ผู้เขียน หัวข้อ: ทดลองกรองแอร์ Benz vs Audi  (อ่าน 15080 ครั้ง)

ออฟไลน์ voyager

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 505
Re: ทดลองกรองแอร์ Benz vs Audi
« ตอบกลับ #30 เมื่อ: มีนาคม 13, 2019, 16:57:37 »
สมเป็นคลีนดีเซลจริงๆ เรียกว่าเครื่องเบนซินส่วนใหญ่ในประเทศนี้อายไปเลย
ที่มาบอกว่าฝรั่งโละให้คนไทยใช้เพราะฝุ่นพิษนี้ไม่จริงเสียแล้ว
pm2.5 output<input ไปจอดรถติดที่ไหนก็ทำตัวเป็นเครื่องฟอกฝุ่น pm ไปในตัวด้วย
แต่ตอนวิ่งหรือเร่งนี่ไม่รู้เป็นยังไงนะครับ

ส่วนกรองในรถจะทดสอบจริงๆ ต้องรอค่าฝุ่นมันขึ้นเยอะครับ >100 ug
ผมว่าน่าจะยากนะที่จะกรอง ได้เหลือน้อย 1 ug ทุกพื้นที่ของห้องโดยสาร
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มีนาคม 13, 2019, 17:03:42 โดย voyager »

ออฟไลน์ V221

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 6,818
Re: ทดลองกรองแอร์ Benz vs Audi
« ตอบกลับ #31 เมื่อ: มีนาคม 13, 2019, 17:16:54 »
สมเป็นคลีนดีเซลจริงๆ เรียกว่าเครื่องเบนซินส่วนใหญ่ในประเทศนี้อายไปเลย
ที่มาบอกว่าฝรั่งโละให้คนไทยใช้เพราะฝุ่นพิษนี้ไม่จริงเสียแล้ว
pm2.5 output<input ไปจอดรถติดที่ไหนก็ทำตัวเป็นเครื่องฟอกฝุ่น pm ไปในตัวด้วย
แต่ตอนวิ่งหรือเร่งนี่ไม่รู้เป็นยังไงนะครับ

ส่วนกรองในรถจะทดสอบจริงๆ ต้องรอค่าฝุ่นมันขึ้นเยอะครับ >100 ug
ผมว่าน่าจะยากนะที่จะกรอง ได้เหลือน้อย 1 ug ทุกพื้นที่ของห้องโดยสาร
555 ตอนวิ่งน่าสงสัยสำหรับ Audi TDI เพราะรถรุ่นนี้ก็โกงค่าNOxเหมือนกัน ส่วนเมื่อวานตอนกลางวันฝุ่นนอกรถที่ทำงานผมปาเข้าไป120เลยครับ ตอนอยู่ในรถAlphardยังไงๆไม่มีต่ำกว่า38เลยครับ น่ากลัวมาก ตอนเย็นวานถึงค่อยๆลดลง
BMW 750E M SPORT

ออฟไลน์ ks75

  • Jr. Member
  • **
  • กระทู้: 66
    • อีเมล์
Re: ทดลองกรองแอร์ Benz vs Audi
« ตอบกลับ #32 เมื่อ: มีนาคม 14, 2019, 07:30:33 »
เหมือนจะเคยได้ยินมาว่ากรองแอร์รถยุโรปบางรุ่นจะมี 2 อันนะครับ ตัวแรกกรองที่ช่องรับลมเข้า อีกตัวกรองที่ตู้แอร์ แต่น่าจะเป็นพวกรุ่นแพงๆ รุ่นทั่วไปที่เคยเห้นก้มีกรองแค่อันเดียว แต่ใหญ่ หนากว่ากรองแอร์รถญี่ปุ่นเยอะเลย
กรองคาร์บอนน่าจะเน้นเรื่องกำจัดกลิ่น ถ้าไม่มีเอาถ่านไปวางในรถก็คงพอจะทดแทนกันได้บ้าง อิอิ

