ถ้าห่วงเรื่องราคาตก ก็ซื้อคันที่ราคาไม่แรง เวลาใช้ก็ถนอมอย่างให้เป็นริ้วเป็นรอยใช้น้อยๆอย่าให้เลขไมล์เยอะ สรุปว่าจะไม่มีความสุขกับการใช้รถเลย น่าจะนั่งรถยนตร์สาธารณะจะดีที่สุด
ปอลิง รถ = ลด ไม่ได้มีเจตนาเสียดสีอะไรเพียงแต่แลกเปลี่ยนแนวความคิดตามข้างล่างเท่านั้นนะครับ
สำหรับผมใช้รถมาหลายคันไม่เคยยึดติด (เพราะไม่มีเงินที่จะสะสมรถคลาสสิคราคาที่มีแต่ขึ้น555) จะมีแนวคิดในการขายรถเพื่อเปลี่ยนคันใหม่อย่างี้ครับ (สำหรับบุคคลทั่วๆไปที่ไม่ใช่คิดแบบนิติบุคคล)
>>>ระยะกม.รวมที่ใช้ x ค่าน้ำมันเฉลี่ยต่อกม. + ค่าตกแต่งซ่อมบำรุง + ราคาที่ซื้อ - ราคาขายต่อ / ระยะกม.รวมที่ใช้ ถ้าผลลัพธ์มากกว่าค่าเดินทางสาธารณะต่อกม.ณ.ปัจจุบันของท่าน (เลือกตามแต่ไลฟ์สไตล์ของแต่ละคนเช่นแท็กซี่, รถเมล์, รถไฟฟ้า, รถเช่า, ลีมูซีนบลาๆๆ แต่ประเภทหลังนี่คงไม่สนราคาขายต่อเท่าไหร่เพราะน่าจะร่ำรวยมีฐานะแล้ว) ถือว่าใช้รถคันนี้ยังไม่คุ้มก็จะยังไม่เปลี่ยน แต่ถ้าได้ตัวเลขน้อยกว่า (+ กิเลส + ปัจจัยอื่นๆ) ก็เริ่มคิดที่จะเปลี่ยนคันใหม่ เพราะเริ่มเห็นความคุ้มค่าที่ได้รับมาเรียบร้อยแล้ว
ต.ย. คันปัจจุบัน ผมซื้อมา 900,000 ใช้มา 4 ปี วิ่งมา 100,000 กม. ค่าน้ำมันเฉลี่ย 2.7 บาท/กม. ค่าตกแต่งซ่อมบำรุง 100,000 ถ้าขายต่อได้ 400,000 ค่าแท็กซี่ไปกลับ(ค่าเดินทางโดยใช้รถสาธารณะต่อวัน) 700 ระยะทาง 90ไปกลับเฉลี่ย 7.77 บาท/กม.
100,000 x 2.7 + 100,000 + 900,000 - 400,000 / 100,000 = 8.7บาท/กม. เมื่อเทียบกับค่าเดินทางโดยใช้รถสาธารณะต่อวันของผม 7.77 บาท/กม. ก็ถือว่าคุ้มแล้วเพราะถ้าบวกกับที่รถคันนี้พาผมไปมาเกือบทั่วไปประเทศแล้วก็คงจะได้เวลาใกล้ๆเปลี่ยนคันใหม่อีกแล้วเนื่องจากกิเลสมันมีมากระตุ้นอีกแล้ว อีกอย่างนึงพอช้มาจนถึงอายุขัยของมันก็ต้องซ่อมต้องเปลี่ยนต้องบำรุงเยอะขึ้นก็ไม่อยากไปวอแววอกแวกกับเครื่องจักรให้วุ่นวายหัวใจให้มากนัก555
อย่าจับผิดคิดเยอะ อย่าดราม่า ผมแค่แชร์แบ่งปันแนวคิด จะได้ไม่ทุกข์:)
![8)](https://community.headlightmag.com/Smileys/flat_emoji/cool.gif)