ผู้เขียน หัวข้อ: น้ำมันเครื่องต่างเบอร์กัน มันรู้สึกได้ถึงอัตราเร่งและความสิ้นเปลืองจริงหรอครับ  (อ่าน 10541 ครั้ง)

ออฟไลน์ final

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 582
    • อีเมล์
เห็นชอบบอกกันว่า เบอร์ 0W20 เร่งดีกว่าแถมประหยัดน้ำมัน เบอร์ 0W40 อืดเปลืองน้ำมัน เบอร์ 0W30 กลางๆกำลังดี อะไรประมาณนี้

ถามจริงว่ามันสัมผัสได้จริงๆหรอครับว่าต่างกัน และมันต่างกันจริงมั้ย ผมไม่รู้สึกว่ามันต่างเลย ส่วนตัวผมใช้เบอร์ 20 ตอนป้ายแดงออกจากศูนย์ จากนั้นใช้เบอร์ 40 ตลอด ด้วยคิดว่าอากาศร้อนหฤโหดและรถติดบรรลัยแบบเมืองไทย ถือว่ารถใช้งานหนักมาก เบอร์หนาๆน่าจะดีกว่า ผมคิดผิดหรือถูกครับ

ออฟไลน์ kez

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,591

 เบอร์ต่ำก็ลื่นกว่า เบอร์สูงก็หนืดกว่า ในแง่ของวิศวกรรม

 ในทางปฏิบัคิแล้วแต่ความรู้สึกคน แล้วแต่วิธีการขับ

 อากาศร้อนไม่ใช่ปัญหา  อยู่ที่วิธีการขับ ขับรอบสูงบอ่ยๆก็ต้องใช้เบอร์หนืด  แต่ขับปกติรอบไม่สูงเบอร์ต่ำก็ใช้ได้

ออฟไลน์ #อินเดียหน้าโจร

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,404
    • Need for slow - ดังแต่ท่อ ล้อไม่หมุน
    • อีเมล์
Shell Helix Ultra 0w-20, Kinetic Viscosity@100 oC = 8.8
Shell Helix Ultra 0w-30, Kinetic Viscosity@100 oC = 11.9
Shell Helix Ultra 0w-40, Kinetic Viscosity@100 oC = 13.6

จากข้อมูนน่าจะพอสรุปได้ว่า ในอุณหภูมิเท่ากัน ความลื่นความหนืดต่างกันจริงครับ (ตัวเลขยิ่งมากยิ่งหนืดมาก)
Altis 1.6 AT 2004 (Swap 2zz-ge 6MT)
Mazda 1.3 Sky

ออฟไลน์ AkE

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 7,405
Chr hv ตอนมาจากโรงงานมันเบอร์20 พอถ่าย 10000km ผมใช้ mobil1 5w-30 หนืดขึ้นนิดนึงจริงครับ

แต่ถ้ากดจริงๆก้ไม่ต่างส่วนเรื่องกินน้ำมันผมรู้สึกโดยส่วนตัวว่ากินขึ้นนิดแบบนิดจริงๆ ไม่ถึง 0.3 km/l 

แน่นอน ส่วนคันผมใช้ประจำ G9 2.0 ตอนมาจากโรงงานผมไม่แน่ใจเบอร์อะไรมันนานแล้วไม่ 20ก้30

ตอนถ่ายครั้งแรกผมใช้ mobil 1 5w-30 ก้ไม่รู้สึกอะไร พอ 20000-140000 km ผมใช้ 0w-40

Mobil 1 ตลอดก้ไม่รู้สึกครับ(มีไปใช้ moty m110 เบอร์40 2 ครั้ง) พอ 150000km ก้ใช้ 5w-50

Mobil 1 ก้แทบไม่รู้สึกอะไร รู้สึกแค่ว่าเวลาเราซัดมาหนักๆเครื่องมันเงียบและเดินนิ่งกว่าตอนใช้ 40 ครับ

ถ้าผมแนะนำถ้าขับเร็ว ซัดบ่อย ลากรอบบ่อย 10000-100000 กว่าๆ ใช้ไปเลยครับ 40 ส่วนถ้าเลย

150000km ไป 50 ก้ดีหรือจะอยู่ 40 ก้ได้ครับ รถไฮบริดผมว่า 30 พอนะ ส่วนถ้าขับช้าๆ ไม่มีลากรอบเลย

