💖เดี๋ยวนี้ผู้คนใช้ รถ Eco car ทดแทนรถ B segment เป็นปกติแล้วหรือยังครับ

Red Bicycle

 :) :) :) เมื่อก่อนบ้านเราใช้เก๋งเล็ก B segment เครื่อง 1500 cc
มีคันเดียว ใช้ทุกอย่าง ขับไปทำงาน ซื้อกับข้าว ส่งลูกรับลูก
เดินทางไกลต่างจังหวัด ไปทั้งบ้าน ขึ้นเขาลงห้วย
รวมทั้งแต่งขับซิ่งด้วย
 :) แต่เดี๋ยวนี้ผมเห็นคนใช้ eco ได้เหมือนกันเลย
ผมไม่เคยใช้ B segment ครับ ใช้แต่ Eco car
อยากทราบว่าเดี๋ยวนี้บ้านเราใช้ Eco car ทดแทน
B segment เป็นปกติหรือเปล่าครับ



ภูมิใจไหม?

มีเยอะมากครับ เมื่อก่อนคนซื้อ B seg เป็นรถคันแรก

เดี๋ยวนี้ คนซื้อ Eco car เป็นรถคันแรกในชีวิตครับ

เหตุผลคือเรื่องของราคาล้วน ๆ ครับ  :D



Gordon Freeman

ใช้แทนได้ แต่ไม่เท่ากันครับ เห็นชัดเจนตอนขึ้นเขาหรือที่ชันๆ มันขึ้นได้ แต่ช้าครับ
2011 Kawasaki Ninja 650 (Sold)
2012 Ford Fiesta 1.6 Sport Ultimate (Sold)
2013 Suzuki Swift Eco GLX 1.25 (Sold)
2015 Honda Civic 1.8 (Sold)
2017 Toyota Fortuner 2.4 (Sold)
2019 Honda Jazz S MT (Sold)
2020 Nissan Almera VL 1.0T
2022 Isuzu D-Max Cab 4 1.9 AT
2023 Neta V



iKrit

ก็เห็นว่าปกติแล้วนะ เพราะคันไม่เล็กไม่ใหญ่เกินไป กินน้ำมันไม่เยอะ(ถ้าไม่ตื้บๆ) เท่านี้ก็เพียงพอกับคนที่ต้องการรถคันแรก หรือแค่วิ่งได้แอร์เย็นจากจุดเอไปจุดบีแล้วครับ :)

สำหรับผมแล้ว ผมก็โอเคกับอีโคคาร์ แต่ขอปรับปรุงอย่างเดียวคือผูกโบหรือทดรอบให้วิ่งในเมืองความเร็วไม่ต้องสูงได้ปรู้ดปร๊าดก็เป็นพอ
"การไม่มีดราม่าเป็นลาภอันประเสริฐ"
แต่มนุษย์มาม่าบางคนก็ชอบเปิดประเด็นทุกที เอ้อ...แปลก



arnuparbl

ตามที่พี่ๆสมาชิกด้านบนว่าไว้เลยครับ ใช้ทดแทนได้ แต่ไม่เท่าครับ อัตราเร่ง พละกำลังด้อยกว่า

แต่ก็อย่างว่า หลายๆคนไม่ได้ใช้รถ B Segment เต็มประสิทธิภาพด้วยซ้ำครับ ซึ่งก็ไม่ได้แปลกอะไร
อาจจะขับแค่ในเมือง ไม่ค่อยออกต่างจังหวัด ไม่ได้ขึ้นดอย ไม่ค่อยได้เร่งแซง ฯลฯ
รถ Eco Car เครื่อง 1,200 ทั้งหลาย ก็เลยขายดีติดลมแทนครับ



frame@kk

แล้วแต่การใช้งานของบ้านนั้นๆ
อย่างบ้านผม ซื้อให้คุณพ่อใช้ก็ถือว่าแทนกันได้เลย แกก็ไปที่เดิมทางเดิมแต่เปลี่ยนคันก็ไม่เห็นมีบ่นอะไร
แต่ถ้าเป็นส่วนตัวผม ผมว่ามันอื่นไปหน่อย



mamaman



รัฐบาลไทยเพียน ขั้นรุนแรงครับ

สนันสนุน รถเล้ก แต่ไม่รู้ สภาพภูมิประเทศโดยรวม
เครื่อง 1200 มันควรอยู่ในรถ City car  ( A-segment )

