร็วระดับ 20-25km/hr เหมาะสมแล้วกับสภาพทางกายภาพของ Scooter ในระดับราคาหมื่นต้นๆ เพราะ ล้อของสกู๊ตเตอร์เล็กมากแค่ 6-8" และส่วนมากยางจะเป็นแบบตัน การซับแรงสะเทือนแทบไม่มี ประกอบกับสภาพถนนเมืองไทยที่รู้ๆกันอยู่ว่าเป็นอย่างไร การยืนขับยังต้องการสมาธิมากกว่าการนั่งด้วย ดังนั้นความเร็ว 25km/hr ค่อนข้างพอดีๆ แต่มันก็ยังไม่สนุกนะครับ 'กำลัง' สามารถดูได้จากกำลังของมอเตอร์มีตั้งแต่ 2-300W ไปจนถึง 1000W++ ซึ่งเอาจริงๆแรงมากแล้ว
4.) 'ดีไซน์' การออกแบบของ Scooter มีข้อจำกัดหลายอย่างทั้งตำแหน่งBattery และการต้องทำให้สามาถพับได้ขนาดกระทัดรัด ทำให้หน้าตาของ scooter ไม่ได้ต่างกันมาก แต่ที่ต่างคือ Build Qaulity ซึ่งจากที่ผมได้ไปดูของจริงหลายยี่ห้อ ก็พบว่า คุณภาพวัสดุกับการประกอบของ scooter ราคาไม่ถึงหมื่น 'รับไม่ได้' เป็นแค่ของเล่นพอได้ครับ แต่จะเอามาขี่จริงจังใช้งานคงไม่เหมาะเท่าไหร่ เพราะ Scooter ไฟฟ้ามีจุดพับถ้าข้อต่อต่างๆไม่แน่นอนเวลาใช้งานจะมีปัญหาได้
--------------------------------------------
เข้าเรื่องดีกว่าครับ เกริ่นมาซะยาว เพราะอยากให้ข้อมูลท่านที่เริ่มศึกษา ผมเองหลังจากอ่าน review และ FB User Group ของต่างประเทศก็มาสนใจ Scooter ยี่ห้อ Inokim เป็นแบรนด์ของอิสราเอล (ผลิตในจีน และเจ้าของคือจีนกับเกาหลีร่วมทุนกัน) เนื่องจากเป็นหนึ่งในไม่กี่ยี่ห้อที่มีการพัฒนา Product Design ของตัวเอง ไม่ใช่แบบเลือกSpec โรงงานแล้วแปะยี่ห้อมาขาย จุดเด่นเลยของเค้าคือดีไซน์ที่สวยงาม และคุณภาพของวัสดุ ซึ่งดีกว่ายี่ห้ออื่น แม้กระทั่งของNinebot เองซึ่งไปลองมาแล้ว แค่มองด้วยตาก็รู้ถึงความแตกต่าง แต่ราคาสินค้าของ Inokim แพงกว่ายี่ห้ออื่นๆแบบชัดเจนประมาณ 30% ต่อรุ่นที่ Spec กำลังพอๆกัน ท่านที่สนใจอยากทราบข้อมูลสินค้า Inokim รุ่นต่างๆ Mini/Quick/Light สามารถหาข้อมูลจาก Google ได้ไม่ยาก
แต่ที่ผมจะแกะกล่องรีวิววันนี้คือ Inokim OX ซึ่งเป็นรุ่น Flagship ของยี่ห้อนี้ เอาจริงๆอันเกินงบที่ผมตั้งไว้เท่านึง แต่เพราะไปลองของจริงจึงรู้ว่ามันต่างจากรุ่นอื่นๆแบบชัดเจนครับ เป็นรุ่นได้รางวัล Reddot Design Award2018 และคำโฆษณาที่บอกว่าเป็น SUV of Electric Scooter ก็ไม่เกินความเป็นจริง ด้วยการออกแบบช่วงล่างที่สามารถยกสูง และกำลังของมอเตอร์ 800WATT (Peak 1300WATT) ทำให้ Inokim OX มีสมรรถนะที่โดดเด่นกว่ารุ่นทั่วไปที่มีขายอยู่ในตลาด และ Inokim รุ่นอื่นๆ
Inokim OX มีรุ่นย่อย 2 รุ่นคือ Hero กับ Super ซึ่งความต่างมีเพียงอย่างเดียวคือ ความจุแบตเตอรี่
ผมวาง Spec จาก website ผู้ผลิตตามนี้นะครับ เผื่อใครสนใจอยากทราบ ตัวผมเองจัดรุ่น Super มาเพราะตอนที่ไปดูของรุ่น Heroหมดพอดี Rangeที่ Claim จากโรงงานคือ รุ่น Hero วิ่งได้ 60km รุ่น Super วิ่งได้ 110km ต่อการชาร์ตหนึ่งครั้งซึ่งผมลองแล้ววิ่งจนแบตเหลือ 20% จะวิ่งได้ประมาณ70km+นิดหน่อยครับ ขับแบบกดๆหยุดๆด้วย ถ้าวิ่งทางยาวๆไม่ได้เบรคบ่อย max speed บ่อยน่าจะไปถึง 100km ได้ไม่ยาก ส่วนน้ำหนักต่างกันประมาณ 2kg
SPECIFICATIONS
Variant: OX ( Hero | Super )
Lithium Battery:57.6V 13AH (Hero) | 57.6V 20.8AH (Super)
Net Weight (+-0.5 kg): 26 kg (Hero) | 28 kg (Super)
Range: 43 km (Hero) | 82 km (Super)
With constant speed of 35 km/H, 75 kg load, in temperature of 15°C, on a flat road.