20-30 ได้หมดครับ

ออฟไลน์ akewizard

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,618
ผมเคยลองเทียบน้ำมันเบอร์ W20 กับ W30 ในรถผมเอง (เครื่อง boxer FB20)
เบอร์ W20 ช่วยประหยัดน้ำมันกว่าเบอร์ W30 เกือบๆ 1กิโล/ลิตร เทียบกับการใช้งานทั้งในชีวิตประจำวันและตอนเดินทางไกล
อันนี้วัดจากการเติมน้ำมันเต็มถังแล้วคำนวณอัตราสิ้นเปลืองเก็บเป็นข้อมูลไว้อยู่เรื่อยๆครับ

ส่วนเรื่องที่ว่าเมืองไทยเป็นเมืองร้อนนั้น.......
ช่วงที่ผมใช้น้ำมันเครื่องเบอร์ W20 เคยลองสังเกตุดูอุณหภูมิน้ำมันเครื่องอยู่เรื่อยๆ
ช่วงที่อากาศร้อนๆรถติดใจกลางเมืองเช่น ย่านลาดพร้าว รัชดา อุณหภูมิน้ำมันเครื่องมันจะอยู่แถวๆ 96-98 องศา

และบางช่วงที่ผมขับรถไปเที่ยว เช่นวิ่งขึ้นดอยอินทนนท์ช่วงเช้าหรือวิ่งในภูหินร่องกล้าช่วงเช้าๆหน้าหนาว อุณหภูมิแค่ 8-10 องศา
อุณหภูมิน้ำมันเครื่องมันจะอยู่แถวๆ 96-98 องศาเช่นเดียวกัน  พูดง่ายๆจะร้อนจะหนาวเครื่องทำงานที่อุณหภูมิใกล้เคียงกันเลย

จะมีขึ้นไป 110 บ้างก็ตอนลากขึ้นเขายาวๆแค่นั้น  ซึ่งส่วนใหญ่ผมจะใช้รอบเครื่อง 2000-3000 เป็นส่วนใหญ่

เพราะงั้นสำหรับผม คำว่าเมืองไทยเมืองร้อนจึงไม่มีผล.......
สิ่งที่มีผลกับความร้อนเครื่องเป็นหลัก คือลักษณะการใช้งานเครื่องว่าหนักแค่ไหนมากกว่า

ถ้าเป็นเครื่องมีเทอร์โบ หรือเครื่องใช้รอบสูงบ่อยๆ แนะให้ใช้เบอร์ 30 40 ไปเลยครับ เพราะอุณหภูมิเครื่องมันจะร้อนน้ำมันเครื่องก็ต้องเอาที่หนืดหน่อยจะได้ไม่เหลวมาก
แต่กับรถทั่วไปถ้าขับหวานเย็น ขับปกติแบบคนทั่วไปเบอร์ 20 ก็ถือว่าใช้ได้ นี่ผมก็ใช้มาแสนกว่าโลแล้วเครื่องก็ไม่ได้มีอาการผิดปกติอะไร

ออฟไลน์ Bank113

  • Newbie
  • *
  • กระทู้: 21
ถ้าชอบลากรอบ 0-40ดีกว่าแน่นอนคับ ผมใช้mobil1 0-40กระป๋องทองในรถผมตั้งแต่ป้ายแดงเลยคับ

ออฟไลน์ seeker

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,528
ใช้เบอร์ 30 แต่คนละยี่ห้อ บางคนยังจับความรู้สึกได้เลยครับ
ทั้งอัตราเร่งและความสิ้นเปลือง

ถ้าคุณไม่รู้สึกก็ไม่เป็นไร แต่ปกติใช้นมคอะไรครับ รถอะไร

ออฟไลน์ Tien.W

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 5,232
    • อีเมล์
รถผม สเปคโรงงานคือ เบอร์ 20 แต่ผมใช้เบอร์ 30 ตั้งแต่ 1,000 กม.แรก แล้วก็ยาวๆมา มีไปใช้เบอร์ 0W-40 อยู่ครั้ง เพราะของหมด ไม่ไหวครับ ออกจากบ้านมานี่ รถอืดมาก จนวิ่งสักพัก เริ่มร้อน จึงจะปกติ ครับ

ขึ้นเขา ไต่ดอยโหดๆ อย่าง อ่างขาง อินทนนท์ เชียงดาว แม่แจ่ม ก็เจ้าเบอร์ 30 นี่แหละ แสนกว่ากม.ละ ยังไม่มีอะไรครับ

ออฟไลน์ ภูมิใจไหม?