ECO CAR THAILAND ONLY



Tien.W

อย่างผม ที่ขับรถ 2.0 / 1.8 มาตลอด มาเจอแค่ 1.5 B-segment ขึ้นทับเบิก / พระตำหนักเขาค้อ ยังลุ้นแทบแย่ แบบเฮ้ยยย ทำไมรถมันไปได้แค่นี้นะ หรือ ตอนเอา eco car ขึ้นเขาใหญ่ ฝั่งปากช่อง เป็นอะไรที่สุดจริงๆครับ

รถไม่มีแรงเลย แล้วเจอรถช้าข้างหน้าด้วย แซงไม่ได้ จำใจต้องตาม พักเดียว กลิ่นไหม้ จากน้ำมันเกียร์รถผม หึ่งเลย

ถ้าเป็นเจ้า 2 คันที่ใช้อยู่ ... ชันๆอย่างทางขึ้น บ้านระเบียงดาว ที่ เชียงดาว เนี่ย หกล้อโม่ปูน นำหน้า ผมยังกระแทกคันเร่งแซงได้ แบบไม่ต้องลุ้นเลยอ่ะ



No Trespassing

บ้านผมมีวีออส 1.5 เจ้าเห็บหมา และ ตัวเล็ก Note 1.2 VL
กลายเป็นคุณแม่ชอบเจ้าตัวเล็ก Note 1.2 มากกว่า

ถึงมันจะอืดกว่าวีออสพอสมควร แต่มันก็วิ่งในเมืองคล่องตัว ประหยัด ทำได้ดีไม่แพ้เครื่อง 1.5
ที่สำคัญคือขนของได้ดีกว่า อยากซี้อพัดลมหรือตู้พลาสติกก็ทำได้ พับเบาะลงแล้วอยากขนอะไรก็ขน ไม่ต้องลุ้นแบบวีออส
ข้างในก็กว้างมาก นั่งสบาย พี่สาวนั่งหน้าแล้วเอนเบาะนอน ข้างหลังคุณแม่นั่งยังเหลือๆ

ที่สำคัญคือระบบความปลอดภัยครบ เตือนชน/เบรคอัตโนมัติ/กล้องรอบคัน/ถุงลมคู่หน้า
เมื่อเทียบกับวีออสที่มีแค่ ABS/EBD/BA ซึ่งในยุค 2007 รถราคา 5.5 แสน มีแค่นี้ก็หรูแล้ว

ทุกวันนี้วีออสจอดคลุมผ้าไม่ได้ใช้กระทั่งจะขายอยู่แล้วครับ นานๆจะได้ขับที
เพราะผมเองก็ใช้อัลติส MC17 ประจำ

ถามว่าผมโอเคกับ Ecocar ไหม ผมใช้ชีวิตกับมันได้ อาจเพราะชินกับ March ตั้งแต่ 2012 แล้ว
บินขึ้นเชียงราย ผมก็เช่ารถ 1.2 เที่ยว แล้วขับไปเรื่อยๆ ประหยัดน้ำมันดีครับ



akewizard

ผมเกิดทันสมัยที่รถกระบะ space cab ยังมีแค่ 90 แรงม้า
จำได้ว่ารถคันแรกๆในบ้านใช้ isuzu wanderer II รถแวน 5 ประตู แรงม้าก็เท่ากับกระบะแคปที่ผมกล่าวมา
ก็ใช้งานได้ปกตินะครับ ขึ้นเขา เที่ยวป่า ขนคนไปเที่ยวทะเลก็ไปได้หมด

แล้วดู Ecocar สมัยนี้เครื่อง 1.2 ม้ามี 90 ตัวเหมือนกันแต่รถเบากว่ากันมาก ขับคล่องกว่ามาก ทำไมจะใช้งานไม่ได้
จะเสียก็ตรงแบกน้ำหนักมากไม่ได้ ขึ้นเขาที่คงลุ้นกันน่าดู