Charging Time (Hr): 8 hours (Hero) | 12.5 hours (Super)
Motor: 800W gearless (peak 1200W)
Max Speed: 45 km/h
Brakes:Front drum brake, rear disk brake
Tyres 10 x 2.5 inch pneumatic
Tyre pressure: 40 psi to 50 psi
Folded Size: L x W x H (cm) 122 x 59 x 54 cm
Open Size: L x W x H (cm) 122 x 59 x 130 cm
Box Dim.: L x W x H (cm) 127 x 60 x 31 cm
Max. Load: 130 kg
Road lighting: Integrated car LED lights
Throttle: LCD display with functions and illumination
มาดูกันเลยครับว่าในกล่องมีอะไรบ้าง และการประกอบเป็นอย่างไร
คู่มือ และอุปกรณ์ต่างๆ ในกล่องประแจให้ครบสะดวกดีครับ
บังโคลนหลัง และตัวปรับความสูงช่วงล่าง
เริ่มจากติดตั้งแฮนด์ ปรับมุมของแฮนด์เบรคให้พอดี ที่ถูกต้องคือให้ข้อมือเราเหยียดตรงไม่งอเมื่อกดเบรคสุด
เบรคเป็นแบบหน้าดรัม หลังดิส จัดการปรับแต่งสายเบรคให้ตึงกว่าโรงงานตั้งมาเล็กน้อย
สิ่งที่ชอบอีกอย่างคือ ดีไซด์ของล้อครับ inspiration มาจากใบพัดเครื่องยนต์เครื่องบินJet และอาร์มของโช้คแบบเดี่ยวที่ดูเข้ากันกับงานดีไซน์อื่นๆของตัวScooter ครับ คู่สีส้มดำเข้ากันดี
ไฟท้ายมีข้างเดียว ซึ่งคือจุดติ ที่ผมมองว่าถ้าได้สองข้างจะปลอดภัยกว่านี้ เวลาใช้งานกลางคืน
ปลั๊กหน้าตาแบบนี้ เสียบเข้ากับสกู๊ตเตอร์ได้เลย ใช้เวลาชาร์ตประมาณ 10 ชม. สำหรับรุ่น Super และเน้นว่า ชาร์ตครั้งแรกต้องเต็มนะครับเพื่อยืดอายุแบตเตอรี่ และไม่ควรใช้จนหมด ควรชาร์ตไม่ควรน้อยกว่า 20% แต่ใน 1 ปีควรใช้จนแบตหมดบ้างสักครั้งสองครั้ง (อ่านคู่มือมา) ค่าไฟฟ้าเฉลี่ยต่อการชาร์ตประมาณ 4-5 บาทสำหรับรุ่น Super เฉลี่ยตกกิโลเมตรละ 5 สตางค์เท่านั้น
แค่นี้ก็พร้อมออกไปซิ่งได้แล้วครับ
อุปกรณ์แต่งชิ้นแรกของผมคือไฟหน้า เพราะไฟที่ติดมากับ Scooter ไม่สว่างเลย เป็นแค่ไฟที่ทำให้รถคันอื่นเห็นเท่านั้น แนะนำ 500 Lumen ขึ้นไป ของผมจัดของ Knog มา 450 Lumen เปิดได้ยาว 2ชม (Max Output) ลองไปยืนส่องหน้ารถดู สว่างโครตๆ แบบขับสวนมามีแสบตา ต้องรีบปรับก้มลงถนนครับ เกรงใจผู้ใช้รถท่านอื่น เอาเป็นว่าถ้าขี่ในเมืองสัก 400-500 Lumens ก็น่าจะพอ แต่ถ้าออก Trip ตจว. ผมว่าจะจัด 1000 Lumens ไว้เอาไปขี่เขาใหญ่จะจัดไฟใหม่
และไปเติมลมครับ ล้อของ Inokim OX มีขนาด 10" เป็นแบบมียางใน เติมลมได้ ซึ่งต่างจาก Scooter ไฟฟ้าตัวอื่นๆที่ส่วนใหญ่จะใช้ยางตันเพื่อการใช้งานที่สะดวกไม่ต้องกังวลล้อรั่ว แต่ก็ต้องแลกมากับความกระด้าง บวกับล้อเล็ก8" แรงดันที่แนะนำคือ 40-50PSI ผมจัดไป 45PSI
