นั่งส่องรถ Chevrolet หลายคัน ถ้ากล้าเอารถสวยๆ มาขาย ยอดอาจไม่ต่ำขนาดนี้

Staples

ของดีมีอยู่เต็มมือ ใจคอจะให้ใช้แต่รถเกาหลีรึไง

Chevrolet Equinox ใหญ่กว่า Captiva หน่อย



Cruze เจ้าปัญหาในตำนาน



Chevrolet Onix ไซส์เดียวกับ Sonic



Chevrolet Monza



Chevrolet Blazer



Chevrolet Menlo EV




AkE

ไม่ focus ตลาดรถพวงมาลัยขวามานาน เลิกไปแบบนี้ดีแล้วครับเอาต้นทุน เงินหมุนต่างๆไปใช้ในพื้นที่ๆ

Focus ดีกว่าครับ



kriz

รถดีมีเยอะ แต่ปัญหาจริงๆ ผมว่าน่าจะมาจากการที่ไม่สามารถทำราคาในเมืองไทยให้แข่งขันได้ต่างหาก

อย่าง Blazer หน้าตาสวยถูกใจ แต่ถ้าทำราคาออกมาแพงกว่าเจ้าตลาดอย่าง cr-v ก็น่าจะทำยอดแข่งได้ยาก แล้วยิ่งถ้าเป็นรุ่นที่ปกติไม่มีพวงมาลัยขวาในสายการผลิต ก็ต้องมีการลงทุนเพิ่มขึ้นไปอีก

GM น่าจะศึกษาดูจากค่ายอื่นนะว่าเค้าทำ global model ขายกันยังไง โดยเฉพาะค่ายญี่ปุ่น



Mr.Joe

ถ้าเอาเฉพาะตัวโปรดักส์
GM มี platform มากเกินไปครับ และใน platform ที่มากมายนี้ ไม่ focus ในตลาดพวงมาลัยขวาเลย
ถัดมาคือคุณภาพ
GM ได้ชื่อว่าเป็นบริษัทรถที่การเมืองภายในดันฝั่ง “การเงิน” มาเป็นหัวเรือบริษัทมาได้ 30 ปี ดังนั้นโปรดักส์ยุคทองแบบในยุค 70 จึงแทบไม่เห็นอีกเลยในยุค 80 ถึงปัจจุบัน เพราะการพัฒนารถ จะถูกคิดที่กำไร บนความคิดแบบ consumer research มากกว่าการ invent หรือ lead ตลาดด้วย engineering/design แบบ Honda, Mazda, BMW, Volkswagen group จึงจะเห็นได้ว่า GM ทำ products มาไม่ต่อเนื่อง และแถมไปกดต้นทุนด้านคุณภาพ และบริการ ก็ทำให้รถไม่ทนทาน (ที่อเมริกาก็บ่นกันเยอะตั้งแต่ยุค 80-90 ละครับ)
สุดท้ายคือการบริหาร
ปัญหาของการบริหารแบบ GM คือ Centralize ที่ Detroit ที่ให้ผู้บริหารหมุนเวียนมาประจำตามประเทศต่างๆ เพื่อไปต่อในประเทศที่ tier สูงกว่า ปัญหานี้จึงทำให้ผู้บริหาร GM ที่ผลัดกันมาประจำแต่ละประเทศเป็นช่วงสั้นๆ จะมีวิธีทำงานแบบหวังผลระยะสั้น เช่นลดราคาเพื่อเพิ่มยอด ลดคุณภาพสินค้าเพื่อบดต้นทุน ลดงบการพัฒนา service เพื่อเหลือเงินเก็บส่งกลับสำนักงานใหญ่
ต่างจากทางญี่ปุ่น และเยอรมัน ที่จะมีทั้ง supplier และส่วนพนักงานประจำที่อยู่ยาวๆที่เป็นชาติเดียวกันมาร่วมตัดสินใจ นอกเหนือจากแค่พนักงานระดับบริหาร ที่เวียนมา แล้วก็เวียนไป ไม่เกิดการพูดคุย หรือผูกพันจนเข้าใจตลาดนั้นๆครับ