ผมไม่ได้มองว่า Ecocar จะมาแทนรถ B-Sec หรือแทนที่รถแบบสมัยก่อน
แต่เป็นทางเลือกให้คนเลือกใช้มากขึ้นมากกว่า อีกอย่างคือรถระดับ B-sec หรือ C-Sec ขยับราคาตัวเองขึ้นไปจากแต่ก่อนค่อนข้างมาก

อย่าง Civic 3 ประตูเมื่อก่อนน่าจะถูกนับว่าเป็น B-sec เหมือนกัน แต่ตอนนี้ก็ยกระดับตัวเองขึ้นไปเป็นรถ C-sec ที่เกือบจะไปทับกับ D-Sec อยู่แล้ว
เหมือนกับที่รีวิวของคุณ jimmy กล่าวไว้ว่า Civic ที่เคยเป็นรถของชาวเมืองมาตลอดแต่ตอนนี้ได้เปลี่ยนบุคลิคไปอย่างสิ้นเชิงแล้ว (โดยมี City มารับหน้าที่แทน)




Skyforce



รัฐบาลไทยเพียน ขั้นรุนแรงครับ

สนันสนุน รถเล้ก แต่ไม่รู้ สภาพภูมิประเทศโดยรวม
เครื่อง 1200 มันควรอยู่ในรถ City car  ( A-segment )

ECO CAR THAILAND ONLY

มันมีปัจจัยหลายอย่าง​ครับที่รัฐเลือก ecocar อีกอย่าง เครื่องใหญ่​ ครื่องแรง อาจไม่ใช่คำตอบของทุกคนครับ
- Toyota Collora GL
- Mitsubishi Cedia
- Honda City
- Toyota Altis
- Mazda 2



shikimaru

จากไม่ชอบแอนตี้้โดยไม่ลอง ได้มาลองขับอยู่พักนึง 2 คัน เปล่ยนความคิดเลยครับ มันเป็นรถที่ง่าย ไม่ต้องซีเรียสอะไรกับมัน จะไปไหนก็สบาย ช่วงล่างเพียงพอสำหรับขับทั่วๆไปแล้ว 100-120 ถนนดีดีมันก็วิ่งได้ แต่ถ้าแบกของหนักๆ วิ่งขึ้นเขามันคงไม่เวิคครับ แต่ถ้าแค่สะพาน หรือขึ้นเนินหน่อยๆ ใช้ในเมืองนี่ผมฟินกว่าพวก camry accord เยอะมาก หาที่จอดยาก



rtong

   ใช้แทนกันได้ปกติ   แค่ปรับตัวตอนแซงนิดเหน่อยแค่นั้น
แต่ได้ความประหยัดทดแทน 

   จริงเหมือนที่ความเห็นด้านบนตอบ  เพราะเมื่อก่อนรถแรงม้าน้อยกว่านี้  ถนนหนทางทุรกันดาลมากกว่านี้  ก็ไปกันได้ทั่วไทย
   อีกทั้งตัวรถ eco car เองตัวถังมันก็คือ B-seg  ที่ในหลายๆประเทศขายก็มีเครื่องยนต์หลากหลาย  เล็กว่า 1200 cc ก็มี  ฝรั่งตัวโตกว่าเยอะก็ไม่มีปัญหาอะไร




CHANOM

ส่วนตัวมองว่า คนทั่วไปที่ไม่ได้ให้ความสนใจเรื่องรถยนต์เป็นพิเศษ ไม่ได้มองเรื่องอัตราการเร่งเป็นเรื่องหลักเท่าไหร่ ซึ่ง Eco Car หลายๆรุ่นนั้น ขนาดตัวถัง ห้องโดยสาร และอุปกรณ์ความปลอดภัยพอๆกับ B-Segment ในราคาค่าตัวที่ถูกกว่า เลยเป็นที่น่าจับต้องมากกว่าค่ะ

แต่ถ้าถามเรา เราว่าเครื่อง 1,500 ซีซี น่าจะดีกว่าสำหรับเมืองไทยนะคะ เคยเช่า Eco Car 1,200 ซีซี ขึ้นเขาที่เชียงใหม่ เหนื่อยใช้ได้เหมือนกันค่ะ  ^^"
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: พฤษภาคม 27, 2019, 18:10:14 โดย CHANOM »
In My Garage
2021 Mazda CX3 Comfort
2024 Toyota Corolla Cross E-Hev Premium Luxury
2025 Toyota Corolla Cross E-Hev Premium Luxury