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 4,144
  • SNK vs Playmore

ออฟไลน์ NS

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 4,718
  • การเดินทางครั้งใหม่
จริงครับ แฟนผมขับเป็นอย่างเดียวยังถามเลยว่าไปทำอะไรมา
จะเลือกรถหรือเมีย....

...รถสิคร๊าฟ

ออฟไลน์ final

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 582
    • อีเมล์
สงสัยความรู้สึกผมหยาบไป 55

ออฟไลน์ DiKiBoyZ

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 7,226
    • อีเมล์
จากการใช้งานจริง ใช้งานทั่วไป ขับไป-กลับที่ทำงาน วิ่งออกต่างจังหวัด ผมใช้เบอร์ 20, 30, 35, 40 เป็น Fully ทุกตัว หลายยี่ห้อ ไม่ว่าจะเป็น ยี่ห้อหมายเลข ยี่ห้อหมูตู๋น ยี่ห้อฮ่องกงมีเอส ยี่ห้อไทย ยี่ห้ออู่ซ่อมรถเยอะป้ายเขียวๆ และอื่นๆ ด้วยความที่อยากลองเอง เจ็บเอง หาเอง ตามที่ "เขาว่า" จริงไหม

ผลลัพธ์ ไม่รู้สึกถึงความต่างเลย ย้ำว่าไม่ต่างเลย เพราะ ผมดูน้ำมันที่เติม เงินที่จ่าย มันต่างกันหลักบาท และ ราคาน้ำมันแต่ละช่วงมันไม่เท่ากัน เลยบอกไม่ได้ว่ามันต่างกันแค่ไหน แต่ถ้าเติมน้ำมันเชื้อเพลิงต่างกันหลัก 10-20 บาท ผมถือว่าไม่ต่าง ครับ

ส่วนอัตราเริ่งก็ไม่ต่าง(อาจจะต่าง ถ้าไปวิ่งจับเวลา) ผมใช้งานจริงๆ มันแทบไม่มีนัยยะอะไรเลย

สุดท้ายผมก็กลับมาเติมของศูนย์ เบอร์ 20 Fully ไม่ต้องไปเสียเวลาหา ไม่ต้องกลัวปลอมไม่ปลอม สบายใจครับ

ออฟไลน์ No Trespassing

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,616
    • อีเมล์
เคยทดลองกับมอเตอร์ไซค์ Scoopy-i ที่บ้าน
เดิมใช้น้ำมันเครื่องศูนย์ Jaso MB เบอร์ 10W-30
ศูนย์ฮอนด้าวิงอยู่ปากซอยครับ เลยเปลื่ยนที่นี่ตลอด

เพื่อนแนะนำบอกว่าลองเปลื่ยนเป็นเชลส์ดู อัตราเร่งดีนะ เลยจัดตัวแอดวานซ์ AX7 Jaso MB เบอร์ 10W-40
ผลรถอืดขึ้นครับพอควร บิดเท่าเดิมแต่ความเร็วไม่ค่อยไป มันหน่วงนิดนึง
แต่พอเครื่องร้อนมากๆ บิดแล้วกำลังก็มาตามปกติ

ถึงระยะสองพันโลก็ถ่ายที้ง กลับไปใช้ของศูนย์เหมือนเดิมครับ
ไม่ใช่ว่าของเชลส์ไม่ดีนะครับ แต่ปั้มไกลบ้าน ขี้เกียจบิดไปซี้อครับ

ออฟไลน์ PJ"

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,722
  • Fake Forester
    • อีเมล์
หมดยุคที่ว่าเมืองไทยเมืองร้อนต้องใช้เบอร์หนืดๆแล้วครับ เลือกใช้เกรดน้ำมันที่สูงขึ้นดีกว่าการขยับเบอร์ครับ