รีวิวสั้นๆหลังขับคือ ความเร็วในการออกตัวช่วง 0-20km/hr เป็นแบบไหลๆไม่หวือหวา แต่หลังจาก 20-45km มาแบบไวมากๆ ความรู้สึกคือดึงแบบรู้สึกได้เลย ให้เปรียบก็เหมือนเราเร่ง 80-120 กับรถที่มีประมาณ 250HP มันมาไวกว่าช่วง 0-20km/hr แบบคนละเรื่อง ตอนขี่ผมจะพยายามเลี้ยงความเร็วไว้ที่ 20km/hr และกดจากตรงนั้นจะได้ความรู้สึกในการขับขี่ที่สนุกที่สุดครับ
เข้าใจว่าเป็นการ set เพื่อความปลอดภัย เพราะมอเตอร์หากไม่ program ไว้ กดทีมีหัวทิ่มแน่นอน และ Inokim OX เองก็มี Speed Gear Selection ให้ใช้ป้องกันเวลาเด็กขี่ โดยสามารถ lock speed ได้ที่เกียร์ต่างๆ มี 3 speedsครับ อีกอย่างรถที่มาจากโรงงานจะ Limit Speed ไว้ที่ 25km/hr max แต่สามารถปลดล๊อคได้ หาใน Youtube มีคนลงไว้ครับ สามารถทำตามเองได้ไม่ยาก
ช่วงล่างถือเป็นจุดเด่นเลย หรือ การออกแบบโช้คอัพที่ซับแรงกระแทกได้ดี ทำให้ Inokim OX เป็น Scooter ไฟฟ้าที่ได้รับการยอมรับว่ามีช่วงล่างที่ขับขี่สบายที่สุด (จากที่อ่านๆมา) ซึ่งก็จริงครับ แต่ก็ยังไม่เหมือนรถยนต์ หรือมอเตอร์ไซด์อยู่ดี เพราะขนาดล้อที่มีขนาดเพียง 10" และถนนเมืองไทย เราต้องมีสมาธิในการขับขี่อยู่ตลอด มองไกลๆ และพยายามขี่ชิดขอบทางให้มากที่สุด เพราะถ้าไม่นับจักรยาน ความเร็วในการขับขี่ของ Scooter ไฟฟ้าก็ช้าที่สุดบนถนนอยู่ดี และบอกตัวเองให้ใส่หมวกนิรภัยทุกครั้งที่ออกจากบ้าน เพราะด้านลักษณะทางกายภาพของ Scooter ไฟฟ้าถ้าเกิดอุบัติเหตุมันแทบไมมีอะไรที่ protect เราเลย
โดยสรุปนะครับ ถ้าใครอยากหา 'ของเล่น' ที่สามารถโดยสารไปด้วย เพื่อเดินทางในวันหยุด ไม่จำเป็นที่ต้องแบกไปไหนเพราะมันหนักเอาเรื่อง (28kg) และอยากได้ความสนุกพอประมาณจากสมรรถนะของมอเตอร์ไฟฟ้าขนาด 800WATT ความเร็วสูงสุด 45km/hr ซึ่งเมื่อใช้งานจริงพอจะเร่งลัดเลาะบนถนนได้ ช่วงล่าง และยางแบบเติมลมทำให้ได้เปรียบ Scooter ไฟฟ้าทั่วไป ทำให้ขี่ได้สบายไม่สะเทือนมากมาย สกู๊ตเตอร์ไฟฟ้า Inkokim OX ถือเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจครับ
ท่านสนใจอยากแลกเปลี่ยน หรือมีคำถาม เชิญ comment ไว้นะครับ ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าในบ้านเรามี group riding ของ Scooter ไหม ถ้ามีรบกวนช่วยแนะนำด้วยครับ
ปล. คิดว่าคงมีคนอยากทราบราคา Inokim OX รุ่น Super ราคาประมาณ 80k มีทอนแล้วแต่ต่อรองครับ ซึ่งราคาไม่ได้แตกต่างจากซื้อจากต่างประเทศ สั่งมาเองเสี่ยงภาษี และค่าขนส่ง ถ้าใครสนใจลอง Search ชื่อ Brand ดูครับหาตัวแทนจำหน่ายในไทยไม่ยากเพราะเป็น Sole Distributor ร้านอยู่แถวปรีดีพนมยงค์ เจ้าของร้านอัธยาศัยดีมาก ถ้าไปที่ร้านจะมีหลายยี่ห้อให้ลอง ซึ่งมี Demo ทุกรุ่น ทั้ง Ninebot by Segway, Inokim และ Hero ผมแนะนำอย่างยิ่งว่าควรลองของจริงครับอ่าน Spec ไปก็เท่านั้น ไปลองเองดีกว่า
ขอบคุณทุกท่านที่อ่านจนจบครับ