ออฟไลน์ V221

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 6,818
Re: ทดลองกรองแอร์ Benz vs Audi
« ตอบกลับ #33 เมื่อ: มีนาคม 14, 2019, 07:51:45 »
เหมือนจะเคยได้ยินมาว่ากรองแอร์รถยุโรปบางรุ่นจะมี 2 อันนะครับ ตัวแรกกรองที่ช่องรับลมเข้า อีกตัวกรองที่ตู้แอร์ แต่น่าจะเป็นพวกรุ่นแพงๆ รุ่นทั่วไปที่เคยเห้นก้มีกรองแค่อันเดียว แต่ใหญ่ หนากว่ากรองแอร์รถญี่ปุ่นเยอะเลย
กรองคาร์บอนน่าจะเน้นเรื่องกำจัดกลิ่น ถ้าไม่มีเอาถ่านไปวางในรถก็คงพอจะทดแทนกันได้บ้าง อิอิ
ใช่ครับ แต่ของAudiผมเพิ่งเปลี่ยนไปมีตัวเดียวเหมือนกับของE200 CGI ยี่ห้อ Mann Germany ลืมถ่ายรูปเก็บไว้ให้ดูกันแต่ขนาดจะเล็กกว่าE200อยู่ประมาณ30-40%ครับ
BMW 750E M SPORT

ออฟไลน์ DiKiBoyZ

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 7,226
    • อีเมล์
Re: ทดลองกรองแอร์ Benz vs Audi
« ตอบกลับ #34 เมื่อ: มีนาคม 14, 2019, 09:38:10 »
รถยุโรปเขาก็ใช้แผ่นกรองคาร์บอนเหมือนกันเกือบทุกรุ่นในยี่ห้อนั่นแหละ ราคาแผ่นกรองแอร์อย่าง Benz เนี่ย A/CLA ยัน S-Class เปลี่ยนยกชุดราคาศูนย์ 4-5,000 นะครับ ไม่ใช่รถญี่ปุ่นที่เปลี่ยนหลักร้อยต้นๆ

แผ่นกรอง HEPA เจ้าดังนั่นนะไม่ใช้เกรดคาร์บอนด้วย ผมเห็นเกรดแผ่นกรองคาร์บอนขายกันที่ 7xx บาท และแผ่นกรองแบบคาร์บอนมีข้อเสียคือ ถ้าหมดอายุการใช้งานต้องเสียตังค์เปลี่ยนทันที ไม่งั้นจะเกิดกลิ่นอับชื้นเหม็นเน่าในรถด้วย

มันไม่เกี่ยวว่ายี่ห้อนี้จะได้ทุกรุ่น เพราะมันอยู่ที่ชนิดแผนกรองอากาศเป็นหลัก จริงๆ จขกท. ต้องแกะแผ่นกรองออกมาให้ดูว่าเป็นชนิดไหน

โดยทั่วไปถ้าใช้แผ่นกรองชนิด HEPA กระบะตอนเดียว 4-5 แสนกว่า ก็กรองฝุ่น 2.5 pm ได้หมดจรดเหมือนกัน

ผมก็เห็นด้วยกับคุณ HHHsung นะครับ จริงๆ อย่างที่ผมแจ้งเบื้องต้นว่า กรองรถยนต์เดี๋ยวนี้เป็น HEPA หมดละ ส่วนจะเป็นแบบคาร์บอน แบบชาโค หรือ มี 2-3 อันนั้นไม่ว่ากัน แล้วแต่การออกแบบ

แต่จุดประสงหลักๆ คือ กรองอากาศ กรองฝุ่น ถ้ากรองอันละ 300 , 500 แต่กรองอากาศแล้วค่า AQI มันพอๆ กับกรองอันละ 3,000, 5,000 ผมว่าแล้วมันจะต่างอะไรกันละครับ

เดี๋ยวผมขอไปทดสอบวัดอากาศหาค่า AQI ในรถคันละไม่กี่แสน กับ คันเป็นล้าน มาเทียบเพิ่มเติมให้นะครับ ว่ามันเป็นยังไง