ถ้าน้ำมันเครื่องสภาพปกติน้ำมันเครื่องไม่หายใส่ตามสเป็คโรงงานดีที่สุดลื่นกว่าประหยัดกว่าใช้เบอร์หนืดขึ้นครับ ลองพวกน้ำมันเครื่องยี่ห้อดีๆรุ่นสูงๆหน่อยจะเห็นความต่างชัดเจนครับ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มีนาคม 14, 2019, 09:41:08 โดย PJ" »

ออฟไลน์ wa330

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,567
« ตอบกลับ #14 เมื่อ: มีนาคม 14, 2019, 10:56:55 »
ลองตอนเช้าเครื่องยังไม่ร้อนถึงอุณภูมิ จะรู้สึกชัดกว่า ตอนร้อนปกติครับ

ออฟไลน์ madboy

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 3,354
    • อีเมล์
แม้อุณหภูมิน้ำมันเครื่องจะ 96-98 องศาเซลเซียสเท่ากัน ไม่ว่าจะใช้น้ำมันเครื่องเบอร์ 20, 30, 40, 50, 60

แต่...ความหนืดของน้ำมันหล่อลื่นมันไม่เท่ากันครับ คุณสมบัติเฉพาะของน้ำมันหล่อลื่นแต่ละค่าความหนืด ที่อุณหภูมิเดียวกันก็แตกต่างกัน  :o :o :o :o

ออฟไลน์ dekdemo

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 537
รู้สึกถึงการตอบสนองของเครื่องยนต์ที่เปลี่ยนไปครับ

ออฟไลน์ Abojama

  • Newbie
  • *
  • กระทู้: 15
เอาตามความรู้สึกนะครับ

- Grand Filano ผม ตามคู่มือให้ใช้เบอร์ 10w-30 แต่ผมกรอก 10w-40 ของ PTT แถมลำโพง JBL ใช้วิ่งทางไกลบ่อย

ข้อดีคือน้ำมันเครื่องพร่องน้อยกว่า เครื่องร้อนวิ่งดี บิดมันครับ ใช้งานตอนเครื่องเย็นจะอืดกว่าเช่นกัน

ส่วนน้ำมันเครื่องตามสเปคจะพร่องเยอะกว่าจริงๆ เรื่องอัตราการสิ้นเปลือง เบอร์หนืดเยอะกว่านิดนึง ระยะเปลี่ยนถ่าย 2500 km


- Jazz GE Hybrid ของแฟน ตามสเปคใช้ 0W-20 อัตราเร่งดีกว่า กินน้ำมันน้อยกว่าตอนใช้ 0W-30 เห็นความแตกต่างได้ค่อนข้างชัดเจน

เปลี่ยนน้ำมันเครื่องรอบหน้าขอตามสเปคเหมือนเดิมแล้วครับ

ออฟไลน์ AT

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 630
    • อีเมล์
กระบะผม เดิมใส่เบอร์ 30 พอเปลี่ยนมาใช้ 40 แล้วติดใจเลยครับไม่กลับไปใช้เบอร์เดิมอีกเลย เครื่องเย็นมันอาจจะอืดนิดๆ แต่เห็นผลตอนเครื่องร้อนคงที่ เดินทางต่างจังหวัดนี่ชอบมาก 

ออฟไลน์ CarameLon

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,387
เห็นความต่าง จากปสก.
ฺBmw 116i ตัว4สูบก่อนLCI
จูนecu เปลี่ยนอินเตอร์ กรองอากาศโบ ติดออยคูล
ในคู่มือรถให้เติมความหนืดที่30
มีครั้งนึงลองความหนืด 50 และ 40 ป๋องทองของโมบิว
50 หนืดมาก รอบเครื่องมาช้าสุด รถก็วิ่งอืดๆ
40 รอบเครื่องมาธรรมชาติเหมือนรถทั่วๆไป รถวิ่งอืดๆ
30 รอบเครื่องมาไว แตะคันเร่งนิดเดียวมาไวมาตามเท้า
และรถวิ่งดึงๆไวๆ พอถึงจุดที่เทอโบทำงาเต็มที่ ดึงติดเบาะ
TOYOTA WISH SPORT 2.0>>>CRV-2.4L 4WD GEN3>>>TOYOTA Camry 2.4 2010>>>BMW 520 ตาเหยี่ยว>>>BMW X3 2011 >>>BMW 520D 2010 >>>BMW 525D ก่อน LCI >>>BMW 116i M-sport >>>BMW X1 2.0 S-drive 2016 >>>Mercedes GLA200 >>>Mercedes C Class C350e >>> BMW330e+BMWS1000R