Newhang

ผมใช้ mazda2 1.3 คิดว่าหลังจากนี้คงไม่เอาเครื่องเล็กแล้ว



Nerdys

อีก 20 ปีข้างหน้า มีแนวโน้มที่ถนนเชื่อมระหว่างจังหวัด/อำเภอ เป็น 4 เลนทั้งหมด
อุบัติเหตุจากการแซงไม่พ้นอาจลดลงต่ำมาก อัตราเร่งอาจจะไม่สำคัญอีกต่อไป
ค่ายรถอาจจะแข่งขันแต่เรื่องความประหยัดหรือการปล่อยมลพิษ
รวมทั้งที่จอดรถน้อยลง ค่าจอดแพงขึ้น รถ eco คงตอบโจทย์

จริงๆ เวลาที่ขับ eco car ถ้าขับแบบรู้ limit ของมัน ว่ามันไปได้เท่านี้แหละ นี่แหละเต็มศักยภาพ+ความสามารถ ของมันแล้ว เราก็จะทำใจได้ 555+ :(
แต่คนที่มีรถหลายคันหรือชินกับรถที่แรงกว่า คงต้องปรับตัวสักพัก



ATONGA

.....ถ้าบ้านกับที่ทำงานไม่ต้องขับรถขึ้นภูเขาทุกวัน ผมว่ารถเล็กนี่ดีกว่ารถใหญ่อีกนะครับ ของผมขับในเมืองใช้รถเล็ก นอกเมืองใช้รถใหญ่ ลงตัวมาก มันเหมือนเลือกรองเท้าให้ถูกกับทางที่เราจะไปนั่นแหล่ะ



Nonlamer

ส่วนนึงใช่ อีกส่วนไม่ใช่ ก็ตรงตามจุดประสงค์สำหรับคนอาศัยในเมืองที่เดินทางใกล้ๆแต่รถติดครับ



Turbocharger

จริงๆ เป็นเพราะค่ายรถยนต์เลิกทำ B-Segment ไปหลายยี่ห้อแล้วมากกว่าครับ
จะขยับไป C-Segment ก็งบประมาณไม่ถึง ก็จบที่ Eco car นี่แหละ



BOBBY_7

ข้าวแกง 25 บาท ขายราคาเดิม 10 ปีแล้ว
(แต่ข้าวและกับข้าวจะน้อยหน่อยนะ) :P



rotaryman

ข้าวแกง 25 บาท ขายราคาเดิม 10 ปีแล้ว
(แต่ข้าวและกับข้าวจะน้อยหน่อยนะ) :P
เห็นภาพเลยครับ ตามนั้นเลย



Weetting

1.5   ในแจ็ซ  idsl   ผมว่าแย่กว่า  1.2
THE Manual Gearbox Preservation Society
Drive diesel until last day



e:smart Hybrid

ผมใช้ Eco car มา  2 คันครับ

คือ March 79 แรงม้า

และ Yaris 86 แรงม้า

ผมบอกได้เลยว่า ทดแทนได้สบายครับ

ผมสามารถใช้ม้าทุกตัวอย่างเต็มประสิทธิภาพ จะแซงผมก็ hold รอบไว้ที่ 5000 รอบ
ชิวๆ ครับ ;D

ช่วงล่าง นี่ไม่ใช่ปัญหา เลย วิ่ง 120 ได้หมด ยิ่งเป็น Yaris นี่ไหลไป 130-140 นี่ไม่รู้ตัวครับ ;)

สรุป ขึ้นอยู่ที่ใจครับ



BN`

ถ้าใช้งานแบบปกติทั่วไป ผมเลือก Eco car ครับ เพราะ ประหยัดน้ำมันดี

จริงๆ Eco car หลายๆรุ่นมันก็คือรถขนาด B-Segment ที่ย่อส่วนเครื่องยนต์ลงมานั่นแหล่ะครับ