Staples

ถ้าเอาเฉพาะตัวโปรดักส์
GM มี platform มากเกินไปครับ และใน platform ที่มากมายนี้ ไม่ focus ในตลาดพวงมาลัยขวาเลย
ถัดมาคือคุณภาพ
GM ได้ชื่อว่าเป็นบริษัทรถที่การเมืองภายในดันฝั่ง “การเงิน” มาเป็นหัวเรือบริษัทมาได้ 30 ปี ดังนั้นโปรดักส์ยุคทองแบบในยุค 70 จึงแทบไม่เห็นอีกเลยในยุค 80 ถึงปัจจุบัน เพราะการพัฒนารถ จะถูกคิดที่กำไร บนความคิดแบบ consumer research มากกว่าการ invent หรือ lead ตลาดด้วย engineering/design แบบ Honda, Mazda, BMW, Volkswagen group จึงจะเห็นได้ว่า GM ทำ products มาไม่ต่อเนื่อง และแถมไปกดต้นทุนด้านคุณภาพ และบริการ ก็ทำให้รถไม่ทนทาน (ที่อเมริกาก็บ่นกันเยอะตั้งแต่ยุค 80-90 ละครับ)
สุดท้ายคือการบริหาร
ปัญหาของการบริหารแบบ GM คือ Centralize ที่ Detroit ที่ให้ผู้บริหารหมุนเวียนมาประจำตามประเทศต่างๆ เพื่อไปต่อในประเทศที่ tier สูงกว่า ปัญหานี้จึงทำให้ผู้บริหาร GM ที่ผลัดกันมาประจำแต่ละประเทศเป็นช่วงสั้นๆ จะมีวิธีทำงานแบบหวังผลระยะสั้น เช่นลดราคาเพื่อเพิ่มยอด ลดคุณภาพสินค้าเพื่อบดต้นทุน ลดงบการพัฒนา service เพื่อเหลือเงินเก็บส่งกลับสำนักงานใหญ่
ต่างจากทางญี่ปุ่น และเยอรมัน ที่จะมีทั้ง supplier และส่วนพนักงานประจำที่อยู่ยาวๆที่เป็นชาติเดียวกันมาร่วมตัดสินใจ นอกเหนือจากแค่พนักงานระดับบริหาร ที่เวียนมา แล้วก็เวียนไป ไม่เกิดการพูดคุย หรือผูกพันจนเข้าใจตลาดนั้นๆครับ

วิเคราะห์ได้น่าฟังมากครับ +1



bubball

ถ้าเอาเฉพาะตัวโปรดักส์
GM มี platform มากเกินไปครับ และใน platform ที่มากมายนี้ ไม่ focus ในตลาดพวงมาลัยขวาเลย
ถัดมาคือคุณภาพ
GM ได้ชื่อว่าเป็นบริษัทรถที่การเมืองภายในดันฝั่ง “การเงิน” มาเป็นหัวเรือบริษัทมาได้ 30 ปี ดังนั้นโปรดักส์ยุคทองแบบในยุค 70 จึงแทบไม่เห็นอีกเลยในยุค 80 ถึงปัจจุบัน เพราะการพัฒนารถ จะถูกคิดที่กำไร บนความคิดแบบ consumer research มากกว่าการ invent หรือ lead ตลาดด้วย engineering/design แบบ Honda, Mazda, BMW, Volkswagen group จึงจะเห็นได้ว่า GM ทำ products มาไม่ต่อเนื่อง และแถมไปกดต้นทุนด้านคุณภาพ และบริการ ก็ทำให้รถไม่ทนทาน (ที่อเมริกาก็บ่นกันเยอะตั้งแต่ยุค 80-90 ละครับ)
สุดท้ายคือการบริหาร
ปัญหาของการบริหารแบบ GM คือ Centralize ที่ Detroit ที่ให้ผู้บริหารหมุนเวียนมาประจำตามประเทศต่างๆ เพื่อไปต่อในประเทศที่ tier สูงกว่า ปัญหานี้จึงทำให้ผู้บริหาร GM ที่ผลัดกันมาประจำแต่ละประเทศเป็นช่วงสั้นๆ จะมีวิธีทำงานแบบหวังผลระยะสั้น เช่นลดราคาเพื่อเพิ่มยอด ลดคุณภาพสินค้าเพื่อบดต้นทุน ลดงบการพัฒนา service เพื่อเหลือเงินเก็บส่งกลับสำนักงานใหญ่
ต่างจากทางญี่ปุ่น และเยอรมัน ที่จะมีทั้ง supplier และส่วนพนักงานประจำที่อยู่ยาวๆที่เป็นชาติเดียวกันมาร่วมตัดสินใจ นอกเหนือจากแค่พนักงานระดับบริหาร ที่เวียนมา แล้วก็เวียนไป ไม่เกิดการพูดคุย หรือผูกพันจนเข้าใจตลาดนั้นๆครับ