ออฟไลน์ IntoTheSun

  • Jr. Member
  • **
  • กระทู้: 51
จขกท ลองเปลี่ยนดูครับ
เอาสัก 2 - 3 กป ไม่ใช่ กป เดียวมาจับความรู้สึก

ลองขยับจากเบอร์ 20 ไป 30 จะยังไม่รู้สึกมาก

แต่ถ้าขยับจาก 30 - 40 นี่เห็นชัดเลย

jaesz

  • บุคคลทั่วไป
mPa·s  หรือ cP

ตอบคำถามนี้ก่อนครับ ว่าต่างกัน 1 หน่วยcP  จะสร้างแรงฉุดลากบนพื้นผิว มากน้อยต่างกันแค่ไหน


ถ้ายังตอบไม่ได้เอาสรุปไปเลยว่าที่อุณหภูมิ90-100 น้ำมันเครื่องรถยนต์ ที่ใช้ในไทย เบอร์20 ถึง60 ต่างกันไม่ถึง3เปอร์เซนต์ เทพๆเลยผมให้5% ในเครื่องยนต์สันดาปนะครับ แล้วแต่ละเบอร์นี่ต่างกันไม่0.5% หรอกครับ



แล้วถ้าอุณหภูมิภายนอกเกิน40องศา โอกาศที่จะรับรู้ได้ผ่านเครื่องยนต์แทบไม่มี

อุณหภูมิน้ำ ที่อ่านผ่านเซนเซอร์มันเป็นค่าเฉลี่ยที่ผ่านการเปิดปิดของระบบควบคุม ไม่ได้บอกว่า max min temp บนผิวของเครื่องเท่าไหร่

เอาง่ายๆครับ   อ่านเสปคจุดเดือด แล้วเปิดฝาเติมดูตอนดับเครื่องใหม่ๆ ถ้ามึไอทีาดักได้เป็นน้ำมันเครื่อง แสดงว่าบางส่วนเกินจุดเดือดไปแล้ว แล้วทีตรงนั้นมันเหือความหนาเท่าไหร่
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มีนาคม 14, 2019, 19:36:49 โดย Jæ »

ออฟไลน์ Slipknot`

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 21,866
  • *** HLM.COM ***
เอาความรู้สึกนะ เครื่องเดินเรียบขึ้น นิ่งขึ้น
ส่วนอัตราเร่งมันไม่เชิงดีกว่าแต่เวลารอบสูงๆมันจะเนียนกว่า
อัตราสิ้นเปลืองไม่ได้จับจริงๆ แต่รู้สึกว่าดีกว่านิดนึง

ออฟไลน์ civic666

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 258
    • อีเมล์
เริ่มจาก CRV g2 2.0 ป้ายแดง(เก่าไปนิด)ตามสเปคใช้10-30 นำ้มันศูนย์ รับรถแล้ว รันอินครบ1000 ถ่ายนำ้มันเบอร์เดิมแล้ววิ่งยาว ผมวิ่งจากสุโขทัยไปกรุงเทพ พอถึงบ้าน ท่อไอเสียลั่น ปลายท่อเป็นสีแดง ผมคิดว่ารถยังใหม่ พอใช้จนครบ10000ก็ยังลั่นและปลายท่อแดง ผมเลยเปลี่ยนเป็น10-40 (ยุคนั้น นมค.ศูนย์มี 10-30กับ10-40)ผลที่ได้เวลาขับคือเครื่องเงียบลงอืดขึ้น แต่วิ่งยาวแล้วจอด ท่อไม่ลั่น ปลายท่อเป็นสีเทานวลสวย
แต่รถกินนำ้มันขึ้นประมาณ1กิโล/ลิตร ผมก็เลยกลับมาใช้10-30 เหมือนเดิมครับ จนตอนนี้ในศูนย์เหลือแต่เบอ0-20 ผมก็จำใจใส่แต่รถท่อไม่ลั่นแล้ว แต่รถประหยัดนำ้มันขึ้นพอควร(ตอนนี้วิ่ง200000)นำ้มันไม่พร่องนะครับ อ่อผมขับรถเร็ว คิกดาวน์ ลากรอบสุดตลอดนะครับ เดินทาง140-175 