อย่าง Swift นี่เป็น Eco car ที่มีอัตราเร่งเทียบเท่า B-Segment เลยครับ แถมยังประหยัดด้วย

City กับ Jazz โฉมใหม่ก็คงจะใส่เครื่อง 1.0T มาให้ ซึ่งก็คงจะประหยัดเหมือน Eco car แหล่ะครับ



mamaman

ถ้าใช้งานแบบปกติทั่วไป ผมเลือก Eco car ครับ เพราะ ประหยัดน้ำมันดี
จริงๆ Eco car หลายๆรุ่นมันก็คือรถขนาด B-Segment ที่ย่อส่วนเครื่องยนต์ลงมานั่นแหล่ะครับ
อย่าง Swift นี่เป็น Eco car ที่มีอัตราเร่งเทียบเท่า B-Segment เลยครับ แถมยังประหยัดด้วย
City กับ Jazz โฉมใหม่ก็คงจะใส่เครื่อง 1.0T มาให้ ซึ่งก็คงจะประหยัดเหมือน Eco car แหล่ะครับ

Eco car เป็น คำนิยาม ที่มีแค่ไทยนั่นละครับ
คือ บังคับให้ใช้เครื่องยนต์ขนาดเล็ก 1200  และ  Co2 ต่ำ  และ เพื่อได้ ภาษีต่ำ 12 %
คราวนี้ พิกัดเครื่อง 12000 กับ Co2 ต่ำ มันไปยัดกับ C-segment ก็ไม่เหมาะ
B-segment นี่เหมาะสมแล้ว
ทีนี้ ก็อยู่ที่ ใครทำ แรง ม้า แรงบิดได้ดี



mamaman

จริงๆ เป็นเพราะค่ายรถยนต์เลิกทำ B-Segment ไปหลายยี่ห้อแล้วมากกว่าครับ
จะขยับไป C-Segment ก็งบประมาณไม่ถึง ก็จบที่ Eco car นี่แหละ

แค่ที่ไทยนี่เหลาะครับ เหตุคือไร ก็เพราะที่ไทยเท่านั้น ดันไม่ไหว เพราะภาษีแพง เลยหาวิธี ปลดล็อค ยัด Eco car มา
Yaris ส่งขายเพื่อบ้าน เครื่อง 1500 cc นะครับ



panjap

ขับแล้วเหนื่อย รถมันเล็ก แล้วเครื่องก็ไม่ค่อยมีแรง



seeker

สำหรับผม eco car มีไว้วิ่งในเมือง
นอกนั้น b segment ปกติวิ่ง 120 จะเร่งแซงต้องมากกว่านั้น

ตอนนี้วิ่งออกตจว เบื่อพวก eco car ช้าแช่ขวา ซึ่งจะให้หนีก็ลำบากแรงน้อย



rapee001

ว่ากันตามตรง eco car ส่วนมากคือ b segment เกินครึ่งเพราะ eco car กำหนดแค่ขนาดเครื่อง ส่วน b segment นั้นเน้นขนาดตัวถังเป็นหลัก

ถ้าให้บอกกันตรงๆว่าต่างกับพวกรถเครื่อง 1.5 มั้ย  ต่างครับแต่ก็ยอมรับได้เพราะรถมันไม่ได้อืดขนาดนั้น แค่ไม่กระชากแรงเท่า

และด้วยราคาที่ถูกกว่ากันพอสมควร  eco car ก็เลยเกลื่อนเมืองกว่าที่คิด



HHHsung

ได้ขับทั้ง eco car และ B seg บอกเลยว่าถ้า มองว่าเป็นพาหนะเดินทาง มันแทนได้ยัน D seg SUV

เพราะหลายรุ่น ขนาดตัวถังมันไม่ได้ด้อย B seg เลย เพียงแต่การขับ มันต้องมีการวางแผนมากกว่าเดิม

จะเร่ง จะแซงต้องคิดเยอะ คิดล่วงหน้า เพราะมันมาแบบกระปริดกระปรอย

ปล. เวลาขับ Eco car นี่ใจเย็นขึ้นเยอะ ใครอยากแซงๆ ไปเลย แต่ถ้าขับ C seg แล้วหล่ะก็ ต้องลองกำลังกันนิดก่อน