ข้อมูลแน่นๆเลย ขอบคุณสำหรับความรู้ครับ  :-*



แมวดราม่า

ผมโคตรชอบ Equinox กับ Blazer เลย
Dare to Drama! | Original Nissan X-Trail Club Thailand: http://www.facebook.com/groups/180634121979355/



legion

ผมชอบแต่โมเดล ซูเบอร์บัน หรือ ทาโฮ อื่นๆ เฉยๆครับ



InBkk

ถ้าให้วิ้ครจากสิ่งที่เห็น โจทย์สำหรับประเทศไทยจากบริษัทแม่คงประมาณว่า

“ผมอยากลุงน้อยๆ แต่ได้ยอดเยอะๆ ไปคิดมาซิว่าจะทำยังไง”

คำตอบของโจทย์นี้ อาจเป็นได้หลายอย่าง แต่อย่างนึงที่ไม่ใช่แน่ๆ คือ การขึ้นไลน์ผลิตรถจากตลาดในบ้านเกิด



alpha14

ค่ายรถบ้านเรามักคิดว่าคนต้องการรถสวย งั้นกะรูขายแพงๆเลย แบบนี้อ๊ะเปล่า



Newhang

มันมีปัญหาตั้งแต่แนวคิดผู้บริหาร องค์กร สินค้า มันถึงเป็นแบบนี้

ถ้าเป็นญี่ปุ่นก็คือ นิสสันกับมิตซู



SM.

ผมว่ากลับไปตั้งหลักก่อนก็ดีครับ บางทีก็ต้องยอมตัดบางส่วนทิ้ง คงไว้แต่ core business



rtong

มีส่วนครับ  แต่ก็มีปัจจัยอื่นด้วย



Tien.W

ถามว่า Cruze ไม่สวยเหรอ ?

สวยนะครับ แต่มันตาย เพราะแก้ปัญหาไม่จบ งอแงเรื่องเคลม จนกลายเป็นชื่อเสีย น่ะครับ

ปัญหาของ Chev บ้านเราคือ คุณภาพสินค้า + บริการหลังการขาย ครับ ถ้าปรับได้ มันก็ไปได้ ชอบยกตัวอย่าง isuzu รถไม่มีอะไรเลย ทำไมขายได้ ทำไม mu-x ขายดี แต่ Trailbrazer ขายไม่ได้ ??? รถก็เหมือนๆกัน แต่ chev ขับดีกว่า เงียบกว่าด้วย ครับ

.........

แอบห่วง คนที่แห่จอง Captiva ขอสัก 3 ปี ผมว่า มีสยอง มือสอง น่าจะเหลือสักแสนมั้งนั่น



phraeboy_mz2

 ผมคิดว่าแม้รถจะสวยยังไงก้ตาม ยอดขายก้ไม่พุ่งอยู่ดีล่ะคับ เพราะมันไม่ใช่แบรนด์ที่คนไทยชอบเหมือนแบรนด์ญี่ปุ่น ที่คนไทยจะผูกพันมากกว่า จริงๆนะ ลองดูสถานการที่ผ่านมาก้จะเห็นชัด