คันถัดมา accord g9 2.4 คันนี้ใช้ลักษณะเดียวกันตั้งแต่แรก ถ่ายนำ้มันตาอยู่1000 แต่ข้อสังเกตคือ ช่วงแรกถึงหมื่นกิโล ไม่มีเสียงลั่น ท่อไม่แดงเหมือนCRV ทั้งๆที่นำ้มันศูนย์มีแต่เบอร์0-20แล้ว แต่คันนี้พอวิ่งได้90000 นำ้มันเริ่มพร่องบ้างราวๆครึ่งลิตร แต่พอตอนแสนกลับพร่องนิดเดียว ผมเลยคิดว่ามาจาก การตวงนำ้มันไม่แม่นเพราะศูนย์ผมใช้นำ้มันถังใหญ่(ถ้าจะเอาเป็นแกลลอนจะเป็นเบอร์เดียวกันแบบแพง แต่เป็นนำ้มันศูนยเหมือนกัน ผมว่าจะลองอันแพงดูบ้างเพราะตัวปกติผมดูถังนี่ถึงจะเป็นfully synthetic แต่พอวิ่งไปซัก7-8000 รถจะเริ่มอืดและกินนำ้มัน) ก็ไม่รู้ว่าจะต่างกันยังไงบ้างเพราะตัวแพงก็ยี่ห้อเดียวกัน

กลับมาที่รถคุณ ผมว่าคุณขับรถนิ่มนวล ใช้ความเร็วไม่สูงมากเลยทำให้จับความเปลี่ยนแปลงไม่ค่อยชัดครับ ถ้าใช้รอบสูง หวดยาว จะเห็นชัดกว่าครับ


ออฟไลน์ CNX

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,303
    • อีเมล์
mPa·s  หรือ cP

ตอบคำถามนี้ก่อนครับ ว่าต่างกัน 1 หน่วยcP  จะสร้างแรงฉุดลากบนพื้นผิว มากน้อยต่างกันแค่ไหน


ถ้ายังตอบไม่ได้เอาสรุปไปเลยว่าที่อุณหภูมิ90-100 น้ำมันเครื่องรถยนต์ ที่ใช้ในไทย เบอร์20 ถึง60 ต่างกันไม่ถึง3เปอร์เซนต์ เทพๆเลยผมให้5% ในเครื่องยนต์สันดาปนะครับ แล้วแต่ละเบอร์นี่ต่างกันไม่0.5% หรอกครับ



แล้วถ้าอุณหภูมิภายนอกเกิน40องศา โอกาศที่จะรับรู้ได้ผ่านเครื่องยนต์แทบไม่มี

อุณหภูมิน้ำ ที่อ่านผ่านเซนเซอร์มันเป็นค่าเฉลี่ยที่ผ่านการเปิดปิดของระบบควบคุม ไม่ได้บอกว่า max min temp บนผิวของเครื่องเท่าไหร่

เอาง่ายๆครับ   อ่านเสปคจุดเดือด แล้วเปิดฝาเติมดูตอนดับเครื่องใหม่ๆ ถ้ามึไอทีาดักได้เป็นน้ำมันเครื่อง แสดงว่าบางส่วนเกินจุดเดือดไปแล้ว แล้วทีตรงนั้นมันเหือความหนาเท่าไหร่

ได้ความรู้เพิ่ม ขอบคุณครับ

ข้อมูลก่อนๆจากคุณJae
CRV 2.0 G3 น้ำมันเครื่องกึ่งสังเคราะห์เบอร์40
หลังดับเครื่อง เปิดฝาเติมน้ำมันเครื่อง และก้านวัดระดับ มีควันลอยจริงครับ เข้าใจสภาวะจุดเดือดแล้วครับ

ขอไล่อ่านข้อมูลย้อนหลังจากคุณJaeต่อครับ :)
วิถีพอเพียง วิถียั่งยืน

ออฟไลน์ KTJAJA00

  • Jr. Member
  • **
  • กระทู้: 75